ตอนที่ 360 ข้าจักก่นด่าเจ้าจนตายด้วยโทสะ !

Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ

ความเหนือกว่าและความสามารถอาจมิใช่สิ่งที่ดีเสมอไป  สิ่งนั้นสามารถนำมาซึ่งหายนะต่อเจ้าของฝีมือนั้นได้  และ ไม่จำเป็นต้องออกไปมองหาตัวอย่างไกลนัก  ไป๋ลี่หลัวหยุน มีฝีมือที่พิเศษ แต่ เขาย่อมไม่เป็นที่สนใจต่อความริษยาของทั้งสกุล หากมิได้เกิดมามีฝีมือชั้นเลิศ  เขาสามารถนำพาชื่อเสียงและความรุ่งโรจน์ในอนาคตมาได้หากพวกเขามองข้ามไป แต่ พวกเขาพียงต้องการกำจัดเขา  โดยเร็วที่สุดเท่านั้น !

 

สายลมสามารถทำลายต้นไม้ที่งดงาม

จวินวูอี้รู้ว่าหลานของเขาฉลาดและมีความสามารถมากกว่า ไป๋ลี่หลัวหยุน เขารู้ว่า อนาคตของจวินโม่เซี่ยจักนำมาซึ่งความประหลาดใจ  แต่ นั้นก็ทำให้เขาเป็นกังวลเช่นกัน  เห็นได้ชัดว่าผู้ใดที่ได้พบความสามารถของจวินโม่เซี่ย พวกเขาจักตัดไฟตั้งแต่ต้นลม หากพวกเขาสงสัยถึงความสำเร็จในอนคตของจวินโม่เซี่ย

 

ความโกลาหลในอตีด … มิได้เกิดขึ้นด้วยเหตุผลนี้หรือ ?

 

บนยอดเขา….

 

” ศึกชีชะตานี้เทียนฟาได้รับชัยชนะ ! ”

เล่ยเปายู่ ประกาศผลของศึกออกมาอย่างมีวาทะเนื่องจากเขาได้เห็นมันกับตา  ผลของการต่อสู้นั้นเป็นเรื่องจริง และ ผู้อาวุโสทุกคนที่อยู่ตรงนั้นได้เห็นมัน

 

” เดี๋ยวก่อน ! ”

มีเสียงดังขึ้นอย่างมีโทสะ  จากนั้น เอ่ยต่อไปอย่างกล้าหาญ

” พวกเรายังมีกองกำลังอยู่ในสนามรบ คนของเรายังไม่ตายทั้งหมด  เข่นนั้น เหตุใดจึงตัดสินว่า เทียนฟาชนะ ?  จวินวูอี้ เจ้าคนขี้ขลาดผู้นั้นยังคงอยู่ในสนามรบ  เขายังไม่ตาย  เข่นนั้น เหตุใดเขาจึงไม่โจมตี ? “

 

ทุกคนดูหมิ่นผู้ที่เอ่ยออกมาเป็นเสียงเดียวกัน ความจริง การอธิบายนั้นดีมากสำหรับเขา ชัดเจนว่าผู้ที่เอ่ยสิ่งนี้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างการไร้สมองและสติปัญญา

 

กองกำลังของมนุษย์แตกกระจาย และแต่ละกลุ่มต่างต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว  และ มีผู้บาดเจ็บล้มตายมากมายเท่าไหร่ในขณะที่แต่สู้กับอสูรเชวียน ?  โดยเฉพาะเมื่อตัดยอดฝีมือเทพเชวียนและสวรรค์เชวียนบางคนออกไป … ?  เพียงแปดสิบหรือเก้าสิบคนที่รวมตัวกันอยู่ !  เพียงอสูรเชวียนที่เหลืออยู่ก็เพียงพอที่จักจัดการจับจำนวนของมนุษย์ที่เหลืออยู่  กองทัพพันธมิตรของมนุษย์ก็เหลือไม่ถึงสามร้อยหากไม่นับคนที่เจ็บและตาย  เช่นนั้น พวกเขาจักไม่สุญเสียมากไปหรือหากยังคงสู้ต่อ ?  พวกเขาไม่ควรยอมรับความพ่ายแพ้ในตอนนี้หรือ ?  แม้แต่คนโง่ก็เห็นสิ่งนี้ !

 

ทุกคนหันไปเห็นใบหน้าเปื้อนเลือดด้วยสีหน้าราวกับหมาป่า  เปลวไฟลุกโชยในดวงตาของคนผู้นี้ขณะที่เขามองไปยังจวินวูอี้  คนผู้นั้นคือ เซี่ยวฮั่น และ ความหมายของเขานั้นชัดเจน  ยังไม่พ่ายแพ้จนกว่าคนของจวินวูอี้และคนของเขาตาย  เขาจักไม่ยอมรับความจริงนั้นจนกว่าศัตรูของเขาตาย

 

ทุกคนเข้าใจความหมายที่อยู่ในใจของเขา

 

มันยังไม่ชัดเจนหรือว่าเขาต้องการเห็นจวินวูอี้ตาย ?

 

ทุกคนรู้เรื่องราวในอดีต  พวกเขาเข้าใจถึงความหึงหวงที่พุ่งทยานของคนผู้นี้ เขาได้อ้าปากเพื่อแสดงถึงความโง่เขลา  และ วาจาของเขานั้นไร้เหตุผลและยุ่วยุอย่างแท้จริง !

 

 

 

” คนแรกที่หนีไปกลับมาแล้ว  เขาไม่ดูคล้ายสุนัขที่กลับมาและกระดิกหางหรอกหรือ ?  หรือเจ้าควรกลับลงสนามไปเสี่ยงชีวิต และ แสดงถึงความกล้าหาญที่เดือดพล่าน … แต่ดูเหมือนผู้ที่ทิ้งสนามรบไปจักมาคุยโวว่าการต่อสู้ยังไม่สิ้นสุด ? “

เสียงเหยียดหยามและเชื่อยชาดังขึ้น

 

นั่นมิใช่ใครนอกจาก คุณชายน้อยจวิน เด็กหนุ่มอ้าปากเพื่อแสดงความเยาะเย้ยออกมา  ตอนนี้เขายืนห่างจาก ประสกเหมย อย่างมาก  เขาถูกนางเหยียบย่ำ  เช่นนั้น หัวใจของเขาจึงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย  ความจริง คุณชายน้อยจวิน ไม่ต้องการที่จักปรากฏตัวในเวลานี้  แต่ เขามิอาจทนต่อวาจาไร้ยางอายของ เซี่ยวฮั่นได้  ยิ่งไปกว่านั้น เขาเข้าใจว่า ประสกเหมย ต้องการเพียงตบตีเขา แต่มิได้ต้องการสังหารเขา

 

ทำให้เขามิได้เป็นกังวลถึงชีวิตของตัวเอง  ยิ่งไปกว่านั้น เขามีเรื่องที่สำคัญกว่าที่ต้องจัดการ  เช่นนั้น เขาจึงยอมเสี่ยง และปรากฏตัวขึ้น

 

แสงจางๆปรากฏในแววตาของ ประสกเหมย ขณะที่นางมองไปยัง จวินโม่เซี่ยที่ปรากฏตัวขึ้นอย่าเฉียบพลัน

เจ้าคนเลวผู้นี้ลึกลับยิ่งนัก  เมื่อกี๊เขาหายไปอย่างลึกลับ  แต่ เขาปรากฏตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว  ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสามารถซ่อน แก่นวิญญาณ ของเขาได้  ประหลาดยิ่งนัก !

 

” เอ่ยวาจาน่าอับอายอะไรนักหนาเจ้าเด็กสารเลว ? “

เซี่ยวฮั่นโต้กลับ

 

” ข้าเอ่ยอันใด ?  นั้นยังไม่ชัดเจนเพียงพออีกหรือ …ง ?  อย่างแรก นครสีเงินของเจ้าแหกกระบวนทัพก่อนที่ฝ่ายเราจักพ่ายแพ้  จากนั้นคนของเจ้าหนีไป !  นี่เป็นข้อหาที่สมควรประหารชีวิตเสีย ! ”

 

จวินโม่เซี่ย คำรามทางจมูกและเอ่ยต่อ

” เจ้ายังมาบอกว่าการต่อสู้ยังไม่จบ เช่นนั้น เหตุใดคนของเจ้าจึงกลับมา ?  เจ้าไม่มีหน้ามาพูดว่าการต่อสู้ยังไม่จบ !  ข้าไม่เข้าใจว่าที่นครสีเงินสั่งสอนเจ้าได้สูงส่งเพียงใด … ให้เจ้ารักตัวกลัวตายและหนีออกมาตั้งแต่เริ่มศึก  จากนั้นเจ้าเรียกคนที่ต่อสู้อยู่ตั้งแต่เริ่มต้นว่าคนขี้ขลาด  ชิ … อสูรเชวียนจากเทียนฟายังคงอยู่ตรงนั้นหากเจ้าต้องการไปทำตามสิ่งที่เอ่ย  เจ้านำเข้าไป และข้ามั่นใจว่า กองกำลังจากเทียนเชียงจักติดตามไป  ไม่มีผู้ใดจักอยู่รั้งท้าย  เจ้ากล้าหรือไม่ ? “

 

เซี่ยวฮั่น พูดไม่ออก

ข้าจักไม่เข้าไปตายหรอกหรือหากข้าเข้าไปตอนนี้ ?  อสูรเชวียนอาจปราณีเจ้า แต่ข้านั้นไม่อาจทำเช่นนั้น

 

จากนั้น จวินโม่เซี่ย เงยหน้าและเอ่ย

” โชคดีที่ผู้อาวุโสของ นครพายุหิมะสีเงิน อยู่ที่นี่  ข้าอยากขอให้ผู้อาวุโสเทพเชวียนที่อยู่ที่นี่ขอโทษข้า  แต่ ความไร้ยางอายนี้เป็นธรรมเนียมของ นครสีเงินอย่างนั้นหรือ ?  คนผู้นี้เป็นดาวรุ่งของสกุลเซี่ยวแห่งนครสีเงินมิใช่หรือ ?  ความแข็งแกร่งของยอดฝีมือเทพเชวียนสิบคนของเจ้านั้นดังเพียงพอที่จักหลบหนีออกมามิใช่หรือ ?  แค่ปกป้องยอดฝีมือเทพเชวียนสองคนนั้นดียิ่งมิใช่หรือ ?  เจ้ากลับหางจุดตูดและช่วยเพียงคนของตัวเอง  หน้าของเจ้าจักไม่แดงเพราะเรื่องนี้หรือ ? “

 

วาจาของจวินโม่เซี่ยนั้นคมกริบและโหดร้าย  แต่ พวกมันยังคงเป็นความจริง  ไม่มีผู้ใดหักล้างได้  ยิ่งไปกว่านั้น มิใช่แค่เพียงของนครสีเงินเท่านั้นที่หนีออกมาเพียงลำพัง  นั่นคือการทรยศต่อส่วนรวม  และ นั้นก็นำไปสู่ความล้มเหลวของการต่อสู้ทั้งหมด  ท้ายที่สุดแล้ว ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นสูงส่งที่สุดในเหล่ากองกำลังพันธมิตร  และ การกระทำของเขานั้นเป็นความผิดต่อส่วนรวม  และ พวกเขาไม่อาจปฏิเสธได้ในตอนนี้ แม้นว่าการประทำของเขาจักไม่เป็นธรรมเนียมของ นครสีเงิน

 

นี่เป็นเพียง ธรรมเนียมของสกุลเซี่ยว และมิใช่นครสีเงินทั้งหมด  แต่กระนั้น พวกเขาก็อยู่ที่นี่ในฐานะของนครพายุหิมะสีเงิน  เช่นนั้น แม้แต่ความน่ารังเกียจของพวกเขาก็ถือว่าเป็นความล้มเหลวของนครเช่นกัน

 

ผู้อาวุโสสาม หก และเก้าแห่ง นครพายุหิมะสีเงิน ตกตะลึง กระบี่ทั้งเจ็ดแห่งเมืองสีเงิน ก็ไม่ต่างกัน  พวกเขาพูดไม่ออกเมื่อต้องเผชิญกับการตำหนิของเด็กหนุ่ม  พวกเขาพร้อมเพรียงกันก้มหัว ใบหน้าร้อนผ่าว  พวกเขาไม่อาจมีโทสะได้แม้นว่าพวกเขาต้องการ เนื่องจากต่อหน้าพวกเขามีสายตานับพันจ้องอยู่  เช่นนั้น พวกเขาจึงเลือกวิธเบี่ยงเบนความสนใจ

 

แม้แต่เงาของพวกเขาก็ยังไม่อยู่ในสามรบในขณะที่ยอดขุนพลยังคงต่อสู้อยู่  ชัดเจนว่าพวกเขาหนีออกมาอย่างไร้เหตุผล  ดังนั้น พวกเขาจึงไม่มีอะไรให้โต้แย้งในเวลานี้

 

มันเป็นสิ่งที่ระคายหู  แต่ ก็ถือว่าเป็นความผิดต่อนคร หากพวกเขาหนีไปเช่นนั้นในระหว่าการต่อสู้ที่แท้จริง  ชัดเจนว่าพวกเขาต้องถูกประหากชีวิตเพราะการกระทำนี้  ความจริง หากทรัพย์สินของสกุลพวกเขาไม่ถูกยึดนั้นถือได้ว่าเป็นการผ่อนปรน …

 

ยิ่งไปกว่านั้น เล่ยเปายู่ และ ปู้กวงเฟิง เป็นผู้ที่เฝ้าดูศึกครั้งนี้อยู่เช่นกัน  ทั้งสองเป็นสุดยอดฝีมือในยุคของพวกเขา และยังเป็นตัวแทนของ โลกเซียนอมตะ ดังนั้น ความจริงที่ว่าพวกเขาเห็นการกระทำทั้งหมดนี้เป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับข้อโต้แย่งของจวินโม่เซี่ย …

 

ผู้อาวุโสหลายคน รวมไปถึงผู้ที่ปกป้อง เซี่ยวปู้หยู รู้สึกรำคาญเซี่ยวฮั่น  เขารู้สึกว่าหลานชายของเขาทำให้ทุกคนอับอาย

ชีวิตของเขาปลอดภัย  เขาควรจะหัวเราะออกมา  เหตุใดต้องตะโกนเช่นนี้ ?

 

พวกเขาสิบยอดฝีมือเทพเชวียนจักต้องหลบหนีออกมาหรือหากมิใช่เพราะต้องปกป้องเจ้า … ?  และตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามก็เยาะเย้ยเรา และพวกเรามิอาจตำหนิเหตุผลของเขาได้  นครพายุหิมะสีเงินเสียหน้าต่อยอดฝีมือและวีรบุรุษทั้งโลก การสูญเสียชื่อเสียงนี้จะยังคงดำเนินต่อไปอีกหลายปี !

 

” พูดอย่างไม่อาย … สกุลจวินเป็นเป้าหมายของทุกคน ”

จวินโม่เซี่ยเผชิญหน้ากับทุกคน และมองพวกเขาด้วยความชั่วร้าย  จากนั้น เขามองไปยัง ลีจื้อเทียน และเริ่มเอ่ยด้วยจุดประสงค์ที่แท้จริง

 

” วันนี้มียอดฝีมือ สามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มากมายมาเข้าร่วม พวกเขาทั้งหมดได้เป็นพยานในการต่อสู้  ยิ่งไปกว่านั้น วีรบุรุษและยอดฝีมือเชวียนผู้ทรงพลังของโลกก็ได้มารวมตัวกันที่นี่ แม้แต่ ราชันแห่งเทียนฟา ประสกเหมย  เช่นนั้นข้าจึงขอถาม ยอดปรมาจารย์ ลีจื้อเทียน ถึงบางสิ่งต่อหน้าพวกเขา “

 

เล่ยเปายู่ และ ปู้กวงเฟิงดูเหมือนจักชื่นชมสิ่งนี้

เด็กหนุ่มจากสกุลจวินนั้นยังเด็กนัก  อีกทั้ง เขายังอยู่ในขั้นเทพเชวียน  แม้แต่พวกเขาก็ไม่อาจไปอยู่ในระดับนี้ได้ตอนอายุเท่านี้ !  เขานั้นมากสามารถจริงๆ !  ไม่มีให้เห็นมากนักที่มีผู้ที่ได้พบกับยอดฝีมือระดับตำนานจากอดีต และยังไม่มาทำตัวรับใช้ประจบประแจง  ลักษณะที่อิสระและเปิดเผยนี้เป็นผลมาจากการฝึกฝนตัวเอง !

 

เจ้าเด็กผู้นี้จัดเป็นที่น่าชื่นชมเมื่อเวลาผ่านไป  โลกจะได้เห็นยอดฝีมือระดับปรมาจารย์อีกคนในเวลาไม่เกินสามสิบปีนี้ !

 

ความจริง จวินโม่เซี่ยรู้สึกว่า คำยกยอเล็กๆของเขาสร้างความประทับใจให้กับสอง มหาปรมาจารย์

 

” พวกเราอยู่ในนครเทียนเชียง พวกเราอยู่อาย่างอิสระและไม่มีความกังวลใจ เช่นนั้นทันจะคุ้มค่าเงินของเราหรือไม่หาก นครสวรรค์ใต้ถูกทำลาย ?  …. หรือทุกคนใน มณฑลฉือฮั่น กลายเป็นผีไปทั้งหมด ?  แต่ ยอดปรมาจารย์ลีจื้อเทียน ได้ออกคำสั่ง เรียกระดมพล และพวกเราได้ลืมความเกลียดชังในอดีต  พวกเราอาสามาต่อสู้ และนำกองทหารมานับพันลี้ … ข้ามหุบเขาและแม่น้ำมาที่นี่  แต่พวกเราเร่งรีบข้ามคืนมาเพื่ออะไร ?  เพื่อผลประโยชน์ของ มณฑลฉือฮั่น !  พวกเราทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ชาติ และทำอย่างสุดความสามารถเพื่อดำรงความเป็นชนชั้นสูงเพื่อให้ความยุติธรรมคงอยู่บนโลก !

 

เสียงของจวินโม่เซี่ยดังลั่น  ราวกับทนายผู้ที่ยืนกล่าวหาความผิดต่อหนาศาล  ใบหน้าของเขามีความยุติธรรมที่เยือกเย็น

” พวกเรามาที่นี่อย่างกระตือรือร้น  แต่ พวกเรากลับต้องพบกับความกดดันอันลึกลึกแทนที่จักได้รับความต้อนรับที่อบอุ่น !  พวกเราถูกผลักไส และ ยอดปรมาจารย์ลี่ผู้ยิ่งใหญ่ผู้นั้น ได้เสี่ยงกับความเป็นไปของมนุษย์ชาติอย่างมิอาจคาดได้ด้วยเหตุผลที่เหHนแก่ตัวและความแค้นอันยาวนานของเขา !  เขาลอบวางแผนเพื่อทำตามความต้องการในการสังหารเรา !

 

” มหาปรมาจารย์ พายุและสายฝนได้เห็นมันด้วยตาตัวเอง  พวกเขาต้องได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับกระบวนทัพอย่างชัดเจน แม้แต่ผู้ที่ไม่รู้ถึงเรื่องราวเบื้องหลังก็สามารถมองเห็นมันได้เป็นธรรมดา !  พวกเราเดินทางมาไกลถึงที่นี่เพื่อให้ความช่วยเหลือพันธมิตรในการต่อสู้  มันบอกได้ว่าพวกเราให้ความช่วยเหลือที่สำคัญในเวลาที่ต้องการ เช่นนั้น ข้าจักไม่อาจหัวเราะเยาะในเวลานี้ได้อย่างไร ?  สองปรมาจารย์จาก โลกเซียนอมตะก็อยู่ที่นี่ด้วย  เช่นนั้น ข้าไม่กลัว และข้าควรจักพูดได้อย่างเสรี ตอนนี้ ยอดปรมาจารย์สองหรือสามจักตอบโต้ ?  เช่นนั้น ข้าต้องการจักถามท่าน …. สำนึกในเรื่องนี้อยู่ที่ใดกัน ?  ความยุติธรรมอยู่ที่ใด ?  ศีลธรรมอยู่ที่ใด ?  กำปั้นที่กำแน่นจักต่อต้านความยุติธรรมของโลกและเจตจำนงของผู้คนได้อย่างไร ?

 

” และ ให้ข้าถามท่านอีกหากท่านเต็มใจที่จักตัดสินใจเช่นนั้นเพื่อแก้แค้นส่วนตัว … ทุกคนรู้ว่าชัยชนะของเทียนฟาในสงครามนี้จักหมายถึงหายนะของสามัญชนเนื่องจากพวกเขาสามารถบุกเข้าไปภายในดินแดนได้ และทำไมท่านจึงสับสนกับช่วงเวลาสำคัญด้วยการทรยศเช่นนี้ ?  ท่านตัดสินใจให้ แม่ทัพสูงสุดไปติดกับ !  เช่นนั้น เหล่าคนสามัญเป็นอะไรในสายตาท่าน ?  ท่านแต่ละคนเป็นยอดฝีมือเทพเชวียน  แต่ ท่านไม่มีความเป็นมนุษย์อย่างนั้นหรือ ?  ไม่มีแม้แต่น้อยหรือ ….. ? หรือไม่มีสิ่งอื่นใดนอกเสียจากความเห็นแก่ตัวของเจ้า … ? “

 

จวินโม่เซี่ยรู้สึกตื่นเต้นขณะที่เขาเอ่ยต่อไป ให้กำลังใจผู้แปลได้ที่ thai’-‘novel’.’com’ เขาวางแผนที่จักป่าวประกาศ  แต่ เขาเริ่มขุ่นเคืองเมื่อมาพูดถึงข้อนี้

” ยอดปรมาจารย์ลี่ ข้ากล้าพอที่จักถามท่านเรื่องนี้ … ท่านไม่สนใจ … ท่านไม่สนใจที่เรามาที่นี่เพื่อช่วยท่าน และ ท่านยังต้องการที่จักทำให้เราติดกับ แล้วทำไมท่านจึงเรียกระดมพลตั้งแต่แรก ?  เหตุใดท่านไม่นำ มณฑลฉือฮั่นต่อสู้กับ อสูรเชวียนเพียงลำพังหากท่านมีความกล้าหาญเช่นนั้น ?  เหตุใดในโลกนี้ท่านจึงทำตัวราวนกกระจอกเทศที่ปิดปังความจริง ?

 

” เหตุใดท่านไม่เดิมพันทุกอย่างในนั้น ?  เหตุใดท่านไม่ออกไปสังหาร หรือถูกสังหาร…แบบธรรมดาและเรียบง่าย … ?  โลกจักไม่สรรเสริญถึงความแข็งแกร่งของท่าและเรียกท่านว่าวีรบุรุษหรอกหรือหากท่านทำเช่นนั้น ?

 

” แต่ท่านไม่ทำ ท่านรักตัวกลัวตาย และท่านร้องขอความช่วยเหลือจากการระดมพล !  ท่านทำเช่นนั้นเพราะทุกคนในอินแดนรู้ว่านั้นเป็นสิ่งที่มิอาจเพิกเฉยได้ ?  อุบะ !  มันยังคงเป็นการร้องขอความช่วยเหลือ เข้าใจหรือไม่ ?  และท่านได้ เรียกระดมพล นี่หมายความท่านรักตัวและกลัวตาย !  นี่เป็น การอัญเชิญสูงสุด ครั้งแรก ในประวัติศาสตร์นับหมื่นปีของดินแดนนี้  ลีจื้อเทียน ท่านเป็นคนแรกตั้งแตกอดีตกาลที่ขี้ขลาดพอจักทำเช่นนี้ !  ไม่มีผู้ใดจักเหนือกว่าได้ภายภาคหน้า  นี่ยังคงเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน !  ท่านจักยังคงเป็น ยอดปรมาจารย์ผู้ขี้ขลาดคนแรก !

 

” ความแข็งแกร่งของพวกเรานั้นอ่อนแอที่สุดในหมู่พันธมิตร  แต่ พวกเราไม่ได้ถอนตัวออกมาจากสนามรบ พวกเรายังคงยืนอยู่ตรงนั้นจนกว่าจะเป็นคนสุดท้าย สกุลอื่นที่ต่อสู้ก็ยังไม่ถอนตัวเช่นกัน  เลือดของพวกเขาจักอาบรดแผ่นดิน แต่ ท่านพยายามหนีให้เร็วที่สุด !  คนของท่านเป็นเหตุของการต่อสู้นี้ และ ผู้ที่ออก การอัญเชิญสูงสุด ก็มาจาก มณฑลฉือฮั่น และ นครพายุหิมะสีเงิน !  และสิ่งที่มากกว่านั้น … คนของท่านยังแข็งแกร่งที่สุด !  ท่านไม่อายหรือที่ยืนอยู่ท่ามกลางพวกเราที่นี่ ? “

 

จวินโม่เซี่ยคำรามทางจมูก

” ท่านวางแผนจักทำให้ลุงข้าติดกับ !  แล้วท่านยังไม่ยอมรับในการพ่ายแพ้เพราะท่านยังเห็นว่าเขาไม่ตายอย่างนั้นหรือ ?  ลีจื้อเทียน เซี่ยวฮั่น ข้าควรเชื่อว่าท่านทั้งสองเป็น มหาปรมาจารย์จากวันนี้ไป !  เพราะ ต้นฉบับ thai-novel.com… ท่านทั้งสองเป็น มหาปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเรื่องการไร้ยางอาย !  ผู้ใดจักเทียบท่านทั้งสองได้ ?!  ยอดปรมาจารย์หน้าด้าน !  ชื่อที่เหมาะกับท่านทั้งสอง !  ข้ามั่นใจว่าไม่มีผู้ใดที่พิสูจน์ได้ว่านั่นไม่จริง ! ”

 

คนที่จวินโม่เซี่ยดุด่าตัวซีดเผือก  มีหลายคนที่มือไม่สะอาด และ พวกเขาก็ใช่โอกาศนี้เพื่อสร้างอุบายที่ไร้ยางอาย แต่ คนอื่นๆก็ทำตามน้ำไปเท่านั้น

 

ลีจื้อเทียน ถูก ประสกเหมยจับก่อนหน้านี้เล็กน้อย  จากนั้นเขาโดนต่อยเข้าที่หน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเขาไม่อาจต้ายท่านมันได้  ชื่อเสียงของเขาได้รับผลกระทบที่ไม่ดีแล้ว  ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับบาดเจ็บร้ายแรงหลังจากที่ ประสกเหมย ได้มอบบทเรียน แต่ เขาไม่อาจยืนขึ้นได้  เช่นนั้นเขายังคงอยู่ที่นี่และยังคนนอนอยู่บนพื้น  เขาอาจหลีกเลี่ยงปัญหาและช่วยตัวเองให้พ้นจากความอับอายนี้ได้หากมิได้เผชิญกับการตบตีก่อนหน้านี้ และ เขาจักมิได้รับความอับอายนั้น

 

เขาไม่ต้องการที่จักตอบโต้ได้อย่างไร ?  แต่ ฝีมือของเขามิอาจเทียบกับฝ่ายตรงข้ามได้  แล้วเขาจักตอบโต้ได้อย่างไร ?

 

ลีจื้อเทียนยังคงนอนอยู่บนพื้น และคนจาก มณฑลฉือฮั่นกำลังดูแลเขาอยู่  ตอนนี้เองที่เขาได้ยินคำถามและการประมาที่ยาวเหยียดของจวินโม่เซี่ย ทุกประโยคพูดถึงความยุติธรรม ทุกวาจาพูดถึงความยุติธรรมที่แท้จริง

 

แต่ ข้อเท็จจริงที่ทำให้เขายากจะเข้าใจนั้นคือ จวินโม่เซี่ยมิได้พูดถึงแง่มุมอื่นๆอีกหลายเรื่อง  เขามิได้พูดว่า เหตุใด ยอดฝีมือเทพเชวียนและ ปฐพีเชวียนตาย .. เหตุใดยอดฝีมือเทพเชวียนจำนวนวมากต้องสูญเสีย …​แต่ ยอดฝีมือหยกเชวียน ที่อยู่ภายใต้บัญชาของจวินวูอี้จึงยังรอด … ? และจากนั้น เด็กหนุ่มก็ได้หงายไพ่เหยื่อ เขาใช้ความยุติธรรมเพื่อดึงอารมร์ของมนุษย์เพื่อเยาะเย้ยเขา  ยิ่งไปกว่านั้น คนผู้นี้ทำตัวกล้าหาญและมั่นใจ…ราวกับความถูกต้องอยู่ฝั่งเดียวกับเขา เสียงของเขาทรงพลังและก้องกังวาล และเขาได้โต้เถียงด้วยพลังแห่งความเชื่อมั่นที่หนุนหลัง เขาเยาะเย้ยผู้คนและทำให้อับอาย เขาทำให้พวกเขาอับอายอย่างมากจนไม่กล้าโต้เถียง ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนเริ่มรู้สึกเห็นใจ จวินวูอี้

 

แต่เมื่อ ลีจื้อเทียน ได้ยินจวินโม่เซี่ยเยาะเย้ยว่า

” ลีจื้อเทียน เซี่ยวฮั่น ข้าควรเชื่อว่าท่านทั้งสองเป็น มหาปรมาจารย์ตั้งแต่วันนี้ไป ! เพราะ … ท่านทั้งสองเป็น มหาปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเรื่องการไร้ยางอาย !  ผู้ใดจักเทียบท่านทั้งสองได้ ?!  ยอดปรมาจารย์หน้าด้าน !  ชื่อที่เหมาะกับท่านทั้งสอง !  ข้ามั่นใจว่าไม่มีผู้ใดที่จะเหนือกว่าได้ ! ”

เขาไม่อาจเข้าใจประโยคนี้ได้  และ มันเริ่มก้องกังวานอยู่ในหน้าอกของเขา  จากนั้นเขาลึกขึ้นอย่างรวดเร็ว และหันหน้าชี้ไปยัง จวินโม่เซี่ย นิ้งของเขาสั่นขณะตอบโต้ด้วยโทสะ

” ไอ้สารเลว !  เจ้า … เจ้า ให้กำลังใจผู้แปลได้ที่ ‘thai’-‘novel’.’com’…. หึ! “

 

เขากระอักเลือดในตอนที่อ้าปาก

 

ยอดปรมาจารย์ที่สองกระอักเลือดจากการดุด่าจวินโม่เซี่ย เด็กผู้ที่เป็นเพียงมดปลวกในสายตาของเขา

 

ลีจื้อเทียนได้รับบาดเจ็บรุนแรง  การบาดเจ็บภายในของเขานั้นรุนแรง  ประสกเหมย โจมตีเขาอย่างเกรี้ยวกราดด้วยโทสะ  เขามิได้เสแสร้งในเรื่องนั้น  ความจริง เนื้อของเขาถูกทุบจนเป็นเยื่อกระดาษ … แม้นว่าการบาดเจ็ภายในนั้นไม่ได้เผยให้เห็น

 

ลีจื้อเทียนใช้ปราณเชวียนภายในร่างเพื่อปกป้องอวัยวะภายใน เขาจักไม่ตายแม้ว่ามันจะเลวร้ายแค่ใหน และ เขาภูมิใจอย่างมากในความจริงนี้  อย่างไรก็ดี ราชันแห่งเทียนฟาได้ข่มเห่งเขาอย่างรุนแรง  และ คนผู้นี้ก็มิใช่ใครอื่นนอกจากผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล !  เขาถูกกักขังและทุบตีจนกะรดูกหักไปหลายที่ และอวัยวะถายในของเขามีเลือดออกมอย่างรุนแรง

 

เขาสามารสังหารจวินโม่เซี่ยได้อย่างง่ายดายด้วยกระบวนท่าเดียวแม้ว่าเขาจะบาดเจ็บรุนแรงเช่นนั้น แต่  เขายังทำไม่ได้  ความจริง เขาไม่กล้า  เพราะ … เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวอยู่ฝ่ายเดียวกับ จวินโม่เซี่ย ลีจื้อเทียนไม่กลัว เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวภายใต้สถานการณ์ปกติ และจะเผชิญหน้ากับเขาด้วยความมั่นใจ  ความจริง เขาสามารถจัดการกับเยี่ยวผู้โดดเดี่ยวได้อย่างง่ายดาย แต่ เขากลัวว่า เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจักใช้ประโยชน์จากการบาดเจ็บของเขา และจัดการกับเขาแทน

 

ยิ่งไปกว่านั้น สองผู้จาก โลกเซียนอมตะก็อยู่ที่นี่ด้วย ความถูกผิดจะถูกเปิดเผย เช่นนั้น พวกเขาจักไม่ก้าวก่ายได้อย่างไร  และ แม้ว่าพวกเขาจะไม่อยู่ที่นี่ ราชันเทียนฟาก็ยังคงอยู่ !

 

ชัดเจนว่าเขาสามารถสังหารผ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดายแต่เขาไม่กล้า  และ นั้นเป็นเหตุให้ ลีจื้อเทียน บังคับให้ตัวเองอดทนกับการตำหนิจากฝ่ายตรงข้าม  และความจริงที่ ลีจื้อเทียน อดทนต่อคำตำหนิเหล่านั้นเป็นเหตุให้เลือดออกมาจากปากของเขา  เรื่องนี้เกินความอดทนของเขาแล้ว

 

และ ความสิ้นหวังในสถานของ ยอดปรมาจารย์อันดับสองตอนนี้ …. สถานะที่เขาไม่อาจทำอะไรได้ และยอมประอักเลือดนั้นเป็นสาเหตุหลักที่จวินโม่เซี่ยรวบรวมความกล้าและเหยียดหยามเขาอย่างเปิดเผย

 

และ … หลังจากนั้น … ไม่มีหลังจากนั้นสำหรับ ลีจื้อเทียน !  นี่เป็นเพราะจวินโม่เซี่ยตัดสินใจจักสังหารเขา  ลีจื้อเทียนอันตรายยิ่งกว่า นครพายุหิมะสีเงิน นครสีเงินถูกขัดขวางและไม่อาจเริ่มต้นความขัดแย่งอย่างเปิดเผยได้ด้วยผลลัพธ์นี้  แต่ ลีจื้อเทียนนั้นต่างออกไป เขาเป็นคนบ้า  เขาสามารถทำทุกสิ่งที่ลูกชายของเขาขอได้ …

 

เขาสามารถทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องกังวล และ เขาก็สามารถที่จักทำตัวไร้ยางอายเช่นนั้น  และ นี่เป็นปัญหาที่จวินโม่เซี่ยไม่ยอมให้เกิดขึ้น

 

แต่ วรยุทธของจวินโม่เซี่ยในตอนนี้ ไม่เพียงพอที่จักสังหารลีจื้อเทียนแม้นว่าทั้งร้างของ ยอดปรมาจารย์จัก แตกหัก เช่นนั้น เขาจักสังหารคนผู้นี้ได้อย่างไร ?

 

จวินโม่เซี่ยได้เตรียมแผนสำหรับเรื่องนั้นแล้ว  เขาได้รับอาวุธที่ทรงพลังตั้งแต่ตอนที่ได้เข้าสู่ชั้นที่สองใน เจดีย์หงส์จวิน มันเป็นสิ่งที่เขายังไม่ได้แสดงให้ผู้ใดได้เห็น

 

และ นั้นคือ เปลวเพลิงแห่งปฐมภูมิ !

 

เปลวเพลิงสีดำสนิทที่เป็นจุดกำเนิดของโลกทั้งโลก !  มันสามารถเผาทุกสิ่งลงได้อย่างน่าหวาดกลัว และอีกครั้ง … ลีจื้อเทียนเป็นเพียงมนุษย์  แต่ เปลวเพลิงแห่งปฐมภูมิสามารถเผาแม้แต่ เทพสีทอง และฉีกวิญญาณของเขาได้

 

ยิ่งไปกว่านั้น วรยุทธของจวินโม่เซี่ยก็ยังไม่มากพอที่จักควบคุม เปลวเพลิงแห่งปฐมภูมิได้ เขาจึงยังไม่กล้าที่จักใช้มันจนถึงตอนนี้  มิเช่นนั้น เขาจะใช้มันจัดการกับคนที่เขาไม่ชอบอยู่แล้วมิใช่หรือ ?  ความจริงคือเขาสามารถปรุงยาอมตะที่จักช่วยให้เขาควรคุม เปลวเพลิงแห่งปฐมภูมิ และยังคงทำให้เขามีกำลังเหลือเฟือ แต่ มันมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะบาดเจ็บหากเขาพยายามที่จักกระตุนเจดีย์หงส์จวินภายในร่างกายของเขา  เพราะมันจักทำให้ร่างกายของเขาสึกหรออย่างมาก  เช่นนั้น เขาจึงต้องระมัดระวังอย่างมาก มิเช่นนั้น เขาจักทำให้ตัวเองมอดไม้เป็นเถ้าถ่าน …

 

มันจักเจ็บปวดเหมือนกับการโดน ก๊อบไปลงเวปอื่น รอยเคี้ยวปิศาจ แม้นว่าจักป้องกัน เขาจักได้รับบาดเจ็บ อย่างรุนแรง และ จิตของเขาก็จักได้รับบาดเจ็บที่รุนแรงเช่นกัน  นอกจากนี้ จวินโม่เซี่ยไม่รู้ว่ายังมีสิ่งสิ่งที่เรียกว่า จิตบรรพกาล จักไม่ต้องใช้เวลานานในการฟื้นฟู หากเขาใช้ จิตบรรพกาลในการรักษาการบาดเจ็บ ผลที่ตามมานั้นจักร้ายแรง และเขาไม่อาจทำผิดพลาดได้ ความจริงเขาไม่ควรใช้มัน … เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นทางเลือกครั้งสุกท้าย

 

กระนั้น ตอนนี้ จวินโม่เซี่ย ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจาก ให้กำลังใจผู้แปลได้ที่ไทยโนเวลดอทคอม มันคือช่วงเวลาสำคัญ และนี่คือทางเลือกสุดท้ายของเขา

 

ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จักโจมตี  กระดูกจำนวนมาของ ลีจื้อเทียนโดย ประสกเหมย ทำให้แตกหัก เขาได้รับการบาดเจ็บภายในอย่างรุนปรง  ทำให้ปรมาจารย์ที่สองอยู่ในสถาพที่ย่ำแย่ที่สุดในชีวิต  นี่เป็นหนึ่งในโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตที่จักสังหารเขาในช่วงเวลาที่อ่อนแอ มันจักหมายถึงจุดจบของ จวินโม่เซี่ย และ สกุลจวิน หากเขาไม่อาจเอาชีวิตลีจื้อเทียนที่อยู่ในสภาพที่อ่อนแอที่สุดได้

 

ความจริง ลีจื้อเทียน ไม่เคยปล่อยมือจาก จวินโม่เซี่ย หรือสกุลจวิน …​แม้แต่จวินโม่เซี่ยจักไม่ดุด่าเขาอย่างรุนแรง  มณฑลฉือฮั่น สูญเสียความแข็งแกร่ง หนึ่งในสามจากอุบายของพวกเขา  พวกเขาได้รับความสุญเสียอย่างมากเพื่อได้ประโยชน์เล็กๆ และ การสูญเสียนั้นรวมไปถึง สามยอดฝีมือเทพเชวียน … พวกเขาจักโยนเรื่องทั้งหมดนี้ใส่หัวของจวินวูอี้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย

 

ยิ่งไปกว่านั้น จวินโม่เซี่ย ยังเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ ประสกเหมย ดุร้าย เมื่อตอนนี้เขาไม่อาจกล่าวโทษจวินโม่เซี่ยได้ แต่เขาก็ยังเป็นเหตุหลักที่อยู่เบื้องหลังอยู่ดี  นี่คือความจริง … โดยเฉพาะครั้งที่สอง ! เขากลายเป็นเป้าหมายของนางแทนที่จวินโม่เซี่ย

 

แต่กระนั้น คนที่มีนิสัยใจคออย่าง ลีจื้อเทียน จักปล่อยให้สองลุงหลานรอดไปได้อย่างไร ?  เขาไม่อาจโจมตี ประสกเหมยได้  แต่ ไม่หมายความว่าเขาจักไม่อาจทำเช่นนี้กับสองลุงหลานได้ อย่างไรก็ตาม ลีจื้อเทียนไม่เคยคิดถึงเหตุและผลในเรื่องนั้น …

 

แต่ จวินโม่เซี่ย ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เขาตัดสินใจที่จักเสี่ยงกับความสิ้นหวัง

 

ข้าจักสังหาร ลีจื้อเทียน !  ข้าต้องการจัดการให้เขาตาย !

 

ลีจื้อเทียน ถูก ประสกเหมย ต้อนให้จนมุม  และ จวินโม่เซี่ยทำเช่นเดียวกันในเวลานี้ !

 

ดังนั้น สกุลจวินจักถึงจุดจบหาก ลีจื้อเทียนไม่ตาย !

 

นอกจากนี้ ไม่มีทางอื่นที่จักแก้ไขปัญหาได้นอกจาก สังหาร ลีจื้อเทียน !

 

ทุกคนคิดว่า จวินโม่เซี่ย ประมาทเพราะเขาก้าวล่วง ยอดปรมาจารย์สองอย่างต่อเนื่อง  เขาได้ยกชื่อของเขาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องทามกลางสายฝนแห้งการตำหนิ  ความจริง เขามิได้หยุดหายใจเลย  และ ทุกคนคิดว่านั้นเป็นการไม่ระมัดระวังอย่างมาก แต่ จวินโม่เซี่ยคิดต่างออกไป …​

 

ลีจื้อเทียนได้รับบาดเจ็บสาหัส ความจริงแล้ว  เขาบาดเจ็บหนักที่สุดในชีวิต !  ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้รับความอัปยศมากที่สุดในหมู่ ยอดปรมาจารย์ ตั้งแต่เช้า  ดังนั้น สภาพจิตใจของเขาจักถูกปลุกเร้าอย่างมาก  และ เขาจะไม่อาจควบคุมมันได้  และ นิสัยที่เลวทรามอย่างมากของเขามันจึงเป็นการยากที่จักควบคุมสติ  ดังนั้น ยิ่งข้าทำร้ายเขามากเท่าใหร่ได้ … ก็ยิ่งดี ยิ่ง ลีจื้อเทียนได้ยินสิ่งที่ข้าพูดมากเท่าใหร่ในตอนนี้ …. โทสะของเขาก็ยิ่งมากขึ้น … และนั้นทำให้เขาสูญเสียการควบคุมตัวเอง !

 

มันจักเป็นการดีเสียอีก หากข้าทำให้เขาเขาโกรธจนถึงตาย !  ความจริง การบาดเจ็บถายในของเขาจักรุนแรงขึ้น หากเขาไม่ตายด้วยโทสะที่เพิ่มขึ้น !  และนั่นจักเป็นผลที่ดีที่สุดในการโจมตีที่ส่งผลสำเร็จ !