อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 649 โตมายังไง
เย่จิ่งหานไม่พอใจ “เจ้าอยู่ด้านบนทุกครั้ง ครั้งนี้เปลี่ยนคน”

กู้ชูหน่วนมองดูเขาอย่างเกียจคร้าน ดวงตาที่สดใสคู่นั้นมีรอยยิ้มจางๆ แต่รอยยิ้มจางๆเช่นนี้นี่แหละที่บ่งบอกถึงคำเตือนนับไม่ถ้วน

ดวงตาสี่ดวงสบตากัน กู้ชูหน่วนทำตัวอิสรเสรีทำตามอำเภอใจ มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม

เย่จิ่งหานโกรธจนกัดฟัน คิ้วอันดกดำขมวดติดต่อกันจนนูนขึ้นเหมือนดั่งภูเขา

ไม่รู้ว่าสบตากันนานเพียงใด เย่จิ่งหานกัดฟันกล่าวว่า “ครั้งหน้าไม่มีข้อละเว้น”

“ไว้ค่อยว่ากันครั้งหน้า”

“ครั้งหน้าของครั้งหน้า ก็ยังเป็นเจ้าอยู่ด้านบน”

“หากว่าท่านไม่พอใจ ออกจากประตูไปแล้วเลี้ยงซ้าย ออกไปดีๆนะเพคะไม่ส่ง”

เย่จิ่งหานยกมือขึ้นดับไฟทั้งหมด พ่นประโยคหนึ่งออกมาอย่างเย็นชา

“ชิงเฟิง ไปขัดห้องน้ำ”

“ขอรับ…..”

ชิงเฟิงตอบอย่างโรยราไร้ชีวิตชีวาคำหนึ่ง

เขารู้ดีว่า เพียงแค่เขาเฝ้าในตอนกลางคืน ไม่ใช่ขัดส้วม ก็จะต้องถูกส่งไปทำงานหนักอย่างอื่น

อย่างน้อยท่านอ๋องก็เป็นท่านอ๋องเทพสงครามผู้สูงศักดิ์ มีอำนาจสำคัญในมือ อิทธิพลค้ำฟ้า ทั้งยังเป็นเจ้าสำนักของสำนักรู้ฟ้าอีก ทำไมอยู่ต่อหน้าพระชายา ถึงได้ตัวเล็กเหมือนดั่งมด ไม่มีพลังความเป็นชายชาตรีสักนิด

หลายวันมานี้ มีครั้งไหนที่นายท่านอยู่ข้างบนบ้าง?

เกียรติของลูกผู้ชายถูกนายท่านทำขายหน้าหมดแล้ว?

ต่อกรกับผู้หญิงที่หยิ่งผยองเช่นนี้ ฝืนบังคับไปเลยก็ได้แล้ว

“ชิงเฟิง……”

“ห๊ะ……”

ได้ยินเสียงของกู้ชูหน่วนอย่างฉับพลัน ฝีเท้าของชิงเฟิงโซเซ แทบจะหกคะมำ เขารู้สึกตระหนกจนอยู่ไม่สุข

ไม่รู้ว่าพระชายาเดาความคิดในใจของเขาได้หรือไม่ ถึงได้เรียกเขาไว้

เป็นดังคาด……

เสียงของกู้ชูหน่วนดังออกมาดั่งลมเย็นพัดผ่าน

“เจ้ามีความเป็นชายชาตรีองอาจห้าวหาญขนาดนั้น งั้นเจ้าก็ถอดเสื้อผ้าตัวเองให้หมด แล้วไปยืนหน้าเวทีหอจวี๋อิงเป็นเวลาสิบห้าคืน”

สีหน้าของชิงเฟิงซีดทันที

“พระชายา ข้าน้อยไม่กล้า ข้าน้อยไม่กล้าวิจารณ์ความถูกผิดของเจ้านายเหลวไหลขอรับ”

หอจวี๋อิงเป็นหอโคมเขียว ถ้าเขาไป จะไม่ถูกกลุ่มผู้คนมุงดูหรือ?

“ข้าบอกว่าเจ้าวิจารณ์ความถูกผิดของเจ้านายเหลวไหลแล้วหรือ? ท่านอ๋อง ท่านดูลูกน้องที่ท่านอบรมออกมาสิเพคะ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงสักนิด”

“สามสิบคืน”

เสียงของเย่จิ่งหานเร่งรีบ ราวกับว่าไม่พอใจอย่างยิ่งที่ชิงเฟิงยังอยู่ข้างนอก

และยิ่งไม่พอใจกับการวิจารณ์ความถูกผิดเพ้อเจ้อของเขา

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็แพ้ให้กู้ชูหน่วนทุกคืน

สำหรับผู้ชายแล้วนี่ก็เป็นสิ่งที่น่าอายจริงๆ

“นายท่านโปรดไว้ชีวิต ข้าน้อยไม่อยากไปสถานที่เช่นนั้นจริงๆ ข้าน้อย……”

“กล้าพูดมากอีกคำเดียว ก็เพิ่มไปอีกสามสิบคืน”

ชิงเฟิงแทบจะล้มลุกคลุกคลานออกไป

เขารู้สึกมีความทุกข์สุมทรวงอยู่นับพันหมื่น

ก็รู้ว่าการเฝ้ายามตอนกลางคืนไม่มีเรื่องดีเป็นแน่

แค่คิดว่าตัวเองต้องเป็นเหมือนนายโลมเช่นนั้น ยืนให้คนกลุ่มหนึ่งชื่นชม ชิงเฟิงแค่คิดก็อยากตายแล้ว

ข้างๆเป็นเสียงกล่าวปลอบใจของเจี่ยงเสวีย

“เวลาที่นายท่านและพระชายาทำเรื่องแบบนั้น เจ้าอยู่ให้ไกลหน่อยก็จบแล้ว”

เขาไม่พูดยังดี ทันทีที่พูดชิงเฟิงก็มีไฟโทสะเต็มเปี่ยมไปทั้งท้องแล้ว

“ยืนเงียบมันปวดเอวหรือไง ข้าจะยืนไกลๆได้ยังไง? ยืนอยู่ไกลๆจะคุ้มกันนายท่านได้ยัง? จะคุ้มกันพระชายายังไง?”

“เจ้าโง่ ด้านที่นายท่านอับอายขนาดนั้น จะยอมให้เจ้าเห็นได้ยังไง แม้ว่าเจ้าจะไม่ไปเฝ้ายาม นายท่านก็จะไม่ว่าอะไรเจ้า กลับกันยังจะให้รางวัลเจ้าที่รู้สถานการณ์อีกด้วย แต่เจ้าดัน…..ดันไปแอบฟังด้านนั้นที่นายท่าน…..ที่สุด”

ชิงเฟิงปาดน้ำตา

กล่าวด้วยความน้อยใจ “ในเมื่อเจ้ารู้ ทำไมไม่บอกข้าล่วงหน้า”

“เรื่องแบบนี้ ยังต้องให้คนอื่นบอกอีกหรือ? ตอนที่เจ้าพลอดรักกับภรรยาของเจ้า ชอบให้คนไปแอบฟังหน้าประตูหรือไง? ”

เจี่ยงเสวียหมดคำจะพูด เจ้าไม่รู้จริงๆเลยว่าชิงเฟิงโตมายังไง?