ตอนที่ 696 ยอมแพ้ให้นาง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“บัดซบ! นี่มันไม่ใช่หม้อพิษสามอสูรตั้งแต่แรก” สีหน้าของมู่เฉียนซีเย็นชาขึ้น

เดิมทีก็ประหลาดใจอยู่แล้วว่าเพราะเหตุใดท่านผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดาถึงได้วางใจให้ศิษย์ผู้โง่เง่าของเขาเอาหม้อพิษสามอสูรมาโจมตีหุบเขาโอสถ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นแค่สิ่งที่ไร้ตัวตน

มันมีรูปร่างภายนอกและพลังส่วนหนึ่งที่เหมือนกับหม้อพิษสามอสูร แต่มันมีเวลาจำกัด

ก็เป็นแค่ของปลอมที่อันตรธานไปแล้ว หุบเขาหมอเทวดากลับเอาชื่อสำนักมาจับคนเช่นนี้ สีหน้าของมู่เฉียนซียิ่งเคร่งขรึมลงเรื่อย ๆ

ซวนอี้กล่าวอย่างเย็นชาว่า “หุบเขาหมอเทวดาช่างไร้ยางอายยิ่งนัก เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเจ้าได้ของปลอมมา แต่พวกมันกลับพูดอย่างเอิกเกริกว่าเจ้าเอาหม้อพิษสามอสูรมา”

“พวกหุบเขาหมอเทวดามันไร้ยางอายมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ละครั้งพวกมันก็จะทำให้ข้ารู้จักพวกมันใหม่ทุกครั้ง ช่างดียิ่งนัก”

“แล้วจะทำเช่นไรกันดี ?” ซวนอี้กล่าวถาม

“ในเมื่อพวกมันเป็นฝ่ายมาหาข้า ข้าก็จะออกไปเจอพวกมันสักหน่อย”

“ไม่ได้! เจ้าไม่รู้เหรอว่าครั้งนี้มันอันตรายมากแค่ไหน ครั้งนี้พวกมันพายอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตมากันหลายคน มากกว่ามหาจักรพรรดิแห่งภูตที่สำนักศึกษาซวนเสียเรามีอยู่ถึงสาม แถมหัวหน้าหุบเขาหมอเทวดาเองก็มาด้วย พลังของเขาเป็นถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสี่” ซวนอี้กล่าวด้วยความกังวลใจ

มู่เฉียนซีกล่าว “ซวนอี้ ตอนนี้เจ้าไปบอกให้อาจารย์พานักเรียนในสำนักไปหลบอยู่ในที่ที่ปลอดภัยก่อน เพื่อไม่ให้พวกเขาได้รับผลกระทบในครั้งนี้”

“แล้วเจ้าล่ะ ?” ซวนอี้กล่าวถาม

มู่เฉียนซีแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งกว่าเขา แต่หากเผชิญหน้ากับยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตนั้น มันอันตรายเกินไปจริง ๆ

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าวางใจเถอะ ถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็นยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิ แต่หากคิดจะฆ่าข้า ก็คงจะไม่ง่ายเช่นนั้น เจ้ารีบไปทำตามที่ข้าบอก เช่นนี้ข้าจะได้ไม่ต้องมีสิ่งใดที่พะวงหน้าพะวงหลัง”

เมื่อนางรู้ว่าหม้อพิษสามอสูรนั้นเป็นของปลอม นางก็รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นมุ่งเป้ามาหานาง และไม่มีทางที่จะเจรจากันได้

บัดนี้ ผู้อาวุโสในสำนักศึกษาก็เกิดความขัดแย้งภายในขึ้นแล้ว

ครั้งนี้หุบเขาหมอเทวดาไม่เพียงแต่พาผู้แข็งแกร่งขั้นมหาจักรพรรดิในสำนักของตนเองมาเท่านั้น แต่ยังพาเหล่าผู้แข็งแกร่งขั้นมหาจักรพรรดิผู้เหี้ยมโหดแห่งแดนใต้มาอีกด้วย

“ข้าว่าส่งตัวสาวน้อยมู่เฉียนซีให้พวกนั้นไปก็จบเรื่องแล้ว นางทำตัวของนางเอง เหตุใดถึงต้องให้พวกเราจัดการด้วย!” หนึ่งในผู้อาวุโสกล่าวขึ้น

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวว่า “เจ้าพูดจาเช่นนี้ได้อย่างไร! นางเป็นนักเรียนของสำนักศึกษาซวนเสียของพวกเรา หากสำนักศึกษาซวนเสียของพวกเราปกป้องไม่ได้แม้กระทั่งนักเรียนของตัวเอง แล้วจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ?”

“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ข้าว่าเป็นเพราะนางคือศิษย์ของท่าน ท่านก็เลยจะปกป้องนางใช่หรือไม่ หากเป็นผู้อื่น ท่านก็คงไม่ทำเช่นนี้!” คนผู้หนึ่งกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว

“นั่นคือหุบเขาหมอเทวดาเชียวนะ! ข้าไม่อยากให้ศิษย์รุ่นเยาว์ของข้าต้องตายเร็วเพราะสาวน้อยผู้นั้นผู้เดียว!”

“หุบเขาหมอเทวดาไม่ใช่สำนักที่สำนักศึกษาซวนเสียของพวกเราจะไปล่วงเกินได้ ข้าว่าส่งตัวสาวน้อยผู้นั้นไปเถอะ”

หุบเขาหมอเทวดามาลอบโจมตีก็ทีนึงแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าในสำนักศึกษาซวนเสียเองจะไม่พร้อมใจกันเช่นนี้ มีจำนวนคนเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่ยืนอยู่ฝ่ายผู้อาวุโสสูงสุด

ส่วนคนอื่นนั้นไม่ใช่ว่าจะคอยซ้ำเติมแต่อย่างใด แต่พวกเขาแค่กลัวไม่กล้าล่วงเกินหุบเขาหมอเทวดา แต่ละคนก็ส่งเสียงโห่ร้องเรียกร้องให้ส่งตัวนางออกไป

และในขณะที่พวกเขาตกลงกันไม่ได้ ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขาที่หน้าประตูสำนักส่วนนอก

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะดีนัก “เจ้า…นี่เจ้ามาที่นี่ทำไม เหตุใดถึงยังไม่รีบหนีไปอีก!”

มู่เฉียนซีกล่าว “หัวหน้าหุบเขาซือคงเดินทางมาไกลพันลี้เพื่อมาหาข้า เหตุใดข้าถึงไม่ไปเจอหน้าเขาสักหน่อยล่ะ ?”

เจอหน้า!

พวกเขาถลึงตาจ้องมองมู่เฉียนซี และซือคงเลี่ยวก็จ้องมองไปที่มู่เฉียนซีเช่นกัน หญิงสาวผู้นี้งดงามอย่างไม่มีผู้ใดเปรียบได้ พรสวรรค์ก็แข็งแกร่งอย่างน่ากลัวยิ่งนัก

ทว่า ช่างอวดดีเกินไปแล้ว และต้องถูกกำหนดให้ต้องร่วงลงมาตั้งแต่ยังไม่เติบโต

“เจ้าคือมู่เฉียนซีงั้นเหรอ!” หัวหน้าหุบเขาซือคงกล่าว

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “หัวหน้าหุบเขาซือคงมาหาข้าวันนี้ ก็เพื่อจะมายอมแพ้แทนท่านผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดาใช่หรือไม่ ?”

ทุกคนต่างก็ฉงนสงสัย นี่มู่เฉียนซีกำลังกล่าวถึงสิ่งใด ?

สีหน้าของหัวหน้าหุบเขาซือคงยิ่งดำคล้ำด้วยความโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ หุบเขาหมอเทวดาเอาชนะนางในหอโอสถไม่ได้ทีนึงแล้ว หม้อพิษสามอสูรก็มาถูกแย่งไปอีก ศิษย์สายตรงของท่านผู้เฒ่าก็ถูกนางวางยาพิษไปทั่วทั้งร่างกายจนต้องพากลับไปรักษา

อวี้เหลียนชิงถูกส่งตัวไปให้ท่านผู้เฒ่าแก้พิษให้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าท่านผู้เฒ่าที่คิดจะแก้พิษ แต่กลับแก้ได้ไม่ง่ายเลย มิหนำซ้ำเกือบจะถูกพิษนั้นแพร่กระจายเข้าสู่ร่างกายอีก

เจ็บปวดทรมานอยู่นาน สิ้นเปลืองสมุนไพรวิญญาณอันล้ำค่าของหุบเขาหมอเทวดาไปไม่น้อย และตอนนี้พิษในร่างกายของอวี้เหลียนชิงยังแก้ไม่หมด

เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าบนโลกใบนี้ยังมีพิษที่ท่านผู้เฒ่าไม่สามารถแก้ได้ มันช่างไม่สอดคล้องกับหลักทำนองคลองธรรมเอาเสียเลย!

ซือคงเลี่ยวกล่าว “มู่เฉียนซี เจ้าอย่าพูดสิ่งใดที่มันส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของหุบเขาหมอเทวดาเลย วันนี้พวกข้าจะต้องเอาตัวเจ้าไปให้ได้”

มู่เฉียนซีกล่าว “เพราะว่าศิษย์สายตรงของท่านผู้เฒ่าของพวกเจ้าโดนพิษ แล้วท่านผู้เฒ่าของพวกเจ้าก็แก้พิษไม่ได้ อาการตอนนี้เป็นตายเท่ากัน ท่านผู้เฒ่าของพวกเจ้าไร้หนทาง ก็เลยให้พวกเจ้าเชิญข้าไปแก้พิษให้อวี้เหลียนชิงที่หุบเขาหมอเทวดา”

“เพียงแต่ว่า การที่พวกเจ้าจะเชิญใครไปก็ควรต้องมีมารยาทบ้างนะ! กิริยาเช่นนี้ ข้าปฏิเสธที่จะไปหุบเขาหมอเทวดาของพวกเจ้า!”

“เป็นไปได้ยังไง ?”

“นี่มันไม่จริงใช่ไหม ?”

“พิษของสาวน้อยคนเดียว แม้แต่ท่านผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดาก็ไม่สามารถแก้ได้งั้นรึ!”

ทุกคนต่างก็ส่งเสียงเอะอะโวยวายขึ้น พากันแสดงสีหน้าท่าทางที่ไม่น่าเชื่อออกมา

ถึงแม้ทุกคนจะไม่เชื่อ แต่ซือคงเลี่ยวก็รู้ว่ามันคือเรื่องจริง สีหน้าของเขาตอนนี้คล้ำด้วยความโกรธถึงขีดสุด

เขากล่าวเสียงขรึมว่า “มู่เฉียนซี ทางที่ดีตอนนี้เจ้ารีบเอาหม้อยาของท่านผู้เฒ่าออกมาให้ข้า แล้วกลับไปยังหุบเขาหมอเทวดากับพวกข้าซะโดยดี มิเช่นนั้นแล้ว อย่าได้คิดเลยว่าสำนักซวนเสียจะอยู่อย่างสงบสุข”

ผู้อาวุโสสูงสุดเดินไปยืนข้าง ๆ มู่เฉียนซี และกล่าวว่า “หม้อยาของท่านผู้เฒ่าพวกเจ้า นักเรียนข้าเอาคืนให้ได้ นี่เป็นสิ่งที่สำนักศึกษาซวนเสียยอมให้มากที่สุดแล้ว! แต่หากพวกเจ้าคิดจะเอาตัวนักเรียนของข้าไปนั้น ไม่มีทาง”

เขาเชื่อในคำพูดของมู่เฉียนซีว่ามันเป็นความจริง!

หุบเขาหมอเทวดาไร้ความสามารถ มาใช้อำนาจข่มขู่สำนักศึกษาและนักเรียนของเขา ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก

มู่เฉียนซีเห็นอาจารย์ของตนเองกล่าวเช่นนี้แล้วก็จนปัญญามาก!

หม้อพิษสามอสูร ต่อให้นางจะยอมคืนให้ ตอนนี้ก็ไม่อาจคืนได้แล้ว เพราะหม้อพิษสามอสูรของจริงนั้น นางแย่งมาไม่ได้ตั้งแต่แรก

“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด หม้อพิษสามอสูรที่เฉียนซีได้มานั้นมันเป็นของปลอม! หุบเขาหมอเทวดาให้อวี้เหลียนชิงเอามาก็แค่สถานะเท่านั้น ตอนนี้มันได้สลายหายไปแล้ว”

“พวกเจ้าหุบเขาหมอเทวดารู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นของปลอม นึกไม่ถึงว่าจะเอาข้ออ้างนี้มาวุ่นวายกับเฉียนซี ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก” ร่างสีเงินได้เคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็ว ซวนอี้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขา และกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว

“เจ้าเด็กนี่เป็นใคร ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เจ้าควรพูด” ซือคงเลี่ยวกล่าวอย่างเย็นชา

“ข้าซวนอี้ เป็นศิษย์สายตรงของอาจารย์ใหญ่ซวนแห่งสำนักศึกษาซวนเสีย เป็นผู้สืบทอดคนต่อไปของสำนักศึกษาซวนเสีย ไม่ทราบว่าข้ามีสิทธิ์ที่จะพูดกับหัวหน้าหุบเขาซือคงหรือยัง” ซวนอี้กล่าวอย่างเย็นชา

“ข้าว่าเจ้า คงจะเป็นสุภาพบุรุษที่มาช่วยหญิงสาวคนสวยกระมัง! คนวัยหนุ่มสาวก็วู่วามเช่นนี้แหละ เพื่อหญิงสาวเพียงผู้เดียว ก็ยอมเอาสำนักศึกษาทั้งสำนักมาเป็นเดิมพันงั้นเหรอ ต่อให้เจ้ายินยอม แต่เกรงว่าอาจารย์ของเจ้าคงจะไม่ยอม” ซือคงเลี่ยวกล่าวอย่างผู้อาวุโสสั่งสอนผู้น้อย

“ข้ากับเฉียนซีเป็นเพียงสหายกันเท่านั้น ต่อให้ท่านอาจารย์ของข้าอยู่ ท่านอาจารย์ข้าก็คงจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาใส่ร้ายป้ายสีนักเรียนในสำนักศึกษาแน่นอน หม้อยาของท่านผู้เฒ่าพวกเจ้าที่เฉียนซีได้มานั้นมันเป็นของปลอม ส่วนเรื่องของอวี้เหลียนชิงที่เขาต้องตกอยู่ในมือของเฉียนซี ก็เป็นเพราะเขาไร้ความสามารถ พ่ายแพ้ให้กับนาง หุบเขาหมอเทวดาของพวกเจ้าจะมาคิดบัญชีกับสำนักระดับสองเพื่อหนุนหลังเขาอย่างนั้นเหรอ ? ”

เด็ก ๆ สู้รบกันแล้วพ่ายแพ้ ผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่งกลับมาแก้แค้นถึงที่ เรื่องนี้ช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก

ซือคงเลี่ยวกล่าว “ใครบอกว่าหม้อยานั่นเป็นของปลอม เจ้าหนู เพื่อแก้ตัวให้สาวน้อยผู้นี้ เจ้ากลับกล้ากล่าววาจาไร้มูลเหตุเช่นนี้เลยรึ!”