ตอนที่ 695 หัวหน้าหุบเขาคิดบัญชี

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีตะลึงงันก่อนจะเอ่ยถาม “มีเรื่องอะไรกัน?”

“คือเจ้าเด็กจี้เหินนั่น เขาไม่อยากไปที่หอโอสถ เพราะเขาไม่สามารถปรุงยาเม็ดได้” อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กล่าว

“แต่ข้าคิดว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไปลองดู บางทีหอโอสถอาจจะมีวิธีก็ได้! ข้าเกลี้ยกล่อมเขาไม่ได้แล้ว มีเพียงเจ้าหนูมู่ซีเท่านั้นที่จะสามารถเกลี้ยกล่อมเขาได้”

ท่านปู่ของตนเองยังไม่เกรงขามเช่นนี้ เขาเองก็เสียใจเช่นกัน

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไปหามู่ซีโดยเร็ว ถึงเวลาเขาจะไปที่หน่วยสำนักปรุงยา”

“เยี่ยมไปเลย”

หลานชายของเขาเชื่อฟังคําพูดของมู่ซีมาก ต่อให้มู่ซีบอกให้เขาไปตาย เกรงว่าคงจะตอบตกลงโดยไม่พูดพร่ำทําเพลง และเพียงแค่การไปที่หอโอสถยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย

หลังจากมู่เฉียนซีเปลี่ยนโฉมหน้าก็ได้ไปที่หน่วยสำนักปรุงยาทันที และได้กลายเป็นเหมือนกับสัตว์ป่าหายากที่ถูกจับตามอง

“อาจารย์มู่ ในที่สุดท่านก็ปรากฏตัวขึ้น! ข้านึกว่าท่านจะไม่สนใจพวกเราแล้ว”

“อาจารย์มู่ พวกเรากําลังเตรียมพร้อมจะไปที่หอโอสถแล้ว ได้ยินมาว่ามู่เฉียนซีได้พยายามช่วงชิงผลประโยชน์ให้พวกเรา คิดไม่ถึงเลยว่าสตรีผู้นั้นจะมีคุณธรรมมากเช่นนี้”

“อาจารย์มู่ ท่านว่านางทําข้อเสนอเช่นนี้เพราะท่านหรือเปล่า!”

“นางกลายเป็นอันดับหนึ่งในการคัดเลือกของหอโอสถครั้งนี้ และยังสามารถขึ้นไปยังชั้นที่เจ็ดได้ ครั้งนี้ข้าจะไม่ด้อยไปกว่าเขาอย่างแน่นอน!”

“……”

เมื่อคนจากห้องเจ็ดเห็นมู่เฉียนซี พวกเขาก็กลายเป็นนกกระจอกทันที

มู่เฉียนซีกล่าว “การทดสอบในหอโอสถสามารถเป็นประโยชน์ต่อพวกเจ้าได้มากมาย ดังนั้นจงสู้ ๆ เข้าล่ะ! ครั้งนี้เป็นผลประโยชน์ที่ข้าพยายามให้ได้มาเพื่อพวกเจ้าจริง ๆ หากไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่! ข้าจะเตะพวกเจ้าออกจากหน่วยสำนักปรุงยาเสีย”

“อาจารย์วางใจได้! จะไม่ทําให้ท่านต้องขายหน้าอย่างแน่นอน!”

“มู่เฉียนซีสามารถขึ้นไปถึงชั้นที่เจ็ดได้ แม้ว่าพวกเราจะขึ้นไปไม่ได้ แต่พวกเราก็จะขึ้นไปถึงชั้นที่หกให้ได้!”

“……”

เมื่อได้ยินว่าอาจารย์พยายามเพื่อพวกเขา ตอนนี้พวกเขาแต่ละคนก็มีแรงจูงใจกระตือรือร้นขึ้นมาทันที

แต่หวงฝู่จี้เหินกลับไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย มู่เฉียนซีพบเขาที่ภูเขาด้านหลังหน่วยสำนักปรุงยา ตอนนี้เขานั่งยอง ๆ อยู่ตรงนั้นเพียงลําพัง

ตั้งแต่เขาเรียนรู้ที่จะปรุงยาน้ำและหลังจากได้รับความมั่นใจกลับคืนมา ใบหน้าของเขาก็ไม่เคยแสดงอารมณ์แบบนี้มาก่อน

เมื่อหวงฝู่จี้เหินได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็หันกลับไปและเห็นเด็กหนุ่มที่งดงามเหมือนดั่งภูตกําลังเดินเข้ามาหาเขา

เขารีบลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “อาจารย์มู่!”

“เจ้ารู้ไหมว่าทําไมข้าถึงมาหาเจ้า?” มู่เฉียนซีถาม

“ท่านปู่บอกให้ท่านมาเกลี้ยกล่อมข้าหรือ? อาจารย์มู่จะให้ข้าไปหอโอสถหรือ? ถ้าท่านต้องการให้ข้าไป เช่นนั้นข้าก็จะไป แต่ถึงตอนนั้นหากข้าผ่านชั้นแรกไม่ได้ ต้องทําให้อาจารย์ขายหน้าอย่างแน่นอน” หวงฝู่จี้เหินกล่าว

มู่เฉียนซีกล่าว “เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ตราบใดที่เจ้าพยายาม ก็จะได้รับผลลัพธ์ที่ดี อย่าตั้งข้อสงสัยกับตัวเองนักเลย”

“หรือว่าหอโอสถจะยอมรับในการปรุงยาน้ำ?” ดวงตาของหวงฝู่จี้เหินเป็นประกายขึ้นมา

“หอโอสถไม่ได้ยอมรับการปรุงยาน้ำ! เพราะเมื่อตอนที่หอโอสถถูกสร้างขึ้น เกรงว่าผู้สร้างของเขาอาจไม่รู้ว่ายาน้ำก็สามารถทําได้ถึงขั้นนี้”

และด้วยเหตุนี้ นางจึงต้องสูญเสียสมุนไพรวิญญาณไปมากมาย!

“เช่นนั้นทำไม…?”

“เพราะข้าสามารถทําให้เจ้าปรุงยาเม็ดได้ ตามข้ามา!”

หวงฝู่จี้เหิน ตกใจมาก สามารถทำให้เขาปรุงยาเม็ดได้!

พลังจิตของเขาเท่ากับศูนย์ แล้วเขาจะสามารถปรุงยาได้อย่างไร?

เขารู้สึกเหลือเชื่อและมีคําถามมากมาย แต่เขาก็เชื่อในอาจารย์ของตนเป็นที่สุด

หวงฝู่จี้เหิน ไม่ได้ถามอะไรมาก เขาเพียงแค่ตามไป

“อะไร? จี้เหินสามารถหลอมยาเม็ดได้!” อาจารย์ใหญ่หวงฝู่พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ

มู่เฉียนซีกล่าว “ด้วยสภาพของจี้เหินนี้ เรียกว่าร่างไร้วิญญาณ นี่ไม่ใช่ขยะที่มีพลังจิตเป็นศูนย์ แต่เป็นอัจฉริยะอีกประเภทหนึ่ง”

“ข้าสามารถปรุงยาและปรับแต่งร่างกายของจี้เหินได้ จากนั้นข้าจะให้วิธีฝึกฝนกายาวิญญาณว่างเปล่า เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาก็จะสามารถฝึกฝนได้”

อาจารย์ใหญ่หวงฝู่และหวงฝู่จี้เหินต่างตกตะลึง มู่เฉียนซีทําให้พวกเขาประหลาดใจอย่างมาก

“เหตุผลที่ข้าไม่ได้บอกจี้เหินแต่แรก ก็เพราะสมุนไพรวิญญาณหาได้ยากมาก ข้ากลัวว่าหากหามาไม่ครบจะทําให้เขาผิดหวัง และส่งผลต่อสภาพจิตใจจึงไม่ได้บอกเขา ตอนนี้สมุนไพรวิญญาณถูกหามาครบหมดแล้ว ดังนั้นจึงสามารถเริ่มได้”

เดิมทีสมุนไพรวิญญาณนั้นหาได้ยากมาก แต่หอโอสถมีความอุดมสมบูรณ์มากมาย มากมายจนนางหาได้ครบในพริบตา

มู่เฉียนซีมองไปที่หวงฟู่จี้เหินและกล่าวขึ้นว่า “จี้เหิน เจ้าพร้อมหรือยัง?”

หวงฝู่จี้เหินพยักหน้าและกล่าวว่า “ทุกอย่าง ฟังคําสั่งของอาจารย์มู่!”

ภายในสามวัน หวงฝู่จี้เหินก็ได้เกิดใหม่อย่างสมบูรณ์

เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะกล่าวขอบคุณมู่เฉียนซี และต้องรีบตามเพื่อนร่วมห้องไปยังทวีปอวิ๋นโจว

อาจารย์ใหญ่หวงฝู่พูดขึ้น “เจ้าหนูมู่ซี ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าจะขอบคุณเจ้าอย่างไรดี”

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าก็ไม่ต้องการคําขอบคุณจากท่าน จี้เหินขอบคุณข้าก็พอแล้วนี่! ”

หน่วยสำนักปรุงยานั้นว่างเปล่าอย่างมาก และพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องฝึกอยู่ที่หอโอสถอีกนานแค่ไหน?

มุมปากของมู่เฉียนซีโค้งขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่านางไม่ระวังการต้องไปเป็นเจ้าของร้านอีกครั้ง

มู่เฉียนซีที่ส่งนักศึกษาออกไปและได้ทําหน้าที่เป็นเจ้าของร้านยังไม่ทันจะมีความสุข ก็กลับมีศัตรูตัวฉกาจบุกเข้ามาที่สํานักศึกษาซวนเสีย

มียอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิอยู่มากมายปรากฏตัวกลางอากาศ ทําให้นักศึกษาของทั้งสํานักซวนเสียล้วนตื่นตระหนก

“เกิดอะไรขึ้น? ทําไมมียอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิมากมายขนาดนี้? ”

“หรือว่าสํานักศึกษาซวนเสียของพวกเราไปล่วงเกินบุคคลสําคัญอะไรเข้า ?”

“……”

หัวหน้าหุบเขาหมอเทวดา ซือคงเลี่ยวยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศ และมองลงมายังสํานักศึกษาซวนเสีย

เขาปลดปล่อยพลังวิญญาณอันมหาศาลออกมาและกล่าวขึ้นว่า “สํานักซวนเสีย ข้าคือหัวหน้าหุบเขาหมอเทวดา ข้ามาหามู่เฉียนซีจากสํานักศึกษาของพวกเจ้าเพื่อคิดบัญชี นางวางยาพิษศิษย์สายตรงของท่านผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดาและยังขโมยหม้อยาของผู้เฒ่าหุบเขาหมอเทวดาของข้า ความผิดร้ายแรงนัก”

“หุบเขาหมอเทวดาของข้าไม่ต้องการที่จะเป็นปฏิปักษ์กับสํานักศึกษาซวนเสีย ตราบใดที่พวกเจ้าส่งตัวมู่เฉียนซีมาอย่างว่าง่าย ข้าจะไม่ทําร้ายสํานักศึกษาซวนเสียของพวกเจ้าอย่างแน่นอน”

เสียงนี้ดังกึกก้องไปทั่วสํานักศึกษา

“มู่เฉียนซี มู่เฉียนซีช่างบังอาจยิ่งนัก! กลับทําเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้”

“นางทําให้พวกเราเดือดร้อน!”

“……”

มู่เฉียนซีเองก็ตกตะลึงเช่นกัน นางรู้ว่าหุบเขาหมอเทวดาจะไม่ปล่อยนางไปแน่

แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาตามตัวจากสํานักศึกษาซวนเสียอย่างเปิดเผยเช่นนี้ และยังข่มขู่อีกด้วย

แม้ว่าสํานักศึกษาซวนเสียจะถือได้ว่าเป็นสํานักท้าย ๆ ในขุมกําลังระดับสอง แต่เมื่อเทียบกับหุบเขาหมอเทวดาแล้วก็ยังด้อยกว่ามาก และหุบเขาหมอเทวดาจะไม่มีทางข้ามทวีปมาลงมือกับสํานักศึกษาซวนเสียแน่นอน

แต่นางประเมินความไร้ยางอายของหุบเขาหมอเทวดาต่ำไปโดยสิ้นเชิง พวกเขามาแล้ว อีกทั้งหัวหน้าหุบเขาก็เป็นคนนํากำลังมาเองเสียด้วย

ฟึบ ฟึบ ฟึบ อาจารย์ใหญ่ซวนยังไม่กลับมา ผู้อาวุโสทั้งหลายของสำนักส่วนในก็ออกมาแล้ว

ใบหน้าของซวนอี้มืดครึ้ม และเงาสีเงินก็ปรากฏขึ้นมาตามหามู่เฉียนซีในสำนักส่วนใน

ขณะที่มู่เฉียนซีกําลังคิดหาวิธีกําจัดคนเหล่านี้ของหุบเขาหมอเทวดาอยู่นั้น ก็เห็นเงาร่างสีเงินพุ่งเข้ามา

“เฉียนซี รีบออกจากสํานักศึกษาซวนเสียและไปที่หุบเขาโอสถซะ! หุบเขาโอสถจะปกป้องเจ้าได้อย่างแน่นอน” ซวนอี้กล่าว

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าไปแล้ว ก็เกรงว่าหุบเขาหมอเทวดาอาจจะพาลโกรธสํานักศึกษาซวยเสียไปด้วย หากเปิดศึกสํานักศึกษาซวนเสียจะต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน!”

“ถ้าอาจารย์ยังอยู่ล่ะก็ พวกเขาคงไม่กล้าอวดดีขนาดนี้!”

มู่เฉียนซีได้นำหม้อยาสีดำขับนั้นออกมา “ของที่แย่งชิงกลับมาได้ จะต้องส่งคืนกลับไปอีกหรือยังไง? ดูเหมือนว่าคราวนี้จะลงมือไวเกินไปแล้ว”

ถึงแม้ว่าจะส่งมันกลับไป แต่ครั้งต่อไปไปถีบรังของพวกเขาก็สามารถเอามันกลับมาได้อีกเช่นเก่า มันเป็นแค่เรื่องของเวลาช้าเร็วก็เท่านั้นเอง

แต่มู่เฉียนซีคิดไม่ถึงว่าหม้อพิษสามอสูรตรงหน้าจะจางลงและค่อย ๆ หายไป!