มู่เฉียนซีกล่าว “ข้ารู้แล้ว”

บนใบหน้าของนางนั้นเผยสีหน้าอย่างจนปัญญาออกมาให้เห็น เหล่าหัวหน้าหุบเขาโอสถนั้นต้องการจะแสดงการขอบคุณต่อนางต่าง ๆ นานา

เมื่อมู่เฉียนซีเดินเข้าไปก็ได้เห็นผู้อาวุโสทุกท่านของหุบเขาโอสถล้วนแต่ได้มาถึงแล้ว คราวนี้จะมีเรื่องวุ่นวายอันใดอีกเล่า?

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าวขึ้น “เสี่ยวซี ข้านั้นอายุมากแล้ว”

มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านหัวหน้าหุบเขาเวินเหรินอายุมากแล้วก็จริง แต่ท่านเป็นนักปรุงยาผู้หนึ่ง อีกทั้งยังรักษาสุขภาพอย่างดีแล้วยังเป็นยอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิอีกด้วย จะมีอายุอยู่ไปอีกสักสองสามร้อยปีก็ไม่มีปัญหา!”

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าว “แต่ข้าคิดว่าหุบเขาโอสถต้องการผู้นำรุ่นใหม่เสียแล้ว เช่นนั้นข้าจึงได้ตัดสินใจยกหุบเขาโอสถให้เจ้าเป็นหัวหน้าหุบเขา เสี่ยวซีเจ้าคิดเห็นเช่นไร?”

“คิดเห็นเช่นไร ? ข้าไม่คิดเห็นอะไรทั้งนั้น” มู่เฉียนซีถลึงตามองพวกผู้เฒ่าเหล่านั้น

นางกล่าว “ข้าว่าผู้อาวุโสทุกท่านคงจะลืมไปแล้ว! ว่าข้านั้นมิใช่คนของหุบเขาโอสถ”

“ไม่เป็นไร พวกเราไม่ถือ!” พวกเขาค่อย ๆ ตอบกันออกมาทีละคน

“พวกท่านไม่ถือ แต่ข้าถือ!” มู่เฉียนซีเริ่มโกรธขึ้นมาแล้ว

“หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินอย่าได้เอาภาระหุบเขาโอสถนี้มาให้ข้า อายุของข้านั้นยังน้อยยิ่งนัก อย่าได้ทำให้ชีวิตของข้าต้องพังเลย หุบเขาโอสถที่มีพวกท่านดูแลอยู่ก็ดีมากอยู่แล้วมิใช่หรือ ?”

มู่เฉียนซีนั้นร้อนรนกับเรื่องนี้จริง ๆ ก่อนหน้านี้นางก็มิรับผิดชอบต่อกิจการของตระกูลมู่ที่บิดาของนางได้ทิ้งไว้ให้ เช่นนี้แล้วนางก็จะไม่กระโดดลงไปในหลุมกับดักอย่างแน่นอน

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าว “เสี่ยวซี เจ้าเป็นผู้ที่หอโอสถใกล้ชิดสนิทด้วยที่สุด มันเองก็จะต้องอยากที่จะให้เจ้าได้เป็นหัวหน้าหุบเขาโอสถอย่างมากเป็นแน่”

“ข้าไม่อยากเป็น พวกท่านเลิกพูดได้แล้ว! ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไรข้าก็จะไม่ตอบรับ”

“เสี่ยวซี…เจ้าลองคิดทบทวนดูหน่อยดีหรือไม่?”

“……”

ไม่ว่าพวกเขาจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร มู่เฉียนซีก็ยืนหยัดในจุดยืนของตนยิ่งนัก นั่นก็คือการไม่ตอบรับ! ดูกันต่อไปแล้วกันว่าพวกนั้นจะทำเช่นไรได้?

ในที่สุดพวกหัวหน้าหุบเขาเวินเหรินก็จนปัญญา หุบเขาโอสถของพวกเขาถูกรังเกียจเช่นนี้ มอบให้แก่ผู้อื่นเขาก็ไม่ต้องการ

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าว “แต่ว่าเจ้าได้ทำประโยชน์ให้แก่พวกเราหุบเขาโอสถมากมายเช่นนั้น พวกเราไม่รู้จริง ๆ ว่าจะขอบคุณเจ้าเช่นไรถึงจะดีนี่!”

“การแสดงการขอบคุณนั้นง่ายยิ่งนัก ข้ากำลังมีเรื่องเร่งด่วนที่อยากจะให้พวกท่านช่วยอยู่พอดี” มู่เฉียนซีเริ่มเผยรอยยิ้มขึ้นมา

“เรื่องอันใดหรือ?” ในที่สุดก็มีเรื่องที่สามารถช่วยแม่สาวน้อยนี้ได้เสียที หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินก็ตื่นเต้นเป็นยิ่งนัก

มู่เฉียนซีได้หยิบใบรายชื่อยาออกมาใบหนึ่ง “ขอให้ท่านหัวหน้าหุบเขาเวินเหรินเรียกใช้กำลังคนทั้งหมดที่มีอยู่ช่วยข้าหาสมุนไพรวิญญาณบางอย่าง”

สมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีทุกชนิดในนั้นยังพอคุยกันได้ แต่สมุนไพรวิญญาณระดับสวรรค์สองชนิดหลังนั้นทำให้พวกเขาตกตะลึงยิ่งนัก

“หญ้าจิ่วอินหยวน และผลจิ่วหยางซวน เสี่ยวซีเจ้าหาสมุนไพรวิญญาณสองชนิดนี้จริงหรือ ? นี่มันเป็นเรื่องในตำนานชัด ๆ เลย”

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าจะใช้เพื่อช่วยคน ดังนั้นจึงต้องรบกวนให้พวกท่านช่วยแล้ว”

“ทันทีที่มีข่าวคราวของพวกตัวยาเหล่านี้ พวกเราจะช่วยหาและนำมาให้ถึงมือเจ้าเลย เจ้าวางใจได้! พวกเราหุบเขาโอสถนั้นมีอำนาจทั่วทั้งในแดนใต้” หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าว

มู่เฉียนซีกล่าวต่อ “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ข้าต้องการที่จะพัฒนากิจการร้านหอโอสถของข้าที่ทวีปอวิ๋นโจว นามว่าหอหมอปีศาจ เมื่อถึงตอนนั้นขอให้หุบเขาโอสถให้การสนับสนุนด้วย”

หากอยู่ในทวีปอวิ๋นโจวและมีหุบเขาโอสถคอยสนับสนุนให้ท้ายอยู่ละก็ หอหมอปีศาจจะต้องพัฒนาไปได้อย่างราบรื่นแน่นอน

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าว “เจ้านี่หนาแม่สาวน้อย ข้าไม่รู้ว่าจะว่าเจ้าเช่นไรดี หุบเขาโอสถที่มีอายุหลักพันปลาย ๆ จวนใกล้หลักหมื่นปีเช่นนี้เจ้าไม่ต้องการมัน แต่เจ้ากลับจะไปสร้างกิจการร้านโอสถของเจ้าเอง เจ้า…”

มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “ข้าอายุยังน้อยนี่นา! การพัฒนากิจการหรือกองกำลังอย่างหนึ่งขึ้นมาด้วยตนเองนั้นมีความท้าทาย และมันท้าทายกว่าการสะสมของเก่ามากมายอย่างแน่นอน”

“เจ้าจะไม่คิดทบทวนดูดี ๆ หน่อยหรือ? ถ้าหากว่าเจ้ากลายเป็นหัวหน้าหุบเขาโอสถ ไม่ว่าเจ้าคิดที่จะสนับสนุนร้านขายโอสถเล็ก ๆ ของเจ้าเช่นไรก็ย่อมทำได้”

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าไม่อยากที่จะสะสมของโบราณจริง ๆ หุบเขาโอสถนี้อย่างไรเสียก็ขอให้พวกท่านค่อย ๆ เล่นกับมันไป ถ้าหากว่าพวกท่านไม่กล้าที่จะสนับสนุนข้า ข้าจะไปฟ้องหอโอสถ ดูสิว่าพวกท่านจะทำเช่นไรได้ ?”

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าวอย่างจนปัญญา “เจ้านี่ช่างโหดร้ายจริงนะแม่หนู! ข้าตอบตกลงก็แล้วกัน ข้าให้สัญญาว่าภายในหนึ่งเดือนจะให้ร้านโอสถของเจ้ามีชื่อในทวีปอวิ๋นโจว”

“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว”

“ข้อสุดท้ายก็คือ จะมีนักศึกษาของสำนักศึกษาซวนเสียบางส่วนจะให้ไปฝึกฝนที่หอโอสถ” มู่เฉียนซีกล่าว

แม้ว่าหอโอสถนั้นจะตอบรับไปแล้ว แต่หอโอสถนั้นตั้งอยู่ในหุบเขาโอสถ อย่างไรเสียก็ต้องฟังความคิดเห็นของหัวหน้าหุบเขาโอสถ

“หากท่านหอโอสถตอบตกลงไว้แล้ว แน่นอนว่าพวกเราเองก็ไม่มีอะไรคัดค้าน พวกเราแค่ไม่รู้ว่าสำนักศึกษาซวนเสียของพวกเจ้านั้นยังมีผู้วิปริตเช่นเจ้าอีกหรือไม่ ถึงแม้ว่าจะมีความวิปริตเพียงหนึ่งในร้อยส่วนของตัวเจ้า นั่นก็สามารถทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตามองโลกแล้ว!”

มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “เช่นนั้นท่านหัวหน้าหุบเขาเวินเหรินก็ต้องรอคอยดูเอา!”

หอโอสถนั้นก็ปลอดภัยไร้กังวลแล้ว และระยะเวลาที่นางได้มาอยู่ที่หุบเขาโอสถนี้ก็เป็นช่วงเวลาหนึ่งแล้ว เมื่อได้จัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จสิ้นมู่เฉียนซีจึงได้เอ่ยถึงเรื่องที่จะกลับสำนักศึกษาซวนเสียขึ้นมา

แม้ว่าหัวหน้าหุบเขาเวินเหรินอยากที่จะให้นางอยู่ที่นี่ต่อ แต่อย่างไรเสียนางก็เป็นนักศึกษาของสำนักศึกษาซวนเสีย พวกเขาเองก็ไม่สามารถทำตัวเป็นอันธพาลไปแย่งตัวผู้อื่นได้!

เช่นนั้นแล้วพวกเขาจึงทำได้เพียงส่งนางไปที่มิติส่งตัวระยะไกลในทวีปอวิ๋นโจวด้วยความรู้สึกเสียดาย หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าวขึ้น “เสี่ยวซี ท่านหอโอสถรู้ว่าเจ้าจะจากไปแล้วก็ร้องไห้ออกมา เจ้าจะต้องมาเยี่ยมเยียนหอโอสถและพวกเราบ่อย ๆ นะ”

“ตกลง!”

เมื่อมิติส่งตัวระยะไกลได้เริ่มทำงานขึ้น มู่เฉียนซีก็ได้จากทวีปอวิ๋นโจวไปและกลับไปยังทวีปเสียโจว

“ท่านผู้เฒ่า! มู่เฉียนซีกลับมาสำนักศึกษาซวนเสียแล้ว!”

ในเวลาเดียวกันนี้ ที่หุบเขาหมอเทวดาแห่งทวีปอวิ๋นโจวก็ได้มีคนมาแจ้งข่าวสารนี้

“เจ้าเด็กสาวนั่นช่างกล้านัก! เมื่อล่วงเกินหุบเขาหมอเทวดาของข้าแล้วยังไม่อยู่ที่หุบเขาโอสถต่อไปอีก แต่มันกลับกล้ากลับไปยังสำนักศึกษาเล็ก ๆ นั่น”

“อยู่ที่หุบเขาโอสถที่ข้าไม่กล้าลงมือก็เพราะว่ามีหอโอสถอยู่ แต่ที่สำนักศึกษาซวนเสียนั่น พวกเราหุบเขาหมอเทวดาจะฆ่าล้างบางก็เหมือนกับการบี้มดตัวหนึ่งให้ตายเท่านั้น”

เมื่อกล่าวจบเขาก็ออกคำสั่งทันที “ให้หัวหน้าหุบเขาหมอเทวดาไปที่สำนักศึกษาซวนเสีย เพื่อจับตัวมู่เฉียนซีมา”

“ขอรับ!”

เมื่อมู่เฉียนซีกลับไปยังสำนักศึกษาซวนเสีย ทันทีที่นางเข้าไปในสำนักศึกษานางก็ถูกผู้อาวุโสสูงสุดกุมตัวเอาไว้

“เจ้านั้นไม่ได้เห็นข้าผู้นี้ที่เป็นอาจารย์อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ช่างทำให้ข้าโกรธยิ่งนัก” ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวออกมา

“ท่านอาจารย์สบายดีหรือไม่! นี่เป็นของขวัญที่หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินให้ข้านำมามอบแก่ท่าน ท่านลองเปิดดูสิว่าชอบมันหรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวพร้อมนำของขวัญบางอย่างออกมา

ด้วยสถานะของหัวหน้าหุบเขาเวินเหริน ที่จริงแล้วเขาไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องเอาใจผู้อาวุโสสูงสุดเลย แต่เพราะได้ยืมตัวลูกศิษย์ของเขาไปนานเช่นนั้นก็เลยมีความละอายใจอยู่บ้าง

เพียงแค่เวลาชั่วพริบตาเดียวก็สามารถปลอบประโลมผู้อาวุโสสูงสุดได้แล้ว

จากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้ไปยังหน่วยสำนักปรุงยา จากนั้นก็ได้นำข่าวที่นักศึกษาของสำนักศึกษาของเขาสามารถที่จะเข้าไปฝึกในหอโอสถได้มาบอกแก่อาจารย์ใหญ่หวงฝู่

ทันใดนั้นอาจารย์ใหญ่หวงฝู่ก็พลันรู้สึกเหมือนจะหน้ามืดขึ้นมา “ข้า…ข้าจะไปแจ้งข่าวนี้แก่ทุกคน!”

ด้วยความแข็งแกร่งของหอโอสถ การรับรองนักศึกษาทั้งหมดในเวลาเดียวกันนั้นไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด

แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วสามารถไปได้ถึงขั้นไหน? และจะสามารถเรียนรู้ได้มากเท่าไร? นั่นก็ต้องดูที่ความสามารถของตัวนักศึกษาเองแล้ว

ส่วนเรื่องที่เหลือต่อจากนี้ มู่เฉียนซีได้มอบให้อาจารย์ใหญ่หวงฝู่จัดการ นางได้กลับไปที่หน่วยสำนักปรุงยาและแข่งกับเวลาเพื่อที่จะบรรลุไประดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่สาม

ในศึกระหว่างหุบเขาโอสถและหุบเขาหมอเทวดา นางได้ประกาศการท้าสู้ไปที่ผู้เฒ่าหุบเขาโอสถผ่านการวางยาพิษอวี้เหลียนชิง ความสัมพันธ์ระหว่างนางและหุบเขาหมอเทวดาที่เป็นศัตรูคู่แค้นกันนั้นมิได้เป็นความลับอีกต่อไป

ถึงแม้ว่าชิงอิ่งนั้นจะเพิ่งฟื้นขึ้นมา แต่พลังความแข็งแกร่งของเขาก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

แต่ทว่าพลังความแข็งแกร่งของนางนั้นกลับอ่อนแอเป็นอย่างมาก ในเมื่อมันไม่แข็งแกร่งขึ้นมาเสียทีเช่นนั้นจะไปได้เรื่องได้อย่างไร?

เพราะชิงอิ่งได้ตื่นขึ้นมาแล้ว การที่จะเผชิญหน้ากับหุบเขาหมอเทวดานั้นเป็นแค่เรื่องของเวลาช้าเร็วเท่านั้น อู๋ตี้ได้กอดของรักของหวงของมันเอาไว้นานมากแล้ว มันกล่าวขึ้นอย่างจนปัญญา “นายท่าน ข้าจะกินมันแล้วนะ รอจนข้าย่อยมันหมดสิ้นแล้วก็คงจะสามารถกลายเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับที่สี่ได้”

“ในตอนที่ข้าไม่สามารถจะออกมาช่วยนายท่านต่อสู้ได้ นายท่านจงใช้เจ้าทาสหมูขี้เกียจนั้นให้เต็มที่อย่างไม่ต้องเกรงใจข้า!”

เสี่ยวหงโกรธเกรี้ยว “อะไรคือสิ่งที่ว่าไม่ต้องเกรงใจเจ้า! ข้าต้องไปฟังคำสั่งจากเจ้าตั้งแต่เมื่อไรกัน!”

หลังจากที่ทั้งสองตัวนั้นได้ทะเลาะกันเสร็จสิ้น อู๋ตี้ก็ได้กลืนแก่นของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่เข้าไป

และในตอนนี้เอง อาจารย์ใหญ่หวงฝู่ก็ได้เดินเข้ามา

“สาวน้อยซี เจ้าหนูมู่ซีหายตัวไปอีกแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ข้ามีเรื่องด่วนต้องการจะพบตัวเขา”