ขณะนี้เป็นเวลายามเย็นแล้วและท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เทือกเขากายสิทธิ์แห่งนี้กลับสว่างไสวกว่าบริเวณอื่นเนื่องจากสระกายสิทธิ์และผนึกรอบ ๆ มัน
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น แสงสว่างจ้าก็ส่องวาบขึ้นอย่างฉับพลันก่อนที่ทุกคนจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผนึกที่ปิดล้อมสระกายสิทธิ์ไว้ก่อนหน้านี้ได้กลายเป็นม่านโปร่งแสงและค่อย ๆ สลายหายไปต่อหน้าต่อตา
ทว่าหลังจากม่านบดบังดังกล่าวสลายไป กลุ่มหมอกหนาก็ลอยขึ้นจากสระกายสิทธิ์ส่งผลให้บรรยากาศโดยรอบหนาวเย็นขึ้นทันที
“ผนึกคลายตัวแล้ว ไปกันเถอะทุกคน !”
ไม่ทราบได้ว่าต้นเสียงนั้นมาจากผู้ใด ทว่าทันทีที่สิ้นเสียงของเขา กลุ่มคนที่ไม่คิดไตร่ตรองสิ่งใดก็รีบมุ่งหน้าเข้าไปทันที
จากนั้นเสียง ‘ตูม !’ ‘ตูม !’ ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและผู้คนที่อยู่ข้างหลังก็ทำท่าทางราวกับกำลังแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงบางอย่าง พวกเขาไม่รอช้าและรีบกระโดดลงสระกายสิทธิ์ไปทันทีที่ทำได้
“ฮู้วว… นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นคนกระโดดน้ำกันเป็นกลุ่มเช่นนี้ มันดูน่าสนุกจริง ๆ เลย”
เยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ยังไม่ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด พวกนางทราบดีว่าสระกายสิทธิ์ตรงหน้าไม่ธรรมดาอย่างที่เห็นแน่นอน หากเพียงกระโดดลงไปและสามารถบรรลุพลังจากขอบเขตเซียนขั้นเก้าไปสู่ขอบเขตพสุธาเซียนได้ง่าย ๆ นั้น เกรงว่าคงมีจอมยุทธ์พสุธาเซียนจำนวนมหาศาลที่ปรากฏขึ้นในดินแดนเทพมายาภายในคราวเดียว
แน่นอนว่ามีหลายคนที่มีความคิดเช่นเดียวกันกับพวกนาง ซึ่งนั่นรวมถึงเฟิ่งซี เซิ่งเซียวและคนอื่น ๆ อีกทั้งก็ยังมีคนธรรมดาอีกหลายคนที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่โดยไม่เคลื่อนไหว
“เป็นจริงดังที่คิดไว้ เจ้าพวกมนุษย์ที่โง่เขลาเอ๋ย พวกเจ้าคิดว่าสระกายสิทธิ์จะธรรมดาและเรียบง่ายถึงเพียงนั้นรึ !”
มังกรเหมันต์กล่าวเย้ยหยันแสดงถึงความเหยียดหยามต่อบรรดาผู้ที่กระโดดลงสระอย่างเปิดเผย กลุ่มคนโง่เขลาเหล่านั้นไม่ได้ทราบถึงคุณสมบัติวิเศษที่แท้จริงของสระกายสิทธิ์ด้วยซ้ำ
ผู้คนจำนวนมากที่เข้าไปในสระกายสิทธิ์ครอบครองพื้นที่รวมครึ่งสระอย่างรวดเร็ว สำหรับส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งถึงแม้ว่าจะยังเป็นที่ว่าง ทว่าก็ยังไม่มีผู้ใดก้าวลงไป
“เฮ้ เหตุใดมันถึงดูไม่ต่างไปจากสระน้ำธรรมดา ๆ เลยล่ะ ?”
ใครคนหนึ่งที่อยู่ข้างในสระมาเป็นระยะเวลาหนึ่งเริ่มขมวดคิ้วพร้อมกล่าววาจาด้วยความฉงนสงสัย
ในเมื่อกล่าวกันหนาหูว่านี่คือสระวิเศษ เมื่อพวกเขาลงไป มันก็น่าจะเกิดปฏิกิริยาบางอย่างขึ้นมา ทว่าหลังจากลงมาในสระเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว พวกเขากลับไม่รู้สึกว่ามันต่างจากสระน้ำธรรมดาทั่วไปเลยสักนิด ซึ่งนี่ก็ก่อให้เกิดความสงสัยกับทุก ๆ คน
“หรือว่าข่าวลือพวกนั้นจะไม่ใช่ความจริง ?”
ใครอีกคนกล่าวตอบอย่างไม่มั่นใจนัก เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใดของมันเช่นกัน
“สระนี้ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด หากคิดจะดำลงไปจนถึงจุดที่ลึกที่สุด บางทีอาจจะจมน้ำตายก่อนได้”
บุรุษคนหนึ่งดำลงไปใต้น้ำพักใหญ่และค้นพบความแปลกประหลาดนี้ทันที
“ไม่มีทาง ! หากเป็นเช่นนั้นพวกเราจะทำอย่างไร ?!”
เมื่อได้ยินวาจาของคนผู้นั้น อีกคนก็กล่าวด้วยน้ำเสียงผิดหวังอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม แม้ความผิดหวังนั้นจะเกาะกุมอยู่ในใจ เขาก็ยังไม่เต็มใจที่จะล้มเลิกความคิดและออกไปจากสระน้ำแห่งนี้ เขามิอาจแน่ใจได้เลยว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่ใช้เวลาอยู่ในสระนี้ไประยะหนึ่งหรือไม่
เมื่อเห็นหลายคนเหล่านั้นที่ประหลาดใจและสิ้นหวังทว่าก็ยังไม่มีความคิดที่จะออกไปจากสระกายสิทธิ์นั้น ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ต่างก็ส่ายศีรษะอย่างจนปัญหา ทว่าเวลานี้พวกนางก็ยังไม่ได้เริ่มเคลื่อนไหว
สระกายสิทธิ์เป็นสระที่วิเศษอย่างยิ่งจนไม่มีใครที่สามารถไขปริศนาลึกลับเกี่ยวกับมันได้ในเวลานี้ ทว่าแทนที่พวกนางจะพุ่งพรวดลงไป การมองสำรวจสถานการณ์อยู่ด้านข้างและรอดูการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นถือเป็นสิ่งที่ดี
เฟิ่งซี เซิ่งเซียวและคนอื่น ๆ ก็ดูเหมือนจะทราบข้อมูลภายในบางอย่างและไม่คิดที่จะห้ามปรามผู้คนมากมายเหล่านั้นราวกับต้องการชมเรื่องสนุก ๆ ที่น่าสนใจ
“เหอะ เจ้าพวกมนุษย์โง่ !”
มังกรเหมันต์แค่นเสียงขณะกวาดสายตามองตัวนิ่มพันปีและจิ้งจอกเก้าหางอย่างยั่วยุก่อนเลื่อนไปมองกลุ่มของฉินอวี้โม่และกล่าวต่อ “ข้าจะไม่เสียเวลาเล่นตลกกับพวกเจ้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป ข้าจะลงไปดูเอง”
หลังจากกล่าวจบ มันก็กลับคืนร่างอสูรดังเดิมและพุ่งดิ่งลงไปใต้สระกายสิทธิ์ทันที
เมื่อเห็นการกระทำของมังกรน้ำแข็ง แม้ว่าหลายคนต้องการห้ามปรามมันไว้ ทว่าเมื่อไตร่ตรองถึงความแข็งแกร่งของมัน พวกเขาก็ถอยออกไปด้านข้างอย่างรวดเร็วและไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว
“น้องจิ้งจอกเก้าหาง พวกเราก็เข้าไปดูกันเถอะ”
ตัวนิ่มพันปียิ้มให้กับอสูรจิ้งจอกข้างกายและจับมือของมันมุ่งหน้าลงไปใต้สระกายสิทธิ์ต่อหน้าทุกคนทันที
“เหอะ พวกเราก็ไปกันเถอะ !”
เฟิ่งซีแค่นเสียงเย็นชาและกล่าวกับคนอื่น ๆ แน่นอนว่าเขาไม่ยอมน้อยหน้าผู้ใด เขาเชื่อมั่นว่าจะคว้าโอกาสใต้สระกายสิทธิ์มาครองให้ได้และไม่มีทางปล่อยให้มันตกไปอยู่ในมือของอสูรทรงพลังเหล่านั้น
เขาหยิบโอสถจำนวนหนึ่งออกมาและแจกจ่ายให้กับคณะผู้ติดตามของตนอย่างรวดเร็ว
“นี่คือโอสถคุมวารี มันจะช่วยให้เราดำอยู่ใต้น้ำได้นานเกือบสองชั่วยาม”
เขาเพียงกล่าวคำอธิบายอย่างง่ายขณะชำเลืองมองเซิ่งเซียวและคนอื่น ๆ โดยไม่คิดที่จะแบ่งปันโอสถเหล่านี้ให้
เซิ่งเซียวเพียงยิ้มอย่างไม่แยแสและหยิบโอสถของตนเองออกมาแจกจ่ายให้กับคนของเขาเช่นกัน
หลังจากแจกจ่ายโอสถและกลืนเข้าไปเรียบร้อยแล้ว คนทั้งสองกลุ่มก็ไม่รอช้าและเล็งเลือกจุดที่ไม่มีผู้อื่นอยู่ก่อนดำลงไปใต้น้ำทันที
“อวี้โม่ เราก็ไปกันเถอะ”
เมื่อเห็นว่ากลุ่มคู่อริเข้าไปในสระกายสิทธิ์แล้ว เยว่ชิงเฉิงก็เริ่มกังวลเล็กน้อย หลังจากกล่าวกับฉินอวี้โม่ นางก็หยิบโอสถคุมวารีของตนออกมาและเตรียมกลืนมันลงไป
“ชิงเฉิง ไม่ต้องรีบร้อนไป เรารออีกประเดี๋ยวเถอะ”
สีหน้าของฉินอวี้โม่เรียบเฉยไม่บ่งบอกความรู้สึกใด โอกาสในสระกายสิทธิ์มิใช่สิ่งที่จะคว้ามาได้ง่าย ๆ นางไม่เชื่อว่าผู้ที่ดำน้ำลงไปก่อนหน้านี้จะพบมันได้ง่ายดายเช่นนั้น
เยว่ชิงเฉิงมีท่าทีฉงนสนเท่ห์อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม นางเชื่อวาจาของฉินอวี้โม่มาเสมอ แน่นอนว่านางไม่คิดที่จะคัดค้านสหายและรอการเตรียมการของฉินอวี้โม่
สมาชิกจากขุมกำลังอื่น ๆ ก็กลืนโอสถเข้าไปก่อนดำดิ่งลงไปในสระกายสิทธิ์อย่างรวดเร็ว
และสำหรับผู้ที่ไม่นำโอสถคุมวารีติดตัวมาด้วย สีหน้าของพวกเขาบ่งบอกถึงความเสียดายอย่างเห็นได้ชัด หากตระหนักถึงสิ่งนี้ตั้งแต่ต้น พวกเขาก็คงเตรียมโอสถมาแล้ว บัดนี้ในเมื่อไม่นำมันมา พวกเขาจึงทำได้เพียงมองดูสระกายสิทธิ์ตรงหน้าอย่างจนปัญญา
หลังจากรอต่อไปอีกสองก้านธูป สีหน้าท่าทางของผู้คนในสระกายสิทธิ์ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
ในที่สุดบางคนก็เริ่มทนไม่ไหวอีกต่อไป พวกเขากระโดดขึ้นจากสระกายสิทธิ์และกล่าววาจาอย่างฉุนเฉียว “สระบัดซบอะไรกัน ข่าวลือพวกนั้นเป็นเรื่องโกหกชัด ๆ กล่าวว่าลงไปในสระกายสิทธิ์แล้วจะบรรลุไปสู่ขอบเขตพสุธาเซียนงั้นรึ ? มันเป็นเพียงความฝันลม ๆ แล้ง ๆเท่านั้น !”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็ไม่รีรอและพุ่งตรงออกไปในระยะไกลทันที ด้วยเวลาที่มี เขาเลือกที่จะสำรวจทั่วเทือกเขากายสิทธิ์เพื่อหาสมบัติล้ำค่ายังดีเสียกว่า
เมื่อคนแรกตัดสินใจออกไป แน่นอนว่าย่อมมีคนที่สอง คนที่สามและสี่ตามมา เมื่อเห็นว่าสระกายสิทธิ์ที่กล่าวกันว่าวิเศษวิโสนัก แท้จริงแล้วไม่ต่างจากสระน้ำธรรมดา ๆ พวกเขาก็ไม่ต้องการเสียเวลาอีกต่อไปและกลับขึ้นมาทีละคน
ภายในเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป สระกายสิทธิ์ที่แออัดในตอนแรกก็เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนที่ยังอดทนรอเพื่อลองเสี่ยงโชคของตนเอง
“เป็นจริงดังที่คิดไว้ มันมิได้ง่ายดายขนาดนั้น หากต้องการที่จะบรรลุไปถึงขอบเขตพสุธาเซียน เราต้องพึ่งพาโอกาสเช่นกัน”
เมื่อเห็นว่าผู้คนมากมายยังไม่พบสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ ลั่วเฉินก็กล่าวขึ้นเบา ๆ นี่เป็นสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เขาจึงไม่แปลกใจแต่อย่างใด
เขาใช้ความคิดอย่างรวดเร็วว่าจะทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตพสุธาเซียนในสระกายสิทธิ์นี้ได้อย่างไร
ถึงอย่างไรแล้วข่าวลือมากมายหนาหูก่อนหน้านี้ไม่น่าจะเป็นข่าวปลอม และสระกายสิทธิ์น่าจะช่วยให้จอมยุทธ์ขอบเขตเซียนขั้นเก้าทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตพสุธาเซียนได้จริง ๆ
คนอื่น ๆ ก็กำลังคิดไตร่ตรองหาทางอยู่เช่นเดียวกันและพวกเขาก็ไม่ได้สนใจสิ่งที่อยู่ใต้สระกายสิทธิ์มากนัก
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม นางทราบดีว่าการที่อยู่ที่นี่ต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์และเตรียมลงไปในสระเพื่อพิสูจน์ความจริงด้วยตัวเอง
“อวี้โม่ เจ้ามีโอสถคุมวารีรึไม่ ?”
เมื่อฉินอวี้โม่กล่าวว่าได้เวลาลงไป เยว่ชิงเฉินจึงเอ่ยถามอย่างสบาย ๆ
“ชิงเฉิง ข้าไม่จำเป็นต้องใช้โอสถคุมวารีหรอก…และเจ้าก็เช่นกัน”
ฉินอวี้โม่ยิ้มบาง ๆ นางไม่จำเป็นต้องใช้โอสถคุมวารีเพื่อดำลงไปใต้สระกายสิทธิ์
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เยว่ชิงเฉินก็นึกขึ้นได้ทันที นางลืมคฤหาสน์งดงามและวิเศษของฉินอวี้โม่ไปได้อย่างไรกัน
ทุกคนก้าวเข้าไปในคฤหาสน์หลังน้อยพร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้า หลังจากปรับให้คฤหาสน์ล่องหน ฉินอวี้โม่ก็ขับเคลื่อนมันลงไปในสระกายสิทธิ์ทันที
คนอื่น ๆ หลายคนที่อยู่ในบริเวณนั้นซึ่งจับตาดูการเคลื่อนไหวของฉินอวี้โม่และกลุ่มสหายต่างก็เห็นกับตาว่าจู่ ๆ พวกนางก็หายไปในอากาศ ในเวลานี้พวกเขาต่างก็ประหลาดใจกันอย่างยิ่ง
“ดวงตาข้าพร่ามัวไปรึไม่ ? คนเหล่านั้นหายวับไปเฉย ๆ ได้อย่างไรกัน ?!”
ใครคนหนึ่งมองไปยังจุดที่ฉินอวี้โม่และคณะยืนอยู่ก่อนหน้านี้พลางกล่าวด้วยความสงสัย
“ข้าก็ไม่แน่ใจ… ข้าเพิ่งเห็นคนเหล่านั้นเมื่อครู่และจู่ ๆ ก็ไม่เหลือแม้แต่เงาด้วยซ้ำ”
ใครคนหนึ่งส่ายศีรษะเบา ๆ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางทราบได้เลยว่ากลุ่มของฉินอวี้โม่หายวับไปต่อหน้าได้อย่างไร
“เรื่องแปลกเกิดขึ้นได้อย่างไม่มีเหตุผล ยิ่งไปกว่านั้น ข้าคิดว่าพวกเขาคงจะเข้าไปในสระกายสิทธิ์แล้ว หากมิใช่เพราะข้าไม่นำโอสถคุมวารีติดตัวมาด้วยละก็ ข้าก็คงจะดำลงไปใต้สระเพื่อพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้ว”
บุรุษคนแรกส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา ทว่าแววตาของเขาบ่งบอกถึงความสงสัยใคร่รู้อย่างที่สุด เพียงแต่น่าเสียดายที่เขาลืมนำโอสถคุมวารีติดตัวมาด้วย
“ท่านต้องการโอสถคุมวารีรึ ? ข้ามีอยู่หนึ่งเม็ด ราคาสามพันหินผลึก !”
จู่ ๆ บุรุษคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นเสียงดัง
ความแข็งแกร่งของเขาอยู่เพียงขอบเขตเซียนขั้นหก ต่อให้ดำลงไปในสระกายสิทธิ์ เขาก็ไม่สามารถแย่งชิงโอกาสกับคนอื่น ๆ ได้ และครานี้เขาก็นำโอสถคุมวารีติดตัวมาด้วยเป็นจำนวนหนึ่ง เมื่อเห็นว่ามีหลายคนที่ต้องการดำลงไปใต้น้ำทว่าไม่มีโอสถคุมวารีอยู่นั้น แน่นอนว่าเขาก็มองเห็นโอกาสและต้องการที่จะสร้างรายได้จากเรื่องนี้
“ข้าขอซื้อ !”
ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น ใครคนหนึ่งก็ตะโกนออกไปแสดงเจตจำนงที่จะซื้อโอสถเม็ดนั้น
“ท่านจอมยุทธ์ ข้าจะจ่ายให้ห้าพันหินผลึก ขายมันให้ข้าเถอะ”
อีกคนกล่าวเสียงดังฟังชัด เขาต้องการโอสถเม็ดนั้นมาครอบครองอย่างแท้จริง
“เหอะ ข้ามีหนึ่งหมื่นหินผลึก โอสถคุมวารีนั่นต้องเป็นของข้า”
แน่นอนว่าในบริเวณนี้มีผู้มั่งคั่งร่ำรวยอยู่หลายคน ตราบใดที่ได้โอสถคุมวารีเม็ดนี้มาครอง พวกเขาก็ไม่สนใจเรื่องหินผลึกที่ต้องสูญเสียไปเพื่อแลกมันมา
“หนึ่งหมื่นหินผลึกอะไรกัน ข้าจะจ่ายด้วยสองหมื่นหินผลึก !”
อีกคนกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้และต้องการคว้าชัยชนะให้จงได้
“ข้าจ่ายสามหมื่นหินผลึก !”
“ข้าจ่ายสี่หมื่นหินผลึก !”
“ห้าหมื่นหินผลึก !”
……
สงครามประชันราคาไม่หยุดนิ่งจนกระทั่งถึงแปดหมื่นหินผลึก
เจ้าของโอสถไม่คาดคิดว่าโอสถคุมวารีของตนจะสร้างผลกำไรได้สูงถึงเพียงนี้และยิ้มกว้างจนปากแทบฉีกถึงหูหลังจากที่ได้รับหินผลึกจำนวนมหาศาลมา
“ฮ่า ๆ ๆ ไม่ต้องห่วงทุก ๆ คน ข้ายังมีอีก…”
เขาหยิบโอสถอีกหลายเม็ดออกมาและเชื่อว่าจะสร้างรายได้เพิ่มอีกมหาศาลในครานี้…
สถานการณ์นอกสระกายสิทธิ์ก็วุ่นวายโกลาหลอยู่เป็นพักใหญ่
ผู้ที่แย่งชิงเสนอราคาเหล่านั้นก็ไม่ทันสังเกตเห็นบุรุษรูปงามคนหนึ่งที่ปรากฏกายขึ้นมาตรงหน้าสระกายสิทธิ์อย่างกะทันหัน หลังจากที่บุรุษผู้นี้กวาดสายตามองโดยรอบ เขาก็ดำดิ่งลงไปใต้สระกายสิทธิ์ทันทีโดยที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้โอสถคุมวารีด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นก็เหมือนกับว่าเขากำลังตามหาบางสิ่งบางอย่าง…
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ไม่ทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ พวกนางขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวต่อไปจนถึงส่วนลึกของสระกายสิทธิ์และก็พบจุดแรกที่แตกต่างไปจากจุดอื่น ๆ .
.