ด้วยการขับเคลื่อนของคฤหาสน์เฟิงหัว ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็ดิ่งลงมาถึงส่วนลึกของสระกายสิทธิ์
แม้ว่าจะอยู่ใต้น้ำ แต่ทุกคนในคฤหาสน์เฟิงหัวก็ไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมภายนอกแต่อย่างใด เมื่ออยู่ภายในคฤหาสน์เฟิงหัวนี้ ไม่เพียงแต่จะสามารถมองเห็นภาพเหตุการณ์ข้างนอกได้อย่างชัดเจนเท่านั้น ทว่ามันก็ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการเหนี่ยวรั้งของสระกายสิทธิ์ใด ๆ ราวกับว่าอยู่บนพื้นราบเรียบ
“ดูเร็ว นั่นมันอะไรกัน ?!”
หลังจากดำลงมาใต้สระนานกว่าสองก้านธูปทว่าก็ยังไม่ถึงก้นสระ พวกเขาก็เริ่มรู้สึกราวกับว่าสระกายสิทธิ์แห่งนี้ไม่มีที่สิ้นสุดอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ เยว่ชิงเฉิงก็สังเกตเห็นบางอย่างและโพล่งออกมาด้วยความประหลาดใจ
ทุกคนมองตามไปในทิศทางที่เยว่ชิงเฉิงชี้นิ้วตรงไปทันทีและพบว่าท่ามกลางสายน้ำไม่ไกลตรงหน้ามีวัตถุบางสิ่งบางอย่างส่องประกายเรืองแสงแผ่ความเยือกเย็นออกมาโดยมิอาจทราบได้ว่ามันคือสิ่งใด
“ไปดูกันเถอะ”
ฉินอวี้โม่มองไปที่วัตถุชิ้นนั้นเช่นกันและค่อย ๆ ขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวตรงเข้าไปใกล้มัน
ต้องกล่าวเลยว่าสระกายสิทธิ์แห่งนี้แปลกพิกลยิ่งนัก หากมองตามสถานการณ์ปกติแล้ว ต่อให้จะไม่มีอสูรมายาใด ๆ อยู่ใต้น้ำนี้ มันก็ควรที่จะมีสิ่งมีชีวิตบางอย่างอาศัยอยู่
อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ที่ดำดิ่งลงมาพักใหญ่ ไม่ต้องกล่าวถึงอสูรมายาด้วยซ้ำ เพราะแม้แต่ปลาหรือกุ้งตัวเล็ก ๆ ก็ไม่มีผ่านมาให้พบเห็น ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีพืชพรรณใต้น้ำใด ๆ อยู่ในสระกายสิทธิ์นี้และไม่มีแม้กระทั่งก้อนหิน มันสะอาดสะอ้านมากเกินไปจนกลายเป็นความประหลาดที่ดูผิดปกติ
เนื่องจากไม่มีวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตใดแม้แต่สิ่งเดียว การปรากฏให้เห็นอย่างฉับพลันของวัตถุเรืองแสงจึงดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ทันที และทุกคนเริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้นโดยอัตโนมัติ
ขณะเข้าไปใกล้วัตถุเรืองแสงดังกล่าว ทุกคนค้นพบว่าแท้จริงแล้วมันเป็นขวดลายครามสีน้ำเงินขนาดเล็ก ขวดดังกล่าวถูกปิดไว้และมิอาจทราบได้ว่าข้างในนั้นคือสิ่งใด ดูเหมือนจะมีอาคมบางอย่างที่ห่อหุ้มมันไว้ส่งผลให้มันเปล่งแสงสว่างเรืองรองออกมา
ทุกคนเข้าใจดีว่าเหตุใดจึงมีอาคมบางอย่างที่ครอบคลุมรอบ ๆ มัน เพราะหากไม่มีสิ่งนั้น ขวดลายครามสีน้ำเงินใบเล็กนี้จะต้องลอยขึ้นสู่เหนือน้ำอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
“หรือว่าขวดลายครามสีน้ำเงินนั่นจะเกี่ยวข้องกับข่าวลือที่กล่าวกันว่าสระกายสิทธิ์สามารถช่วยให้จอมยุทธ์ทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตพสุธาเซียนได้ ?”
โอวหยางชิงเฟิงขมวดคิ้วมุ่นและกระซิบกระซาบเบา ๆ ด้วยความสงสัย
“ไม่ว่าจะอะไรก็เถอะ เพียงแค่เข้าไปดูก็จะได้รู้เอง”
เยว่ชิงเฉิงโบกมือปัดอย่างไม่สนใจข่าวลือเหล่านั้นนักและกล่าวข้อเสนอความคิดของตน
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่เห็นด้วยกับความคิดของเยว่ชิงเฉิงและหันไปกล่าวกับมารยาผู้ซึ่งรับคำสั่งก่อนออกไปข้างนอก
หลังจากเวลาผ่านไปเพียงไม่นาน อาคมรอบขวดลายครามก็ถูกทำลายลงและมารยาก็เดินกลับเข้ามาในคฤหาสน์เฟิงหัวพร้อมขวดใบเล็กในมือ
“นายหญิง ขวดลายครามสีน้ำเงินนี่แปลกประหลาดยิ่งนัก ยิ่งไปกว่านั้นน้ำในสระกายสิทธิ์แห่งนี้ก็หนาวเย็นมาก หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปที่ลงมาในสระนี้ คาดว่าจะทนอยู่ได้ไม่นาน”
นางยื่นขวดลายครามสีน้ำเงินในมือให้กับผู้เป็นนายและกล่าวถึงสิ่งที่สัมผัสได้เมื่อออกไปนอกคฤหาสน์อย่างไม่ปิดบังสิ่งใด
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะรับทราบพร้อมเอื้อมมือไปรับขวดลายครามมาเพื่อสำรวจมัน
สายตาของคนอื่น ๆ จับจ้องตรงมาที่ขวดลายครามสีน้ำเงินใบนี้เช่นกันและต้องการรอดูว่าข้อคาดเดาของตนจะผิดพลาดไปหรือไม่
ฉินอวี้โม่ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อรับขวดใบเล็กมาในมือ ขวดลายครามใบนี้มีอุณหภูมิที่เย็นจัด ซึ่งหากนางไม่จับมันไว้แน่นก็คงทำมันหลุดมือร่วงลงพื้นไปแล้ว
ไม่แปลกใจเลยที่แม้แต่อสูรธาตุน้ำแข็งอย่างมารยาก็กล่าวว่าอุณหภูมิในสระกายสิทธิ์หนาวเย็นมากและขวดลายครามใบนี้ก็แปลกประหลาดจนเกินจะคาดเดา
อย่างไรก็ตาม ไออุ่น ๆ ก็ปรากฏในมือของนางและห่อหุ้มรอบขวดใบเล็กนี้ไว้ทันที ฉินอวี้โม่พลิกมันไปมาเพื่อสำรวจดูพักหนึ่งและค้นพบความผิดปกติของมัน
ขวดลายครามสีน้ำเงินใบเล็กนี้มีไม่ได้มีลักษณะที่โดดเด่นแต่อย่างใดและดูเหมือนเป็นขวดลายครามทั่ว ๆ ไป ทว่าฉินอวี้โม่สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่ทรงพลังแผ่มาจากมัน ราวกับว่าใครบางคนใช้พลังวิญญาณปิดผนึกมันไว้
จากนั้นนางก็พยายามแผ่พลังวิญญาณของตนเองออกไปเพื่อปลดผนึกของขวดลายครามในมือนี้ ทว่าภายในอึดใจเดียว นางก็พบว่าเมื่อพลังวิญญาณของตนแผ่เข้าไปใกล้ ราวกับมันเผชิญกับแรงต้านทานที่แกร่งกล้าบางอย่างจนส่งผลให้นางรู้สึกอึดอัดไม่น้อย
“เกิดอะไรขึ้นรึ ?”
เมื่อเห็นคิ้วที่ขมวดเป็นปมของฉินอวี้โม่ เยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ก็กล่าวถามด้วยความกังวล
“ไม่มีอะไร ข้าเพียงรู้สึกถึงความแปลกประหลาดเล็กน้อย ดูเหมือนว่าขวดลายครามนี้จะถูกปิดผนึกไว้และพลังวิญญาณที่ถูกทิ้งไว้ในขวดลายครามนี้ก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าของข้าเลย”
ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะเบา ๆ นางเพียงรู้สึกว่าเมื่อครู่นี้นางสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง ทว่านางก็ยังไม่ทราบว่ามันคือสิ่งใด
เมื่อทุกคนได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ พวกเขาก็หันมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจนัก ทว่าเมื่อไตร่ตรองวาจาของนาง พวกเขาต่างก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ในเมื่อขวดลายครามใบนี้ถูกปิดผนึกไว้ นั่นก็หมายความว่ามีใครบางคนที่นำมันมาไว้ข้างในสระกายสิทธิ์นี้ ยอดฝีมือที่ทรงพลังผู้ใดกันที่สามารถทำสิ่งที่น่าทึ่งเช่นนี้ได้ ?
ฉึก !
มีเสียงเบาดังขึ้นเล็กน้อย ในที่สุดฉินอวี้โม่ก็เปิดจุกฝาปิดของขวดลายครามได้และพลังวิญญาณของมันก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อเห็นว่าเปิดขวดลึกลับใบนี้ได้ในที่สุด สายตาของทุกคนก็จับจ้องมาที่ฉินอวี้โม่ด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าสิ่งที่บรรจุอยู่ข้างในนั้นคือสิ่งใด
“เฮ้ นี่มันโอสถสองเม็ด”
หลังจากเทสิ่งที่บรรจุข้างในขวดออกมา เยว่ชิงเฉิงก็โพล่งออกไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ แม้นางจะคาดเดาไว้ก่อนแล้ว นางก็ไม่คิดว่าขวดลายครามสีน้ำเงินลึกลับที่ปรากฏอยู่ในสระกายสิทธิ์นี้จะบรรลุโอสถสองเม็ดไว้ภายใน
“หรือโอสถสองเม็ดนี้คือสิ่งที่ช่วยให้จอมยุทธ์ทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตพสุธาเซียนได้ ?”
ลั่วเฉินกล่าวข้อสงสัยของตนออกไป ในเมื่อมันไม่ใช่ข่าวปลอมที่สระกายสิทธิ์สามารถช่วยให้จอมยุทธ์ขอบเขตเซียนขั้นเก้าบรรลุไปสู่พสุธาเซียนได้ เช่นนั้นสระแห่งนี้ก็คงจะซ่อนความลับบางอย่างไว้และไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เห็นภายนอก
อีกทั้งขวดลายครามสีน้ำเงินและโอสถที่ปรากฏอย่างกะทันหันนี้ก็น่าประหลาดอย่างยิ่ง หากจะกล่าวว่าโอสถทั้งสองเม็ดนี้คือโอสถที่ช่วยให้จอมยุทธ์ทะลวงพลังดังคำกล่าวนั้น มันก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้อยู่เหมือนกัน
“ท่านผู้นำ ข้าเป็นผู้หลอมโอสถ ข้าขอดูโอสถนั่นได้รึไม่ ?”
จู่ ๆ เมิ่งเฟยผู้ซึ่งนิ่งเงียบไม่กล่าววาจามาโดยตลอดก็เอ่ยเสียงเบาด้วยท่าทางที่ประหม่าอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากมิใช่คนช่างพูดเท่าใดนัก นางจึงรู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่กล่าวออกไปเช่นนี้
“ฮ่า ๆ ๆ แน่นอนว่าไม่มีปัญหา”
ฉินอวี้โม่หัวเราะเบา ๆ และยื่นโอสถทั้งสองเม็ดให้กับเมิ่งเฟยโดยไม่ลังเล เวลานี้พวกนางเป็นสหายร่วมทางกันแล้ว แน่นอนว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลังเลหรือหวาดระแวงใด ๆ ทว่าท่าทางเขินอายของเมิ่งเฟยก็ทำให้ทุกคนอดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้
เมิ่งเฟยไม่กล้าหลุดสมาธิแม้แต่น้อย หลังจากรับโอสถทั้งสองมา นางก็เริ่มจากการดมกลิ่นของมันก่อนสำรวจอย่างละเอียด
ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ให้เวลาเมิ่งเฟยศึกษามันอย่างเต็มที่ในขณะที่ทุกคนสนทนากันอย่างสบาย ๆและหารือข้อคาดเดาต่าง ๆ ของตนเอง
หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป ร่องรอยความประหลาดใจ ความไม่อยากเชื่อและแม้กระทั่งความตื่นเต้นเล็กน้อยก็ปรากฏบนใบหน้าของเมิ่งเฟย เมื่อเห็นเช่นนั้นทุกคนก็มองมาด้วยความสงสัยทันที
“ที่แท้มันก็คือโอสถหวนคืนอำนาจในตำนานนั่นเอง !”
เมิ่งเฟยยื่นโอสถคืนให้กับฉินอวี้โม่และกล่าวเสียงดังฟังชัด
โอสถหวนคืนอำนาจคือหนึ่งในโอสถที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง โดยทั่วไปโอสถจะแบ่งออกเป็นระดับหนึ่งถึงเก้าและเหนือกว่าระดับเก้าคือระดับสูงสุด ซึ่งโอสถหวนคืนอำนาจนี้คือหนึ่งในโอสถระดับสูงสุด
ต้องกล่าวเลยว่าโอสถระดับสูงสุดมีเพียงสามชนิดเท่านั้น ในเมื่อโอสถหวนคืนอำนาจนี้เป็นหนึ่งในสามชนิดนั้น คุณค่าของมันก็แทบไม่ต้องเอ่ยถึง
“ไม่แปลกใจเลยที่กล่าวกันว่าสระกายสิทธิ์แห่งนี้สามารถช่วยให้จอมยุทธ์ทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตพสุธาเซียนได้โดยตรง โอสถนี้เป็นสิ่งที่มีคุณประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับทั้งจอมยุทธ์ขอบเขตพสุธาเซียนและขอบเขตเซียน”
ในฐานะผู้หลอมโอสถ เมิ่งเฟยย่อมทราบข้อมูลและคุณสมบัติต่าง ๆ ของโอสถมากกว่าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ซึ่งนางก็ทราบถึงคุณสมบัติของโอสถหวนคืนอำนาจนี้เป็นอย่างดีเช่นกัน
โอสถหวนคืนอำนาจช่วยให้จอมยุทธ์ขอบเขตเซียนขั้นสูงสุดทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตพสุธาเซียนได้โดยตรง ไม่ว่าเป็นจอมยุทธ์ขอบเขตเซียนขั้นหนึ่งหรือขั้นเก้าก็มีผลในแบบเดียวกัน และหากเป็นจอมยุทธ์ขอบเขตพสุธาเซียนที่ใช้มัน คนผู้นั้นก็จะทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตพสุธาเซียนขั้นสูงสุดได้โดยตรงซึ่งถือว่ามันเป็นโอสถที่ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะประหลาดและเหนือธรรมชาติเพียงใด มันก็ย่อมมีข้อจำกัดอยู่
หากผู้ที่มีพลังในขอบเขตพสุธาเซียนขั้นสูงสุดกินโอสถหวนคืนอำนาจนี้เข้าไป มันจะไม่เกิดผลใด ๆ นอกเหนือจากเสริมความแข็งแกร่งให้กับรากฐานดั้งเดิม ในขณะเดียวกัน หากเป็นจอมยุทธ์ที่มีพลังไม่ถึงขอบเขตเซียนที่กินโอสถเม็ดนี้เข้าไป ร่างกายของพวกเขาจะระเบิดออกมาโดยตรงและเปลี่ยนกลายเป็นร่างไร้วิญญาณ
ในเมื่อมันเป็นโอสถในระดับสูงสุด มันจึงเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างมากที่จะหลอมขึ้นมาได้ แม้แต่ผู้หลอมโอสถอันดับต้น ๆ ของดินแดนเทพมายาก็ไม่เคยหลอมมันออกมาได้สำเร็จ
ยิ่งไปกว่านั้น วัตถุดิบสำหรับการหลอมโอสถหวนคืนอำนาจนี้ก็ล้วนล้ำค่าและเงื่อนไขของมันก็เข้มงวดอย่างยิ่ง เช่นนั้นแล้วการหลอมมันจึงมิใช่เรื่องง่ายเลย
เพราะเหตุนั้น แม้ว่าจะมีคนมากมายทราบถึงความล้ำค่าของโอสถหวนคืนอำนาจก็ไม่มีผู้ใดที่สามารถครอบครองมันมาได้
เมื่อได้ยินวาจาของเมิ่งเฟย ทุกคนต่างก็ตกตะลึง พวกเขาไม่ทราบว่าโอสถตรงหน้าจะล้ำค่าและยอดเยี่ยมถึงเพียงนั้น อย่างไรก็ตาม การพบโอสถทั้งสองเม็ดนี้ก็ถือเป็นการเก็บเกี่ยวที่คาดไม่ถึงของพวกเขาจริง ๆ
“ข่าวลือที่ว่ามีความลับที่นำไปสู่การทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตพสุธาเซียนซ่อนอยู่ในสระกายสิทธิ์นั้น ที่แท้มันก็คือโอสถหวนคืนอำนาจงั้นรึ ?”
ฉีอวี้กล่าวขึ้นเบา ๆ หากเป็นเช่นนั้นจริง สิ่งที่พบในตอนนี้ก็ถือว่าสมเหตุสมผล
“ข้าคิดว่าคงจะเป็นเช่นนั้น เพียงแต่…ขวดลายครามและโอสถหวนคืนอำนาจนี้มาจากที่ใดกัน ? ใครเป็นคนที่นำมันไว้ในสระกายสิทธิ์แห่งนี้ ?”
ปิงเสวียนพยักศีรษะและกล่าวขึ้นเช่นกัน
ทว่าวาจาของปิงเสวียนทำให้ฉินอวี้โม่ผู้ซึ่งกำลังไตร่ตรองบางอย่างเข้าใจอย่างกระจ่างในทันที
โอสถหวนคืนอำนาจและขวดลายครามสีน้ำเงินนี้จะต้องถูกนำมาไว้ที่นี่โดยใครบางคน กล่าวก็คือต้องมีใครสักคนที่เคยปรากฏตัวที่นี่มาก่อนอย่างแน่นอนและมีความเป็นไปได้มากว่าสระกายสิทธิ์แห่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยใครคนนั้น
เพียงแต่การสร้างสิ่งที่ทรงพลังและน่าทึ่งเช่นนี้ มิอาจจินตนาการได้เลยว่าคนผู้นั้นจะทรงพลังเพียงใด ยิ่งไปกว่านั้น การปรากฏของสระกายสิทธิ์นี้มีความสำคัญอย่างไรกัน ? หากมันถูกสร้างขึ้นโดยใครบางคนจริง ๆ คนผู้นั้นมีจุดประสงค์ใดกัน ?
ทันใดนั้น คำถามมากมายก็ผุดขึ้นในหัวของฉินอวี้โม่ นางสัมผัสได้ว่ามีความลับที่ยิ่งใหญ่ในสระกายสิทธิ์แห่งนี้ทว่ายังมิอาจไขปริศนามันได้
ปิงเสวียนและคนอื่น ๆ ล้วนชาญฉลาดและพวกเขาตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกัน สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ
สระกายสิทธิ์แห่งนี้ลึกลับมากเกินไป หากกล่าวว่ามีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับขอบเขตนภาเซียนซ่อนอยู่ในนี้ มันก็ยิ่งยากเกินกว่าจะจินตนาการได้
ทุกคนต่างก็ชะงักนิ่งไปขณะไตร่ตรองว่าเหตุใดสระกายสิทธิ์จึงตั้งอยู่ที่นี่ได้ ทว่าสำหรับตอนนี้ มันยังมิใช่สิ่งสำคัญที่พวกเขาจะต้องกังวลก่อน
.
.