ทุกคนต่างก็คิดไตร่ตรองกันครู่หนึ่ง ทว่าเมื่อมิอาจคิดหาคำตอบได้ในตอนนี้ พวกเขาจึงทำได้เพียงปล่อยวางมันไปก่อน
สระกายสิทธิ์แห่งนี้มีความลับบางอย่างซ่อนไว้อย่างแน่นอนและมันย่อมมิใช่สิ่งที่ธรรมดาทั่วไป เพียงแต่ฉินอวี้โม่และทุกคนยังไม่สามารถหาคำตอบได้ในเวลานี้
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่สร้างสระวิเศษเช่นนี้ขึ้นมาจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ยอดฝีมือในระดับนั้นไม่ใช่ตัวตนที่พวกเขาจะสามารถเอื้อมถึงได้
“โอสถเหล่านี้น่าจะไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ แต่ว่าพวกเราจะแบ่งกันอย่างไร ?”
เยว่ชิงเฉิงมองดูโอสถในมือของฉินอวี้โม่และกล่าวอย่างสบาย ๆ
พวกนางทุกคนล้วนเป็นสหายที่ไว้วางใจและดีต่อกัน ไม่ว่าโอสถเหล่านี้จะได้รับการแบ่งสรรอย่างไร ทุกคนก็ย่อมไม่คัดค้านหรือทักท้วงใด ๆ
“ข้าคิดว่าในสระกายสิทธิ์แห่งนี้อาจจะมีโอสถเช่นนี้อยู่อีกมาก เราลองสำรวจดูรอบ ๆ ก่อนเถอะ หากไม่พบสิ่งใด เราก็มาคุยเรื่องการแบ่งมันในภายหลัง”
ลั่วเฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
เกือบทุกคนในที่นี้มีพลังอยู่ในขอบเขตเซียนขั้นเก้า ตราบใดที่มีโอสถหวนคืนอำนาจ พวกเขาก็ย่อมทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตพสุธาเซียนได้โดยตรง เพราะเหตุนั้นหากกล่าวว่าพวกเขาไม่ตื่นเต้นสนใจในโอสถดังกล่าว มันก็คงเป็นไปไม่ได้
อย่างไรก็ตาม จากความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทุกคน แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่แก่งแย่งชิงดีกันเพราะโอสถหวนคืนอำนาจดังกล่าว ทว่าในเมื่อค้นพบของวิเศษเช่นนี้ในสระกายสิทธิ์นั้น มันก็มีโอกาสสูงที่โอสถดังกล่าวจะมีมากกว่าสองเม็ด หากพบเพิ่มเติม แน่นอนว่าทุกคนจะได้รับผลประโยชน์กันไปถ้วนหน้า
ทุกคนพยักศีรษะอย่างพร้อมเพรียงและไม่รีบร้อนที่จะไขปริศนาความลับใต้สระกายสิทธิ์ทว่าเลือกที่จะออกสำรวจให้ทั่วบริเวณก่อน
และก็เป็นจริงดังที่คิดไว้ หลังจากขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวไปรอบ ๆ สระกายสิทธิ์นี้ ฉินอวี้โม่ก็พบขวดลายครามอีกหลายขวดและทั้งหมดล้วนบรรจุโอสถหวนคืนอำนาจที่หายากและล้ำค่านี้
“ใครกันที่เก็บโอสถหวนคืนอำนาจที่ล้ำค่าเหล่านี้ไว้ในสระกายสิทธิ์ ?”
เมื่อมองดูขวดลายครามห้าขวดและโอสถสิบเม็ดในมือของฉินอวี้โม่ ทุกคนก็ส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา
โอสถหวนคืนอำนาจเป็นโอสถระดับสูงสุดซึ่งพบได้ยากอย่างยิ่งในดินแดนเทพมายา ไม่คิดเลยว่าในสระกายสิทธิ์แห่งนี้เพียงแห่งเดียวจะซ่อนของวิเศษเช่นนี้ไว้เป็นจำนวนมาก หากบรรดาจอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้าของดินแดนทราบถึงเรื่องนี้ มันจะสร้างความแตกตื่นโกลาหลไปทั่วดินแดนทันทีและจะต้องมีจอมยุทธ์มากมายที่ต้องการเดินทางมาสำรวจสถานที่แห่งนี้
โชคดีที่ยอดฝีมือเหล่านั้นทราบเพียงว่าสระกายสิทธิ์สามารถช่วยให้จอมยุทธ์ขอบเขตเซียนขั้นเก้าบรรลุไปสู่ขอบเขตพสุธาเซียนได้ ทว่าพวกเขาไม่ทราบว่านั่นเป็นเพราะโอสถหวนคืนอำนาจนี้
“ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ คือสระกายสิทธิ์แห่งนี้เต็มไปด้วยความประหลาดและห่างไกลจากความธรรมดามาก หากมีโอกาสในอนาคตข้างหน้า เราต้องสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับมันและพิสูจน์ให้แน่ชัด หากเราทราบความลับที่แท้จริงเกี่ยวกับสระกายสิทธิ์แห่งนี้ บางทีเราอาจไขว่คว้าผลประโยชน์ที่ไม่คาดฝันมาได้”
ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะเบา ๆ ทว่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความคาดหวัง
หากไขปริศนาความลับของสระกายสิทธิ์แห่งนี้ได้โดยสมบูรณ์ มันย่อมนำไปสู่การค้นพบใหม่ ๆ อย่างแน่นอน และสิ่งที่ค้นพบใหม่เหล่านั้นอาจเป็นผลประโยชน์ครั้งใหญ่สำหรับการฝึกยุทธ์ของทุกคน เพียงแต่นั่นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ
“ตอนนี้มีโอสถหวนคืนอำนาจรวมสิบเม็ด เราแบ่งสรรกันก่อนเถอะ”
หลังจากไม่ค้นพบสิ่งใดเพิ่มเติม ฉินอวี้โม่ก็กล่าวพร้อมรอยยิ้มและแจกจ่ายโอสถหวนคืนอำนาจทั้งสิบให้กับทุกคน
ในบรรดาทุกคนในที่นี้ กลุ่มห้าคนของปิงเสวียนและกลุ่มห้าคนของวังหลงล้วนได้รับมัน ฉู่เจี๋ยมีพลังอยู่ในขอบเขตพสุธาเซียนขั้นต้นแล้ว ถึงแม้ว่าโอสถหวนคืนอำนาจจะเป็นประโยชน์สำหรับเขา ทว่ามันก็ไม่มากเท่าประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับคนอื่น ๆ
“เจ้าเองก็มีพลังอยู่ในขอบเขตเซียนขั้นเก้าและต้องใช้โอสถนี้ เจ้าควรรับมันไปก่อน”
ฉีอวี้กล่าวขึ้นเป็นคนแรกและปฏิเสธที่จะรับโอสถหวนคืนอำนาจ เขาทราบระดับความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่และทราบดีว่านางจำเป็นต้องใช้มัน เพราะเหตุนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะปฏิเสธโอสถหวนคืนอำนาจที่ฉินอวี้โม่ยื่นให้กับตน
“ใช่แล้ว เจ้าก็ต้องใช้โอสถหวนคืนอำนาจนี้เช่นกัน เจ้ารับไปเถอะ”
เยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ กล่าวเพื่อให้ฉินอวี้โม่ใช้โอสถวิเศษนี้ก่อนผู้ใด
“ท่านผู้นำ มีเพียงการที่ท่านแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นที่ดินแดนทางเหนือของเราจะแกร่งกล้ามากยิ่งขึ้น อย่าปฏิเสธเลย”
วังหลงและคนอื่น ๆ ก็กล่าวเสริมเพื่อให้ฉินอวี้โม่รับมันไปก่อนเช่นกัน
“ฮ่า ๆ ๆ ทุกคนลืมไปแล้วรึว่ายังมีโอกาสครั้งใหญ่อยู่ใต้สระกายสิทธิ์แห่งนี้ หากได้ ‘โอกาส’ นั้นมา โอสถหวนคืนอำนาจนี้ก็ไม่เป็นประโยชน์สำหรับข้ามากนัก เพราะฉะนั้นเชิญทุกคนรับมันไปเถอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องข้า”
ฉินอวี้โม่ยิ้มบาง ๆ และกล่าวความคิดของตน
แม้ว่าโอสถหวนคืนอำนาจนี้จะล้ำเลิศอย่างยิ่ง มันก็มิใช่เป้าหมายสูงสุดของนาง ใต้สระกายสิทธิ์แห่งนี้ยังมีโอกาสครั้งใหญ่ซุกซ่อนอยู่ หากได้มันมาครอง มันย่อมมีผลที่วิเศษยิ่งกว่าโอสถหวนคืนอำนาจ
เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ แม้ทุกคนเข้าใจดี แต่พวกเขาก็ยังคงลังเล
“ทุกคนไม่ต้องห่วง ในเมื่อมันเป็นการตัดสินใจของนายหญิง เราจะช่วยนางบรรลุเป้าหมายนั้นให้จงได้ เราจะช่วยนายหญิงตามหาโอกาสนั้นใต้สระกายสิทธิ์ ตอนนี้เชิญทุกท่านทะลวงพลังไปก่อนเถอะ ด้วยวิธีนี้ เมื่อเราประจันหน้ากับมังกรเหมันต์และอสูรอีกสองตัว รวมถึงเฟิ่งซีคนชั่วและคนอื่น ๆ มันจะช่วยเราได้มาก”
มารยาเห็นสีหน้าแววตาลังเลของทุกคนและกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
แม้ว่าโอสถหวนคืนอำนาจจะมีสรรพคุณที่ดีมาก มันก็คงไม่ดีเท่า ‘โอกาส’ ใต้สระกายสิทธิ์ หากฉินอวี้โม่ได้โอกาสนั้นมาครอง มันย่อมมีประสิทธิภาพมากยิ่งกว่าโอสถนี้อย่างแน่นอน
แม้การรับมือกับมังกรเหมันต์ ตัวนิ่มพันปีและจิ้งจอกเก้าหางจะไม่ง่ายนัก ทว่าด้วยจำนวนที่มากกว่า พวกเขาก็มีโอกาสเอาชนะได้
หากทุกคนในคฤหาสน์เฟิงหัวทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตพสุธาเซียนได้สำเร็จก่อนพบ ‘โอกาส’ นั้น ความแข็งแกร่งโดยรวมของทุกคนก็จะพัฒนาขึ้นมาก
เมื่อได้ยินวาจาของอสูรสาวและเห็นแววตามุ่งมั่นไร้ข้อกังขาของฉินอวี้โม่ ทุกคนก็พยักศีรษะตอบตกลง
ทุกคนไม่กล่าวสิ่งใดให้มากความและแยกย้ายกันไปตามห้องว่างเพื่อทะลวงพลังของตนเอง
ฉินอวี้โม่ ฉู่เจี๋ยและอสูรมายาทั้งหลายของนางก็ออกสำรวจในสระกายสิทธิ์ต่อไปเพื่อหาเบาะแสบางอย่าง
ภายในชั่วพริบตา เวลาสองวันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ฉินอวี้โม่ขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวและสำรวจเกือบทั่วสระกายสิทธิ์ในบริเวณนี้ทว่ายังไม่พบสิ่งใดที่เป็นประโยชน์
“นายหญิง ดูเหมือนว่าเราต้องดำลงไปลึกกว่านี้”
ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ พลังวิญญาณของมารยาก็แผ่ออกไปสำรวจโดยรอบ ทว่าเนื่องจากการที่อยู่ใต้น้ำ ระยะรัศมีการตรวจจับของมันจึงลดลงมาก
ยิ่งไปกว่านั้น สระกายสิทธิ์แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยความประหลาดพิกลและมีหลายส่วนที่พลังวิญญาณมิอาจแผ่ไปถึง ด้วยเหตุนั้น ตลอดช่วงการสำรวจนี้ พวกนางจึงเสียเวลาไปมากโดยที่ไม่ได้รู้ตัว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินอวี้โม่ก็ขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวมุ่งหน้าลงไปลึกกว่าเดิม
สองวันต่อมา มิอาจทราบได้ว่ายังมีจอมยุทธ์อยู่ในสระกายสิทธิ์อีกมากเพียงใด โอสถคุมวารีที่พวกเขาใช้จะออกฤทธิ์ได้เพียงเกือบสองชั่วยามเท่านั้น และหากต้องการดำอยู่ใต้น้ำนานกว่านั้น จอมยุทธ์ก็จะต้องกินโอสถคุมวารีเพิ่มเติมอีก
ยิ่งไปกว่านั้น น้ำในสระกายสิทธิ์ก็หนาวเย็นอย่างยิ่งและไม่มีทางเลยที่จะอดทนอยู่ได้นาน คาดว่าตอนนี้คงมีจอมยุทธ์อยู่ในสระกายสิทธิ์เพียงไม่มากแล้ว
เวลาผ่านไปอีกครึ่งวันทว่ายังไม่มีการค้นพบใด ๆ อย่างไรก็ตาม ใครคนหนึ่งในหมู่พวกเขาก็ทะลวงพลังได้สำเร็จ
การทะลวงพลังของจอมยุทธ์คนแรกเสร็จสมบูรณ์ และคนผู้นั้นมิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นปิงเสวียนผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา
หลังจากบรรลุขอบเขตพสุธาเซียน ปิงเสวียนผู้เงียบขรึมก็ดูจะน่าเกรงขามและทรงพลังขึ้นมาก
เขาเป็นคนเก็บตัวและเงียบขรึมมาตั้งแต่ต้น ทว่าขณะมองฉินอวี้โม่ในตอนนี้ ใบหน้าของเขากลับประดับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ที่ยากจะสังเกตเห็น
ครั้งแรกที่เขาพบฉินอวี้โม่ในโรงเรียนราชสำนัก เขาทราบได้เลยว่าศิษย์รุ่นน้องผู้นี้ถูกลิขิตให้เป็นสตรีที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
และหลังจากเวลาที่ผ่านมาหลายปี ทุกอย่างได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าข้อสันนิษฐานของเขาถูกต้องอย่างแท้จริง
ยิ่งไปกว่านั้น ปิงเสวียนก็มีความลับบางอย่างอยู่ในใจที่ไม่เคยมีใครค้นพบ นั่นคือความรู้สึกที่เขามีต่อฉินอวี้โม่ซึ่งแม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดขึ้นตอนไหน
ไม่ว่าจะเป็นไหวพริบ ปัญญาที่เป็นเลิศ ความน่าเกรงขาม ความมั่นใจ ความทะนงตน ความเที่ยงธรรมและความกล้าคิดกล้าทำ สำหรับสตรีผู้มากด้วยคุณสมบัติเช่นนี้ เกรงว่าคงมีบุรุษเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่จะไม่สนใจในตัวนาง
หากฉินอวี้โม่มิได้ครองรักกับหานโม่ฉืออยู่แล้ว ปิงเสวียนก็อาจเลือกที่จะทำตามหัวใจของตนเองสักครา เพียงแต่ทั้งสองได้พบกันเมื่อสายไปเสียแล้วและมันก็คงมิใช่โชคชะตาของเขาที่จะได้ครองรักกับนาง
อย่างไรก็ตาม การได้เดินทางร่วมกันในฐานะสหาย การได้ช่วยเหลือนางอย่างเงียบ ๆ และทำหลายสิ่งหลายอย่างให้กับนาง เพียงแค่นี้หัวใจของปิงเสวียนก็พึงพอใจมากแล้ว
มันถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่ได้มองดูสตรีที่เขาชอบพอและถูกใจมีความสุข
“ยินดีด้วย รุ่นพี่ปิงเสวียน”
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ไม่ทราบถึงความคิดของปิงเสวียน เมื่อเห็นการทะลวงพลังของปิงเสวียนประสบความสำเร็จไปด้วยดี นางก็รู้สึกยินดีกับปิงเสวียนจากใจจริง
“ขอบคุณมาก”
ปิงเสวียนนั่งลงตรงข้ามกับฉินอวี้โม่และกล่าวขึ้นเบา ๆ
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ รุ่นพี่ปิงเสวียนฝึกวิชาอย่างหนัก ข้าทราบว่าเหตุผลส่วนใหญ่ที่ท่านทุ่มเทมากถึงเพียงนั้นก็เพื่อที่จะช่วยข้า ข้าจะจำน้ำใจนี้ไว้อย่างไม่มีวันลืมเลือน ในอนาคตข้างหน้าหากท่านมีเรื่องใดที่ต้องการความช่วยเหลือ ข้าจะช่วยท่านอย่างเต็มที่แน่นอน”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าวจากใจจริง
เมื่อได้ยินวาจาของนาง ปิงเสวียนก็ไม่แปลกใจแต่อย่างใด นี่คือส่วนที่น่าประทับใจที่สุดของสตรีนางนี้
“เสี่ยวอวี้โม่ หากเจ้าไม่มีวันได้พบกับหานโม่ฉืออีกต่อไป เจ้าจะทำอย่างไร ?”
ปิงเสวียนเอ่ยถามในสิ่งที่อยู่ในหัวใจของเขาออกไป เขามองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาใคร่รู้และสงสัยยิ่งนักว่าคำตอบของนางจะเป็นอย่างไร
คำถามของปิงเสวียนทำให้ฉินอวี้โม่งุนงงไม่น้อยและมองปิงเสวียนด้วยแววตาประหลาดใจ คำถามประเภทนี้ไม่เหมือนสิ่งที่จะมาจากปากของเขาเลย
อย่างไรก็ตาม นางไม่ปิดบังและกล่าวตอบออกไปโดยตรง “ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นไปได้หรอก โม่ฉือกล่าวไว้แล้วว่าหากตามหาเขาไม่พบก็จงมาที่ดินแดนเทพมายา ข้าเชื่อว่าเราจะได้พบกันอีกครั้งในไม่ช้า”
แม้กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าวาจาของนางก็เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจอย่างชัดเจน นางเชื่อมั่นในตัวบุรุษคนรักและเชื่อว่าเขาต้องพยายามทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อให้ได้พบกันอีกครั้ง
เมื่อได้ยินคำตอบที่มั่นใจและหนักแน่นของนาง ปิงเสวียนก็เพียงพยักศีรษะเบา ๆ เขาทราบดีตั้งแต่ต้นว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเป็นสิ่งที่มั่นคงและมิอาจสั่นคลอน
“เมื่อใดที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือ พวกเราจะยืนอยู่เคียงข้างเจ้าไม่ห่าง”
ปิงเสวียนถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่สีหน้าจะกลับคืนเหมือนก่อนหน้านี้
เมื่อได้ยินวาจาของปิงเสวียน ฉินอวี้โม่ก็พยักศีรษะตอบรับเบา ๆ ทว่ามิอาจเข้าใจความหมายที่แอบแฝงของเขาเลย
“นายหญิง ข้างหน้าไม่ไกลมีบางอย่างที่ต้านทานพลังวิญญาณของข้าไว้ ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างอยู่ที่นั่น”
ทันใดนั้น เสียงของมารยาก็ดังขึ้นในหูของฉินอวี้โม่ น้ำเสียงของมันบ่งบอกถึงความกระตือรือร้นและตื่นเต้นราวกับค้นพบบางอย่าง
“ไปดูกันเถอะ”
ฉินอวี้โม่ไม่รอช้าและขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวตรงไปข้างหน้าในทิศทางที่มารยากล่าวทันที
หลังจากมุ่งหน้าไปได้ระยะหนึ่ง ภาพที่น่าทึ่งก็ปรากฏตรงหน้าพวกนาง
.
.