ซุนหม่านเซียงให้ท้ายยิ่งทำให้ซินเหล่ยยิ่งไม่เกรงกลัวอะไร
“แค่ตัวพี่ชอบก็พอแล้ว? งั้นพี่พากลับมาทำไม! พี่มีปัญญา ก็ไม่ต้องพากลับมาที่บ้านสิ พี่กับเธออยู่กันข้างนอกก็ดีแล้วนี่”
ซินเหล่ยไม่เกรงใจซินห้าวเลย เขาไม่ชอบพี่ชายคนนี้ ไม่ดีกับเขาสักนิด เขาให้ซินห้าวช่วยเขามีเรื่อง ไปสั่งสอนคน เขาไม่ยอมไป จะมีพี่คนนี้ไว้ทำไม
“พอแล้ว พวกเราไม่พูดกันละ พี่ชายลูกโดนล่อลวง พวกเราทำเพื่อเขา เขาก็ไม่รับ ยังเห็นพวกเราเป็นศัตรูอีก อีกหน่อยเขาลำบากก็รู้เอง”
ซุนหม่านเซียงดึงซินเหล่ย ไม่ให้เขาพูดแล้ว เธอก็เหลือบมองซินห้าว ให้ซินห้าวไม่ต้องว่าซินเหล่ย
ซินชานโกรธมาก แต่เขารู้ว่าถ้าเขาว่าซินเหล่ย ซุนหม่านเซียงจะต้องทะเลาะกับเขาแน่นอน วันนี้มีแขกอยู่ด้วย เขาไม่อยากให้ที่บ้านทะเลาะกันวุ่นวาย
ซินชานอดทน แต่หลังจากนี้เขาจำเป็นต้องคุยกับภรรยา ถ้าไม่สั่งสอนลูกชายก็จะสายเกินไปแล้ว
แต่จากนั้นซินชานก็หัวเราะอย่างขมขื่น ภรรยาจะปล่อยให้เขาสั่งสอนหรือ?
ในห้องนั่งเล่นมีละครแสดงเป็นฉากๆ พวกเขาไม่รู้ว่าในห้องครัวก็เล่นละครกันอย่างออกรสชาติเหมือนกัน
“ได้ยินแล้วใช่ไหม? คุณป้ากับซินเหล่ยไม่ชอบเธอนะ? เธอหน้าตาสวยแล้วยังไง? คุณป้าไม่ยอมให้เธอแต่งเข้าบ้านนี้”
ซูเหม่ยลี่พูดกับเฉินเยี่ยนเสียงเบา ใบหน้าเธอมีรอยยิ้ม ดูแล้วน่าหลงใหล
ในที่สุดก็เผยธาตุแท้ออกมาแล้ว?
เฉินเยี่ยนรู้อยู่แล้วว่าคนนี้ไม่ใช่คนจิตใจดี
“ซินห้าวชอบฉันก็พอแล้ว ใช้ชีวิตกันสองคน พวกเขาไม่ได้จะอยู่กับพวกเราไปตลอดชีวิต”
เฉินเยี่ยนไม่สนใจซุนหม่านเซียง เธอเป็นแม่ซินห้าว เธอทำดีกับตัวเอง ตัวเองก็จะดีด้วย ไม่อย่างนั้นทำไมตัวเองต้องมาทนรับอารมณ์? เธอไม่ได้คลอดตัวเองมา และไม่ได้เลี้ยงดูตัวเอง ไม่มีบุญคุณอะไรกับตัวเองเลยสักนิด เธอให้ความเคารพ แต่อีกฝ่ายไม่ต้องการ เธอก็ไม่สามารถเป็นลูกสะใภ้ที่รองรับอารมณ์ได้
“เธอผิดแล้ว บ้านนี้คุณป้าเป็นใหญ่ ถึงแม้ซินห้าวจะชอบเธอ ถ้าคุณป้าไม่อนุญาต เขาก็สู่ขอเธอไม่ได้! ส่วนคุณป้าไม่มีทางเห็นด้วยแน่นอน เพราะเธอมาจากหมู่บ้านเกษตรกร”
ซูเหม่ยลี่ได้ยินคำพูดเฉินเยี่ยนก้รู้ว่าเฉินเยี่ยนไม่ใสซื่อเหมือนกัน ไม่ใช่คนโง่
“เป็นเกษตรกรแล้วยังไง? ไปสร้างความลำบากให้เธอเหรอ? มีจมูกมากกว่าหรือมีตาน้อยกว่าเธอ? ดูถูกชาวเกษตรกร ย้อนกลับไปแปดชั่วโคตร บรรพบุรุษเธอมาจากไหน? อีกอย่าง ยุคนั้นในเมืองไม่มีธัญพืช ไม่มีเกษตรกรลำบากปลูกพืชผลให้ พวกเธอก็ตายไปนานแล้ว จะเอาอาหารที่ไหนมากิน? อย่าคิดว่าตัวเองเก่งกาจ ดูเหมือนนกยูงที่ลำพอง แต่ในสายตาฉัน เธอไม่มีอะไรเลย”
เฉินเยี่ยนโต้กลับอย่างไม่เกรงใจ ท่าทางซูเหม่ยลี่และซุนหม่านเซียงที่เย่อหยิ่งดูถูกเกษตรกร พวกเธอเสียนิสัย!
ซูเหม่ยลี่ยิ้มอย่างเก็บอาการ เธอไม่คิดเลยว่าเฉินเยี่ยนจะมีรู้สึกต่ำต้อยต่อหน้าเธอเลยสักนิด ซ้ำยังพูดเต็มปากเต็มคำแบบนี้ ยังกล้าว่าเธอ ใครเอาความกล้ามาให้เธอ!
“ตอนนี้ซินห้าวชอบเธอไม่กี่วัน แต่สุดท้ายแล้วเธอกับเขาไม่มีทางเป็นคนชั้นเดียวกัน มีแค่ฉันที่คู่ควรกับเขา เขาเป็นของฉันเท่านั้น มีแค่ฉันที่สามารถยืนเคียงคู่เขาได้ ถึงตอนนั้นฉันจะดูว่าเธอจะพูดอย่างนี้ไหม”
ซูเหม่ยลี่ไม่อยากจะพูดอะไรกับเฉินเยี่ยนอีกแล้ว ตอนที่เธอพูดคำพูดนี้แลดูมั่นใจในตัวเองมาก เห็นได้ชัดว่าเธอยังมีความเชื่อมั่นอยู่
“เจ็บไหม?”
เฉินเยี่ยนไม่ได้ตอบโต้เธอ แต่ถามเธอกลับ
“อะไร?”
ซูเหม่ยลี่งง ไม่เข้าใจว่าเฉินเยี่ยนพูดอะไร อะไรเจ็บไหม?
“ซินห้าวบิดแขนเธอไปสองรอบ เธอเจ็บไหม?”
เฉินเยี่ยนพูดอีกรอบ สีหน้ายังดูเวทนา โดนผู้ชายบิดแขนไปสองรอบ เธอเอาความมั่นใจจากไหนมาพูดเรื่องพวกนี้
สีหน้าซูเหม่ยลี่เย็นชาขึ้นมาทันที นัยน์ตามีแสงเย็นเฉียบ เธอเกือบจะเอาที่ตักน้ำแกงในมือตีเฉินเยี่ยนแล้ว แต่เฉินเยี่ยนเงื้อมีดในมือเธอ ซูเหม่ยลี่เลยสงบลง
ไม่โทษที่ปฏิกิริยาตอบโต้เธอจะรุนแรง ซินห้าวบิดแขนเธอสองรอบทำเธอเจ็บไปหมด เธอคิดไม่ถึงว่าซินห้าวจะทำแบบนี้กับเธอ
เจ็บไหม?
เจ็บมาก
แต่ถึงแม้จะเจ็บอีก เธอก็ไม่ยอมเลิกรา ตั้งแต่เล็กจนโต เธอซูเหม่ยลี่อะไรที่ต้องการ ยังไม่เคยไม่ได้มาก่อน
“อีกหน่อยคนที่เขาจะบิดก็คือเธอ”
ซูเหม่ยลี่จ้องมองเฉินเยี่ยน ตอนนี้เฉินเยี่ยนหัวเราะเยาะเธอ ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันที่เธอจะหัวเราะเยาะเฉินเยี่ยน
“งั้นหรือ? งั้นฉันจะรอ”
เฉินเยี่ยนฉีกยิ้ม
ซูเหม่ยลี่รู้สึกว่ารอยยิ้มเฉินเยี่ยนทิ่มแทงใจ เธอรู้สึกว่าโดนเฉินเยี่ยนดูถูก
เฉินเยี่ยนไม่ได้ถามซูเหม่ยลี่อีก อันที่จริงท่าทางของซูเหม่ยลี่ก็ตอบเธอแล้ว ว่าเจ็บมากแน่นอน
เฉินเยี่ยนไม่เข้าใจ ทำไมถึงมีคนหัวแข็งแบบนี้?
ถ้าเป็นเธอ เธอชอบคนหนึ่ง แต่อีกฝ่ายไม่ชอบเธอ เธอก็จะไม่ไปรบกวนอีกฝ่าย ไม่เข้าไปวุ่นวาย ความรักเป็นเรื่องของทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่เธอให้ไปแล้วจะต้องได้กลับมา
เหมือนซูเหม่ยลี่และเฉินเวย ชอบซินห้าว แต่ซินห้าวไม่ชอบพวกเธอเลย พวกเธอกลับจะต้องดื้อรั้นเอาให้ได้ นี่ไม่ใช่ความรัก นี่เป็นการครอบครอง เธอจะไม่ทำเรื่องแบบนี้
ที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว ซูเหม่ยลี่ไม่สนใจเฉินเยี่ยนอีก เฉินเยี่ยนก็ไม่พูดอะไร ในห้องครัวเงียบลงชั่วขณะหนึ่ง
จู่ๆ ซูเหม่ยลี่ก็ยิ้มแฉ่งออกมา ดูแล้วน่ารักใจดี ทำให้คนรู้สึกเป็นสุข
เฉินเยี่ยนใจหนักอึ้ง ซูเหม่ยลี่คนนี้ น่ากลัว
“ก๋วยเตี๋ยวเสร็จแล้ว คุณลุง คุณป้า ซินห้าว ซินเหล่น มา ล้างมือกินข้าวกันค่ะ”
ซูเหม่ยลี่เอามาเสิร์ฟที่โต๊ะอาหาร แล้วยิ้มเรียกคนอื่น
ทุกคนนั่งลงที่โต๊ะ
ก๋วยเตี๋ยวน้ำ แต่ในนั้นมีเนื้อ มีผัก ดูแล้วไม่แย่เลย
ซูเหม่ยลี่หยิบกระเทียม ถึงแม้เธอจะไม่ชอบกิน รังเกียจกลิ่น แต่ซินชานชอบ
นอกจากนี้ซูเหม่ยลี่ยังเปิดอาหารกระป๋องอีก ซินเหล่ยชอบ
“ก๋วยเตี๋ยวนี้เธอทำยังไงเนี่ย เค็มจะตาย เธอคิดว่าซื้อเกลือมานี่ไม่ต้องใช้เงินเหรอ จริงๆ เลย แม้แต่ก๋วยเตี๋ยวน้ำนี่เธอยังทำไม่เป็น ดูเนื้อที่เธอหั่นสิ นี่ใช้เนื้อเส้นไหม! เธอไม่เคยกินเนื้อหรือยังไง? คิดว่าคงไม่ได้กินล่ะสิ หั่นได้หยาบขนาดนี้ อาหารนี่จะกินเข้าไปได้ยังไง!”
ซุนหม่านเซียงเพิ่งกินไปได้คำเดียวก็ทิ้งตะเกียบลง ว่าเฉินเยี่ยนด้วยความโกรธมาก สีหน้าดูไม่ดีเลย
ทุกคนต่างหยุดกิน ซินห้าวอยากจะพูดอะไร แต่เฉินเยี่ยนยื่นมือไปดึงเขาไว้ ไม่ให้เขาพูด
“คุณป้า ก๋วยเตี๋ยวนี่เค็มหรือคะ? หนูกินก็ว่าใช้ได้อยู่ นอกจากดูไม่พยายามทำแล้ว ก็ไม่มีอย่างอื่นผิดปกตินี่?”
เฉินเยี่ยนไม่โกรธเลย แล้วยังพูดสีหน้าจริงจัง
“อะไรไม่มีอะไรผิดปกติ? อะไรที่เรียกว่าไม่พยายามทำ? เธอคิดจะบอกว่าซูเหม่ยลี่ทำไม่ดี? แม้แต่ก๋วยเตี๋ยวก็ทำไม่ได้? เธอมีสิทธิ์อะไรมาว่าซูเหม่ยลี่? เธอทำเค็มเอง ทำไม่ดี แล้วไปโทษซูเหม่ยลี่ได้ยังไง! เห็นก็รู้แล้วว่าเธอไม่ใช่คนดี ตัวเองทำไม่ได้ก็ยังพึ่งพาคนอื่น สะใภ้แบบนี้ บ้านเราไม่ต้องการ!”
ซุนหม่านเซียงโทษเฉินเยี่ยน เธอไม่ถูกชะตากับเฉินเยี่ยนเลย
“คือว่า คุณป้า…”
ซูเหม่ยลี่อยากจะพูด แต่กลับโดนซุนหม่านเซียงตัดบท “เหม่ยลี่ ป้ารู้ว่าหนูเป็นคนดี ไม่ต้องอธิบายแทนเธอ ต้องสั่งสอนเธอหน่อย ไม่อย่างนั้นจะปรับปรุงยังไง”
ซูเหม่ยลี่แลดูอึดอัดใจ
“ที่คุณป้าว่าคือ พี่เหม่ยลี่ พี่ได้ยินแล้วใช่ไหม? คุณป้าบอกว่าก๋วยเตี๋ยวที่พี่ทำนั้นเค็ม เนื้อก็หั่นได้หยาบมาก พี่ต้องจำไว้นะ ไม่อย่างนั้นอีกหน่อยจะมาเป็นสะใภ้เขาได้ยังไง? เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉันนะ ที่จริงฉันก็ว่าใช้ได้อยู่ อาจจะเป็นเพราะคุณป้าคาดหวังไว้สูงมั้ง”
เฉินเยี่ยนพูดสีหน้าจริงจัง คนทั้งโต๊ะต่างมองมาที่เธอ แล้วมองไปที่ซูเหม่ยลี่