ซูเหม่ยลี่รู้สึกว่ารอยยิ้มเธอใกล้จะฝืนไว้ไม่อยู่แล้ว
“หมายความว่ายังไง?”
ซุนหม่านเซียงรู้สึกผิดปกติ เธอว่าเฉินเยี่ยนอยู่เห็นๆ ทำไมฟังดูแล้วเหมือนเหม่ยลี่เป็นคนทำอาหาร? ก็บอกว่าเหม่ยลี่นวดแป้ง แล้วเฉินเยี่ยนทำไม่ใช่หรือ?
“ก๋วยเตี๋ยววันนี้พี่เหม่ยลี่เป็นคนทำค่ะ เธอกลัวว่าหนูจะซุ่มซ่าม”
เฉินเยี่ยนยิ้ม แสดงท่าทีเขิน
ซูเหม่ยลี่มองเธอ มิน่าเธอให้เฉินเยี่ยนหั่นเนื้อ เฉินเยี่ยนบอกว่าหั่นไม่เป็น เธอจึงต้องลงมือทำเอง
เธอให้เฉินเยี่ยนลวกเส้น เฉินเยี่ยนบอกว่าไม่รู้ว่าคนบ้านซินกินเท่าไร เลยไม่รู้ว่าจะลวกเท่าไร
เธอให้เฉินเยี่ยนปรุงรส เฉินเยี่ยนบอกว่าที่บ้านเธอใช้มือคลุกเลย กลัวว่าคนบ้านซินจะคิดว่าสกปรก
ดังนั้นก๋วยเตี๋ยวมื้อนี้เธอเป็นคนทำ เฉินเยี่ยนรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าซุนหม่านเซียงจะหาเรื่อง เธอเลยไม่ทำอะไร
ให้ตัวเองรับผิดแทน ตัวเองดูถูกเธอเกินไปแล้ว
“เหม่ยลี่เป็นคนทำ?”
ซุนหม่ายเซียงมองซูเหม่ยลี่
“น้องเยี่ยนจื่อบอกว่าเธอทำไม่เป็น หนูเลยทำค่ะ คุณป้า หนูทำได้ไม่ดี ครั้งหน้าจะระวังนะคะ”
ซูเหม่ยลี่ยอมรับผิด
“ไม่เป็นไร เมื่อกี้ป้าน่าจะโกรธไปหน่อย พอได้ชิมอีกคำ ก็ไม่เค็มแล้ว เนื้อนี้ก็หั่นดี ชิ้นเล็กไปจะหาไม่เจอ พวกเราไม่เหมือนพวกที่ไม่เคยได้กินเนื้อ ไม่เสียดาย คนแบบพวกเราก็ควรจะหั่นชิ้นใหญ่”
ซุนหม่านเซียงรีบเปลี่ยนน้ำเสียง มาชื่นชมแทน
เฉินเยี่ยนมองดูอยู่อย่างนั้น เธอไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยหรือ?
ซินชานคิดว่าภรรยาทำเรื่องแบบนี้น่าอาย แต่เขาจะพูดอะไรได้
“ผมกินอาหารกระป๋องก็พอแล้ว”
ซินเหล่ยกลับผลักก๋วยเตี๋ยวไปด้านหน้าซุนหม่านเซียง จากนั้นกินอาหารกระป๋องแทน
ซินชานอยากจะพูดอะไร ซุนหม่านเซียงก็รีบพูดขึ้นมา “ได้ ได้ ลูกกินอาหารกระป๋องไป แม่กินก๋วยเตี๋ยวได้ นี่พี่เหม่ยลี่เอาอาหารกระป๋องมาให้ลูกไม่น้อยเลย คนอย่างพวกเรา ลูกอยากกินจะกินทุกวันก็กินได้”
เห็นซุนหม่านเซียงแบบนี้แล้ว ซินชานส่ายหน้า กัดกระเทียมหนึ่งกลีบ ไม่พูดอะไรต่อ
“ก๋วยเตี๋ยวนี้เหม่ยลี่เป็นคนทำ แล้วเธออยู่ในครัวตั้งนานทำอะไร?”
ซุนหม่านเซียงหาเรื่องเฉินเยี่ยนไม่ได้ เลยถามเฉินเยี่ยนอีก
“หนูเป็นคนหั่นต้นหอมค่ะ”
เฉินเยี่ยนชี้ไปในชาม
ซุนหม่านเซียงโมโห
“มิน่าวันนี้กลิ่นต้นหอมถึงได้แรงนัก ไม่รู้ว่าฉันไม่ชอบต้นหอมหรือไง? ยังหั่นมาเยอะขนาดนี้”
ซุนหม่านเซียงคิดแล้วหาข้ออ้าง
“อ้อ ครั้งหน้าจะให้พี่เหม่ยลี่ลดต้นหอมลง ยังไงหนูก็หั่นตามที่เธอบอกอยู่ดี”
เฉินเยี่ยนพยักหน้า
ในที่สุดอาหารเที่ยงก็สิ้นสุดลง ซุนหม่านเซียงทำอะไรไม่ได้เลย เพราะนอกจากต้นหอมแล้วเฉินเยี่ยนไม่ได้ทำอะไรเลย ส่วนต้นหอม เธอจะหาเรื่องต้นหอมได้ใหญ่ขนาดไหนเชียว”
กินข้าวเสร็จ ก็มานั่งในห้องรับแขกอีกครั้ง ซูเหม่ยลี่เทน้ำให้ทุกคน
“เหม่ยลี่รู้เรื่องที่สุด ดูเธอสิ ไม่มีความหมายเลยสักนิด แล้วยังเกิดเป็นเกษตรกรอีก ขี้เกียจขนาดนี้ จะหวังให้ฉันปรนนิบัติเธอหรือไง”
ซุนหม่านเซียงรังเกียจเฉินเยี่ยนต่างๆ นานา
เฉินเยี่ยนรู้ เธอทำไม่ทำอะไรก็ผิด เพราะเธอไม่ได้ใจของซุนหม่านเซียง
“ไม่รู้จริงๆ ว่าลูกชอบอะไรในเธอ!”
ซุนหม่านเซียงพูดประโยคนี้กับซินห้าว
“ผมชอบเธอทุกอย่าง”
ซินห้าวตอบอย่างหมดความอดทน ตั้งแต่เข้าบ้านมาจนถึงตอนนี้เป็นเวลาสองสามชั่วโมงแล้ว แม่ตัวเองหาเรื่องเฉินเยี่ยนเป็นร้อยเรื่อง เธอเรื่องมากเรื่องตัวเองหาเจ้าสาว คือว่าตัวเองเรื่องมาก อันที่จริงแม่เขาไม่เพียงแต่ไม่ชอบเฉินเยี่ยน ยังไม่ชอบเขาอีกด้วย
“ลูกพูดอะไร? ลืมไปแล้วหรือว่าแม่ต้องทนลำบากเพื่อลูกมาเท่าไร? ตอนนี้ลูกจะเป็นศัตรูกับแม่เพราะผู้หญิงคนนี้ ลูกอยากจะให้แม่อกแตกตายใช่ไหม!
ซุนหม่านเซียงถูกซินห้าวกระตุ้นให้โกรธ ลูกชายเป็นลูกของเธอ ต้องเชื่อฟังเธอ ไม่สามารถเป็นศัตรูกับเธอได้เพราะคนอื่น นี่ทำให้เธอยิ่งไม่พอใจเฉินเยี่ยน ถึงขั้นรังเกียจเลย
“เธอก็อย่ารีบร้อนเลย เธอเทียบกับเหม่ยลี่ได้หรือ?”
ซุนหม่านเซียงพูดอีก
“ในสายตาผมเฉินเยี่ยนดีที่สุด”
ซินห้าวตอบทันที ในสายเขา ผู้หญิงคนอื่นไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลย
คำพูดซินห้าวทำให้ซุนหม่านเซียงอึ้งไป ในห้องไม่มีใครพูดอะไร บรรยากาศเงียบสงบลง
“ฉันถามเธอหน่อย หลังแต่งงานแล้วเธอสามารถจะเป็นสะใภ้ที่ดีอย่างที่ควรเป็นได้หรือเปล่า”?
ซุนหม่านเซียงคิดแล้วถามเฉินเยี่ยน
“อะไรคือสิ่งที่สะใภ้ควรทำคะ?”
เฉินยี่ยนถามกลับ เธอรู้สึกแปลกใจกับมาตรฐานสะใภ้ของซุนหม่านเซียง
“ถ้าเธอจะแต่งเข้าบ้านนี้ ก็ต้องรู้ธรรมเนียมของที่บ้าน ตอนเช้าเธอต้องตื่นตีห้า อายุยังน้อยนอนขี้เกียจไม่ได้ ทุกวันหลังพวกเราตื่นขึ้นมาเธอต้องทำอาหารเช้าให้เสร็จ ในบ้านนอกบ้านต้องทำความสะอาดเรียบร้อย ห้องของฉันกับสามี เธอเข้าไปไม่ได้ ห้องซินเหล่ยเธอต้องเก็บกวาด แต่ของเขาเธอแตะต้องไม่ได้ เงินที่ซินห้าวหาได้ในแต่ละเดือนเธอต้องเอามาให้ฉัน ห้ามเก็บไว้เอง และไม่ให้เอาไปให้บ้านพ่อแม่เธอด้วย ทุกวันฉันจะให้เงินเธอไปซื้อผัก นอกจากปีใหม่แล้ว เธอพาซินห้าวกลับบ้านพ่อแม่เธอไม่ได้ ที่บ้านพ่อแม่เธอไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่ต้องกลับ ถึงมีเรื่องถ้าไม่ต้องกลับได้ก็ไม่ต้องกลับ ไม่ต้องทำงานแล้ว ดูแลคนในบ้านให้ดีก็พอ เวลาปกติก็ไม่ต้องใส่กระโปรง แต่งตัวแปลกประหลาด เห็นแล้วไม่ใช่ของดี นอกจากไปซื้อกับข้าวแล้ว ถ้าไม่ต้องออกจากบ้านได้ ก็ไม่ต้องออก แล้วพวกพ่อแม่พี่น้องฝั่งเธอ ไปบอกกับพวกเขา อย่าให้พวกเขามาที่บ้าน แต่ละคนมีโคลนติดขามา ทำบ้านสกปรกหมด ต้องมานั่งเก็บกวาด”
ซุนหม่านเซียงพูดเงื่อนไขเธอออกมา
เฉินเยี่ยนไม่โกรธ แต่กลับอยากจะหัวเราะ ส่วนซินห้าววางแก้วในมือลงอย่างแรง ใบหน้าเคร่งขรึมไม่น่ามอง
ซินห้าวมองแม่เขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เรียกร้องแบบนี้กับเฉินเยี่ยน? เขาอยากจะใช้ชีวิตอยู่กับเฉินเยี่ยน สร้างครอบครัว เขาคิดว่าในสายตาเฉินเยี่ยนมีแค่ตัวเอง แต่เขาไม่เคยคิดจะกักขังเฉินเยี่ยนมาก่อนเลย
เฉินเยี่ยนเป็นตัวของตัวเอง เฉินเยี่ยนเป็นคนมีความคิด ตอนแรกก็เพราะแบบนี้ เขาถึงได้ใกล้ชิดเฉินเยี่ยน คิดว่าเฉินเยี่ยนไม่เหมือนคนอื่น เลยชอบเฉินเยี่ยนขึ้นมา ถ้าเป็นอย่างที่แม่เขาพูด งั้นเฉินเยี่ยนก็ไม่ได้เป็นตัวของตัวเองแล้วสิ?
อีกอย่าง เขาอยากจะทำดีกับเฉินเยี่ยน แต่ไม่ใช่ให้เฉินเยี่ยนมาคอยรับใช้ปรนนิบัติคนทั้งบ้านเขา เวลาผ่านไป เธอก็จะสูญเสียความเป็นตัวเอง
เขาไม่ยอม!
แต่เฉินเยี่ยนห้ามซินห้าวไว้ ไม่ให้ซินห้าวพูด เธออยากจะฟังซุนหม่านเซียงจะพูดอะไรอีก
“ถ้าซินห้าวแต่งงานกับพี่เหม่ยลี่ คุณก็จะเรียกร้องแบบนี้ไหม?”
เฉินเยี่ยนถาม แล้วยังเหลือบมองซูเหม่ยลี่ แววตาซูเหม่ยลี่เป็นประกาย ตอนที่เฉินเยี่ยนมองเธอ เธอกลับมายิ้มปกติ
“เหม่ยลี่กับเธอเหมือนกันหรือ? ฉันไม่ทำแบบนี้แน่นอน”
ซุนหม่านเซียงพูดอย่างเต็มปากเต็มคำ
เฉินเยี่ยนพยักหน้า
“ฉันถามเธออีกครั้ง อีกหน่อยฉันกับพ่อซินเหล่ยแก่แล้ว เธอจะปรนนิบัติพวกเราอย่างดีไหม? จะเช็ดอึเช็ดฉี่ให้ไหม? จะเชื่อฟังฉันทุกอย่างไหม?”
ซุนหม่านเซียงถามเฉินเยี่ยนอีกครั้ง เธอรู้ว่าเฉินเยี่ยนต้องพูดว่าทำได้ แบบนี้เธอก็บอกได้แล้วว่าเฉินเยี่ยนหลอกลวง
“ไม่ได้ค่ะ”
เฉินเยี่ยนส่ายหน้า ตอบจริงจังมาก
ซุนหม่านเซียงอึ้งไป กลั้นคำพูดที่คิดจะพูดไว้
ซินชานก็มองเฉินเยี่ยน
“ขอโทษด้วยค่ะ ทำให้คุณผิดหวังแล้ว เงื่อนไขของคุณฉันทำไม่ได้ อีกอย่าง คนอย่างฉัน คุณอาจจะไม่ค่อยเข้าใจ ฉันเป็นคนที่คนอื่นทำยังไงกับฉัน ฉันก็ทำแบบนั้นกลับ คุณไม่ชอบฉัน ก็ไม่เป็นไร งั้นฉันก็ชอบคุณไม่ลงเหมือนกัน คุณดูถูกฉัน ทำไม่ดีกับฉัน แล้วทำไมฉันถึงจะต้องเชื่อฟังคุณ ปรนนิบัติคุณเหมือนแม่แท้ๆ ฉันทำไม่ได้ และจะไม่ทำ”
เฉินเยี่ยนไม่ปิดบังความคิดของเธอ