บทที่ 1245 ปุถุชนหัวเราะ ไม่อ้างว้างอีกต่อไป / บทที่ 1246 เพลงที่ร้องให้เธอคนเดียว

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1245 ปุถุชนหัวเราะ ไม่อ้างว้างอีกต่อไป

บนเวที หลังจากเสียงดนตรีเปิดแบบโบราณจบลง

หานเซี่ยนอวี่หยิบไมโครโฟนขึ้นมา เริ่มอ้าปากร้องเพลง “ทะเลครามหัวเราะ โหมซัดสองชายฝั่ง ผุดดำตามคลื่น จำได้แต่ยามนี้…”

กงซวี่ยิ้มให้แฟนคลับที่ด้านล่างเวทีอย่างเปี่ยมเสน่ห์ “ฟ้าครามหัวเราะเยาะ มองกระแสโลกเปลี่ยนผัน ใครพ่ายแพ้ใครชนะ มีเพียงสวรรค์ที่ล่วงรู้…”

ลั่วเฉินร้องเพลง “แม่น้ำภูเขาหัวเราะ ฝนโปรยห่างไกล คลื่นล้างสิ้นโลกอันวุ่นวาย เปราะบางเพียงใดกัน…”

ฉากหลังที่มาจากละครเดบิวต์แนวจอมยุทธ์ของลั่วเฉิน ยิ่งขับเน้นซึ่งกันและกันกับบทเพลง…

ดวงตาของเยี่ยหวันหวั่นทอประกายเล็กน้อย “สายลมหัวเราะ แท้จริงราวกับความโดดเดี่ยวอ้างว้าง ปณิธานหลงเหลือเพียงแสงอัสดง…”

“กรี๊ดดด! เยี่ยไป๋ๆ!”

“เทพธิดาแต่งงานกับผมที!”

“พี่เยี่ยไป๋ฉันจะอุ่นเตียงให้พี่เอง!”

“เทพบุตรฉันจะท้องลูกแฝดให้คุณค่ะ!”

ถึงเวลานี้เยี่ยไป๋จะแต่งเป็นผู้หญิง เสียงกรีดร้องของพวกเด็กสาวด้านล่างเวทีกลับไม่ลดลงสักนิดเดียว ความนิยมไม่ด้อยไปกว่าพวกหานเซี่ยนอวี่สามคนแม้แต่น้อย

ตอนที่เธอเรื่องท่อน ‘ปณิธานหลงเหลือเพียงแสงอัสดง’ จบ กงซวี่เกือบลืมเนื้อเพลงท่อนถัดไปของตัวเอง ส่วนสายตาของหานเซี่ยนอวี่…

สุดท้าย ทั้งสี่คนก็ร้องจบประโยคพร้อมกัน “ปุถุชนหัวเราะ ไม่อ้างว้างอีกต่อไป ปณิธานยังคงหัวเราะอย่างโง่เขลา”

กล้องวิดีโอจับภาพทั้งสี่คนบนเวที เสียงกรี๊ดและเสียงร้องเรียกด้านล่างเวทีดังทะลุฟ้า

เยี่ยหวันหวั่นมองหานเซี่ยนอวี่ กงซวี่ และลั่วเฉินที่อยู่ด้านข้าง แล้วมองเยี่ยมู่ฝาน เจียงเยียนหราน กับเฟ่ยหยางด้านล่างเวที…

มองแฟนคลับทุกคน…

ความว่างเปล่าและความลังเลในหัวใจแต่เดิม พลันสลายหายไปราวหมอกควันแล้ว

ถึงเธอไม่ใช่เยี่ยหวันหวั่นแล้วยังไง?

ถึงเธอลืมเลือนตัวเองแล้วยังไง?

ในช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตด้วยตัวตนของเยี่ยหวันหวั่นนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอได้พบ ทั้งหมดคือความจริง เพื่อน คนรัก คนสนับสนุนและชมชอบเธอที่อยู่ข้างกายเธอเหล่านี้…ก็คือความจริงเช่นกัน…

ถึงไม่ได้ใช้ชีวิตในฐานะตัวเอง แต่ช่วงชีวิตนี้ก็เป็นส่วนที่ล้ำค่าและสำคัญในชีวิตเธอ ไม่ไร้ความหมายแม้แต่นิดเดียว

เมื่อเพลงร้องประสานเพลงสุดท้ายปิดม่าน คอนเสิร์ตวันนี้ก็เสร็จสิ้นลงอย่างน่าพึงพอใจ

เหล่าแฟนคลับในงานทยอยกันออกจากสนามกีฬาไปอย่างไม่เต็มใจ

ปลายสายวิดีโอคอลของเนี่ยอู๋หมิง สายตาของถังถังมองตามหญิงสาวบนเวทีตลอด จนกระทั่งร่างของเธอหายไปหลังม่านแล้ว ประกายแสงในก้นบึ้งดวงตาเด็กน้อยก็หม่นลงทีละน้อย

“แค่ก…จบแล้ว…” เนี่ยอู๋หมิงเตือน

เด็กน้อยยังคงจ้องเวทีที่ไม่มีคนอย่างไม่ยินยอมจากไป “อย่าวางนะ”

เนี่ยอู๋หมิงจนปัญญา ได้แต่นั่งยองบนกำแพงต่อไป

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร กระทั่งสนามกีฬาไม่มีคนแล้ว แม้แต่ไฟยังดับหมดแล้ว แต่ถังถังยังคงมองเวทีที่ว่างเปล่านั้น

เหมือนกับว่าภาพหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น สามารถจดจำฉากที่เมื่อครู่แม่ยังอยู่ตรงนั้นได้เสมอ

ด้านหลังเวที

“พี่เยี่ย…พี่ไม่เป็นไรนะ?” กงซวี่ถามอย่างระมัดระวัง

หานเซี่ยนอวี่มีสีหน้าเป็นห่วงเช่นกัน “เยี่ยไป๋ ไม่สบายตัวเหรอ?”

สภาพของเยี่ยหวันหวั่นในวันนี้แปลกไปจริงๆ

เยี่ยหวันหวั่นส่ายหน้า กำลังจะพูดว่าไม่เป็นไร แต่หางตาเหลือบมองผ่านกำแพงล้อมสนามกีฬาด้านนอกหน้าต่างโดยไม่ตั้งใจ

เอ่อ…นั่น…ทำไมมีเงาคนบนกำแพงนั้นด้วย…

เธอสติสับสนจนตาฝาดแล้วเหรอ ทำไมมีคนไม่รักชีวิตปีนขึ้นไปสูงขนาดนั้นเพื่อรนหาที่ตายที่ได้?

เยี่ยหวันหวั่นนวดดวงตา จ้องอีกรอบ มีคนอยู่จริงๆ ในมือยังถือมือถือด้วย ท่าทางเหมือนกำลังอัดอะไรบางอย่าง

เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน! คนคนนั้นคือ…

หลังจากเห็นคนคนนั้นชัดเจน เยี่ยหวันหวั่นก็ตาโตอ้าปากค้าง

เนี่ยอู๋หมิง?

เจ้าหมอนั่น…ครั้งก่อนปีนต้นไม้ ครั้งนี้ถึงกับปีนกำแพงตรงๆ เลย…

————————————————————————-

บทที่ 1246 เพลงที่ร้องให้เธอคนเดียว

หานเซี่ยนอวี่มองตามสายตาของเธอไป “มองอะไรเหรอ?”

เยี่ยหวันหวั่นรีบขวางสายตาของหานเซี่ยนอวี่ จากนั้นก็เอ่ยปากกับเขา “เซี่ยนอวี่ ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม?”

หานเซี่ยนอวี่เอ่ย “ได้อยู่แล้ว!”

เยี่ยหวันหวั่นบอก “ขอยืมใช้เครื่องเสียงของสถานที่หน่อยได้ไหม”

หานเซี่ยนอวี่ได้ยินดังนั้นก็ไม่ถามแม้แต่น้อยว่าเยี่ยหวันหวั่นอยากทำอะไร เอ่ยปากในทันที “ได้แน่นอน ตอนนี้ยังไม่ได้ถอดอุปกรณ์ออก ฉันไปบอกหน่อยก็ได้แล้ว”

สีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นเต็มไปด้วยความขอบคุณ “ขอบคุณนะ!”

ผ่านไปสักพัก เยี่ยหวันหวั่นก็หยิบไมโครโฟน เดินขึ้นเวทีใหม่อีกครั้งเพียงคนเดียว

เสียง ‘พรึ่บ’ ดังขึ้นมา ไฟสปอตไลต์สว่างไสวสาดลงบนตัวของเยี่ยหวันหวั่น

เนี่ยอู๋หมิงนั่งอยู่บนกำแพงสูง สูดจมูกไปพลางถูกลมหนาวพัดไปพลางขณะน้ำตานองหน้า

“คือว่านะ พ่อคุณทูนหัว เราดูพอหรือยัง?”

คนไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว ดูอะไรอยู่กันแน่นะ?

เนี่ยอู๋หมิงกำลังจะพูดต่อ เวลานี้บนเวทีก็พลันมีลำแสงสว่างขึ้นมา ใต้แสงกลับปรากฏคนคนหนึ่ง

เป็นเยี่ยหวันหวั่นที่ถือไมโครโฟนนั่นเอง

เนี่ยอู๋หมิงทำหน้าตื่นตะลึงทันที “เฮ้ย! เถ้าแก่เนี้ย!”

ทำไมกลับมาอีก?

เขาย่อมไม่รู้ว่าเยี่ยหวันหวั่นเห็นพฤติกรรมการปีนกำแพงของเขาแล้ว…

สายตาของเนี่ยอู๋หมิงในตอนนี้อยู่บนเวที จึงมองไม่เห็นว่าตอนที่เด็กน้อยปลายสายวิดีโอคอลเห็นเยี่ยหวันหวั่นปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของเขาผุดความดีใจอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

ด้านหลังเวที เยี่ยมู่ฝานมีสีหน้าตื่นเต้น “หวันหวั่นคงไม่ได้ร้องเพลงเดี่ยวให้พี่ชายคนนี้หรอกนะ?”

โรแมนติกเกินไปแล้ว!

กงซวี่เอาสองมือกอดอก งึมงำอยู่ด้านข้าง “ไม่แน่อาจจะร้องเพลงสารภาพรักผมก็ได้!”

ลั่วเฉินชำเลืองมองเขาอย่างเรียบเฉย สีหน้าอารมณ์ยากจะบรรยาย

กงซวี่พองขนทันที “เชี่ย! นายมองแบบนี้หมายความว่าไงหา พี่เยี่ยจะไม่ร้องเพลงสารภาพรักฉันได้ยังไง?”

คล้อยหลังดนตรีอบอุ่นอ่อนโยนที่ดังขึ้นมา สายตาของเยี่ยหวันหวั่นมองไปทางเนี่ยอู๋หมิงอย่างไม่ได้ใส่ใจ

เธอเห็นไม่ชัดว่าเนี่ยอู๋หมิงชูโทรศัพท์มือถือเพราะกำลังทำอะไร แต่ก็เหมือนมีสัญญาณลับบางอย่าง เธอรู้สึกว่า เขาน่าจะกำลังคุยวิดีโอคอลกับถังถัง…

เพราะเมื่อตอนเย็น ถังถังบอกว่าอยากฟังแม่ร้องเพลง

หลังจบดนตรีนำ เยี่ยหวันหวั่นก็เริ่มอ้าปากร้องเพลงช้าๆ…

“เจ้าแมลงเกาะบนฉิน[1]ข้า ฟังดนตรีดังแผ่วเบา ตั๊กแตนนั่งยองอยู่ข้างกายข้า ฮัมเสียงเพลงเสนาะหู ใจกลับกำลังนึกว่าจะแบ่งข้าวเที่ยงพรุ่งนี้ให้ผู้ใด…”

พอร้องถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นมองไกลออกไปทางเนี่ยอู๋หมิง แล้วจึงร้องต่อ “ลืมไม่ลง คำนวณยากเย็น ตัวเองแบกความในใจไว้เท่าไร เฝ้าหวังเพียงไหน ก็ปล่อยวางทุกสิ่งลง มุ่งสู่บ้านเกิดของเจ้าแมลง…”

เมื่อฟังถึงท่อนสุดท้าย ที่ปลายสายวิดีโอคอล น้ำตาของถังถังร่วงเผาะลงมาในชั่วพริบตา มือน้อยทาบหน้าจอมือถือช้าๆ สัมผัสดวงตาของแม่ “คุณแม่…”

“เจ้าแมลงคลั่ง เจ้าแมลงโวยวาย เจ้าแมลงขับไล่ความอ้างว้างได้เสมอ เจ้ายุงหยุดบนตัวข้า จูบไหล่ของข้า หิ่งห้อยเอ๋ยเจ้าทำให้โลกนี้สว่างไสวกว่าเคย ต่อให้เมฆดำปกคลุมท้องฟ้า ก็เห็นแสงน้อยๆ ของดวงดารา ปรารถนายิ่งว่าจะวางทุกอย่างแล้วตรงไปยังสวรรค์ของเจ้าแมลง…”

เวลานี้ สนามกีฬากว้างใหญ่ไร้ผู้คน เงียบยิ่งกว่าอะไร

บนเวที เสียงของหญิงสาวที่แฝงความคิดถึงและตัดใจไม่ลงเวิ้งว้างหาใดเปรียบ ทำให้หัวใจคนเจ็บปวดอย่างน่าประหลาด

ด้านหลังเวที เยี่ยมู่ฝานลูบคาง “เจ้าแมลงที่หวันหวั่นร้องถึงคือใครนะ?”

กงซวี่เอ่ย “คือผมไง! เจ้าแมลงที่พี่เยี่ยร้องถึงต้องเป็นผมแน่ๆ!”

ลั่วเฉินหมดคำจะพูด

………………………………………..

[1] ฉิน หรือ กู่ฉิน คือเครื่องดนตรีจีนโบราณประเภทดีดชนิดหนึ่ง