บทที่ 1247 ไม่มีทางเลิก / บทที่ 1248 ความทรงจำที่แตกเป็นเสี่ยง

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1247 ไม่มีทางเลิก

บนกำแพง เนี่ยอู๋หมิงสูดจมูก “ฮือ! น่าประทับใจมาก…”

อี้จือฮวาที่ไม่รู้ปีนขึ้นมาอยู่ด้านข้างตั้งแต่เมื่อไรถือผ้าเช็ดหน้าพลางเช็ดน้ำตา “แงๆๆ ฉันฟังจนร้องไห้หมดแล้ว!”

นักพรตใจบริสุทธิ์เอ่ย “อมิตาพุทธ! ยอดเยี่ยมๆ!”

อี้จือฮวากล่าวว่า “เจ้านักพรตเหม็นโฉ่ว นายเปลี่ยนศาสนาตั้งแต่เมื่อไร?”

นักพรตใจบริสุทธิ์ตอบ “ก็ค้นพบว่าเป็นพระสงฆ์อยู่ง่ายกว่านี่!”

บนเวที หลังจากร้องจบเพลง เยี่ยหวันหวั่นวางไมโครโฟนลง

ถึงแม้ตัดใจไม่ลงแค่ไหน แต่ท้ายที่สุดก็ต้องอำลา

พรุ่งนี้พวกเนี่ยอู๋หมิงจะไปกันแล้ว เพลงนี้นับว่าเป็นของขวัญส่งถังถังชิ้นสุดท้ายของเธอ

หลังดนตรีหยุดลง สปอตไลต์ก็ดับลงไปด้วย

บนเวทีไร้ผู้คนอีกครั้ง

เนี่ยอู๋หมิงถามอย่างหยั่งเชิง “พ่อคุณทูนหัว?”

เมื่อเห็นว่าไม่มีการตอบสนอง เนี่ยอู๋หมิงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา จากนั้นก็พบว่าถังถังที่ปลายสายนั้นวางสายไปแล้ว

เนี่ยอู๋หมิงถอนหายใจ ผลักอี้จือฮวาที่เกาะบนร่างตัวเองออก “สลายตัวๆ ทุกคนสลายตัวกันดีกว่า! พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าอรก!”

เขายังต้องรีบกลับบ้านไปดูด้วยตาตัวเองว่า น้องสาวคนนั้นของเขามันคือเรื่องอะไรกันแน่!

เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งกลับมา กงซวี่ก็เข้ามาหาด้วยดวงตาเป็นประกายวิบวับ “พี่เยี่ยๆ! เจ้าแมลงคือใครเหรอ ใช่ผมหรือเปล่า?”

เยี่ยหวันหวั่นมองเขาแวบหนึ่ง หมดคำจะพูด

ความสามารถคิดเชื่อมโยงของเจ้าหมอนี่แข็งแกร่งไปหรือเปล่า?

เยี่ยมู่ฝานเหลือบมองน้องสาวตัวเอง “ร้องได้อินขนาดนี้ คงไม่ใช่ว่าร้องให้ไอ้หน้าขาวนั่นอีกหรอกนะ?”

แต่เหมือนจะไม่ใช่ ถึงมีอารมณ์ความรัก ก็ไม่เหมือนความรักของชายหญิงอีก อีกอย่างเจ้าหน้าขาวนั่นก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย จะร้องให้มันได้ยังไง…

เยี่ยมู่ฝานก็ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิด หลังจากพูดประโยคนี้ เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าอึมครึมขึ้นมาบ้าง

เยี่ยมู่ฝานกระแอมไอทีหนึ่ง มองเธอพลางพูดหยั่งเชิง “เกิดอะไรขึ้น หลายวันมานี้สภาพแกดูไม่ปกติจริงๆ นะ…คงไม่ใช่ว่า…เลิกกันแล้วหรอกมั้ง?”

กงซวี่เข้าข้างเยี่ยมู่ฝานอย่างหาได้ยาก สองตาวับวาวทันควัน “จริงเหรอ เลิกกันแล้ว!? ”

เยี่ยหวันหวั่นกลอกตาใส่ทั้งสองคน “เลิกเหรอ? ชาตินี้ไม่มีทางหรอก!”

ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน…เธอรู้เรื่องแล้ว ซือเยี่ยหานแทบจะเท่ากับ ‘บีบคอฆ่า’ เธอตัวจริง แต่เธอกลับยังคงปกป้องเขาโดยจิตใต้สำนึก…

ตอนกลับถึงบ้านก็ดึกมากแล้ว

เยี่ยหวันหวั่นรู้ว่าเรื่องในระยะนี้มากเกินไป เธอจำเป็นต้องพักผ่อนดีๆ รักษากำลังวังชาไว้ แต่ว่าตอนกลางคืนก็ยังนอนไม่ค่อยหลับ แค่หลับตาครู่เดียว ในฝันก็เต็มไปด้วยภาพแบบเศษชิ้นส่วนที่พิลึกพิลั่น

เช้าตรู่วันถัดมา เธอถูกเสียงสายเรียกเข้าปลุกให้ตื่น

“หวันหวั่น ที่บ้านเกิดเรื่องแล้ว…”

เสียงวิตกร้อนรนของเหลียงหวั่นจวินดังขึ้นมาในโทรศัพท์

“แม่ เกิดอะไรขึ้นคะ” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วน้อยๆ “แม่อย่าลน พูดช้าๆ สิ…”

“หวันหวั่น อารองเขา…”

“อารอง?” ดวงตาของเยี่ยหวันหวั่นวาบแววเย็นชาผ่านไป “พวกอารองรังแกแม่กับพ่ออีกแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่…อารองเขา…ตายแล้ว…” เหลียงหวั่นจวินถอนหายใจเบาๆ ครั้งหนึ่ง

“ว่าไงนะคะ” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเหลียงหวั่นจวิน เยี่ยหวันหวั่นพลันชะงัก อารองเยี่ยเส่าอันตายแล้วเนี่ยนะ?

“ตายได้ยังไงคะ?” เยี่ยหวันหวั่นถามโดยไม่รู้ตัว

“ตอนนี้ยังไม่แน่ชัด…เจอศพในห้อง ลูกรีบกลับมาหน่อยเถอะ!” เหลียงหวั่นจวินเอ่ยอย่างร้อนใจ

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร เธอมองลูกสาวคนนี้เป็นเสาหลักไปแล้ว

“ได้ค่ะ หนูรู้แล้ว จะกลับไปเดี๋ยวนี้” เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็วางสายโทรศัพท์ไป

——————————————————-

บทที่ 1248 ความทรงจำที่แตกเป็นเสี่ยง

คลื่นหนึ่งยังไม่สงบ อีกคลื่นหนึ่งดันเกิดขึ้นมาอีก…

เวลานี้เยี่ยหวันหวั่นตกอยู่ในห้วงความคิด

ตอนนี้เรื่องราวมากมายอยู่เหนือการควบคุมของเธอนานแล้ว แตกต่างจากเส้นทางในชีวิตก่อนโดยสิ้นเชิง

เธอในชาติที่แล้ว จนกระทั่งตายไปก็ยังไม่เคยค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง และยิ่งไม่รู้ว่าความทรงจำของตัวเองถูกบังคับใส่เข้ามา…

ชาติที่แล้วซือเยี่ยหานก็ไม่ได้หายตัวไป เขาอยู่ที่ตระกูลซือตลอด อารองเยี่ยเส่าอันก็ไม่ได้ตายด้วย

แต่พอมาถึงชาตินี้ ยิ่งตัวเธอเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไร ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มค่อยๆ แตกต่างจากชาติที่แล้ว และปรากฏการณ์ผีเสื้อกระพือปีกนี้ ความจริงก็ไม่แปลกอะไร

ตัวอย่างเช่นในชาตินี้ เยี่ยหวันหวั่นค้นพบความลับของชีวิตตัวเอง การหายตัวไปอย่างเป็นปริศนาของซือเยี่ยหาน รวมถึงการตายอย่างกะทันหันของอารองเยี่ยเส่าอัน…

เยี่ยหวันหวั่นเก็บอารมณ์อย่างรวดเร็ว คิ้วขมวดน้อยๆ

การตายของอารองเยี่ยเส่าอันต้องไม่ชอบมาพากลแน่ เพราะจากประสบการณ์ในชาติก่อน เยี่ยหวันหวั่นรู้ว่าสุขภาพร่างกายของเยี่ยเส่าอันแข็งแรงดีมาตลอด แต่ครั้งนี้เยี่ยเส่าอันกลับตายบนเตียงในบ้านของตัวเอง…

ไม่นานจากนั้น เยี่ยหวันหวั่นรีบขับรถไปยังบ้านตระกูลเยี่ย

คงเพราะเกิดเรื่องมากมายติดๆ กันเกินไป อีกทั้งยังนอนไม่พอ เยี่ยหวันหวั่นจึงปวดหัวหน่วงๆ ตลอดเวลา

ตอนที่มาถึงทางเลี้ยว จู่ๆ ศีรษะเธอราวกับถูกคนใช้ค้อนทุบเข้ามาเป็นๆ ปวดจนแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

ศีรษะเหมือนถูกคนแทงทะลุเป็นรูใหญ่ และมีของบางอย่างไหลทะลักออกมา…

ช่วงเวลาพริบตานั้น ความทรงจำที่เป็นเศษเสี้ยวและไม่สมบูรณ์เหมือนปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า ทะลักเข้าไปในส่วนลึกของหัวสมองเยี่ยหวันหวั่น

ในความทรงจำที่ไม่สมบูรณ์ชุดนี้…

เด็กสาวคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาในหัวของเธอ เด็กหญิงกำลังยืนอยู่ข้างทะเลสาบ ไม่ไกลจากตัวเป็นชายชราสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังผู้หนึ่ง

“คุณตา…คุณตา…หนูอยากเจอคุณพ่อคุณแม่…เมื่อไรคุณพ่อคุณแม่จะมารับหนู” เด็กหญิงเอ่ยอย่างเขินๆ

“พวกเขาจะไม่มาแล้ว” ชายชรามองเด็กหญิง ขมวดคิ้วบอก

“ทำไมล่ะคะ” เด็กหญิงมีสีหน้าน้อยใจ

“เพราะพวกเขาตายแล้ว”

“โกหก…คุณตาโกหก! คุณพ่อคุณแม่ยังไม่ตาย!”

“ห้ามร้องไห้ ร้องไห้เป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ที่สุด เป็นการกระทำของผู้อ่อนแอ!” ชายชราตำหนิเสียงเข้ม

“ไม่เอา…เกลียดคุณตา…หนูจะหาคุณพ่อ…จะหาคุณแม่…” เด็กหญิงน่ารักน่าสงสาร สีหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าอาดูร น้ำตาเท่าเม็ดถั่วไหลผ่านใบหน้า

สีหน้าของชายชราอ่อนลง เขากอดเด็กหญิงไว้ในอ้อมกอด “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่มีใครตามใจหลาน ปกป้องหลานได้ หลานทำได้แค่พึ่งพาตัวเอง หลานต้องเรียนรู้ที่จะแข็งแกร่งขึ้น! เข้าใจไหม?”

“เข้าใจแล้ว…”

สุดท้าย เด็กหญิงก็จูงมือชายชราไว้อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่รู้เดินไปทิศทางไหน

เวลานี้ เยี่ยหวันหวั่นปวดหัวจนแทบแตก

ถึงความทรงจำนี้จะโผล่ขึ้นมาโดยไม่รู้ที่มา แต่เยี่ยหวันหวั่นแน่ใจได้ว่าเด็กหญิงคนนั้นในความทรงจำก็คือตัวเธอ…ตอนยังเด็ก

และชายชราที่ดูเข้มงวดสุดขีดคนนั้นก็คือตาของเธอ…

ฉากกับสิ่งก่อสร้างในความทรงจำเป็นสไตล์ของประเทศจีน ดูจากสิ่งปลูกสร้างรูปปั้นที่เป็นสัญลักษณ์กลางทะเลสาบแล้ว น่าจะเป็นหมู่บ้านหนึ่งของเมือง S

ก็หมายความว่า จากเศษเสี้ยวความทรงจำนี้ เธอกับคุณตาต่างก็เป็นคนจีน

จากปากคุณตาสามารถรู้ได้ว่า พ่อแม่แท้ๆ ของเธอตายแล้ว…

เยี่ยหวันหวั่นนึกไม่ถึงสักนิดเดียวว่า แท้จริงตัวเองจะมีคุณตาที่เข้มงวดแบบนี้อยู่หนึ่งคน และที่ยิ่งคาดไม่ถึงก็คือ พ่อแม่ของเธอความจริงตายไปนานแล้วทั้งคู่…

ส่วนพ่อแม่ของเธอตายอย่างไร เธอไม่รู้แม้แต่น้อย ถึงความทรงจำนี้เด่นชัดมาก แต่ก็สั้นอย่างยิ่ง ข้อมูลที่ได้มาจึงมีจำกัดมาก