อย่างไรเสียดูท่าทางเขาไม่คิดจะปล่อยให้เธอเข้าไปอยู่แล้ว

ไป๋ซู่เย่หันหลังเตรียมเดินกลับแต่ทันใดนั้นข้อมือเธอกลับถูกฉุดไว้อย่างแรง จากนั้นเจ้าตัวก็ถูกเขาช้อนตัวขึ้น

เธอสะดุ้งเฮือก “เย่เซียว?”

สีหน้าของเขาเรียบนิ่งจนน่ากลัว เพียงแค่จ้องเธอตาเขม็ง “ทิ้งดอกไม้ซะ!”

“…”ไป๋ซู่เย่กัดปาก “ดอกไม้นี่ทำอะไรให้คุณไม่พอใจ?”

“ทิ้ง หรือไม่ทิ้ง?”

ไป๋ซู่เย่คิดว่าการเป็นปรปักษ์กับเขาในเวลานี้ไม่ใช่หนทางที่ดีต่อเธออย่างแน่นอน จึงจำต้องขอโทษอวิ๋นช่วนแทน

เธอยกแขนยังไม่ทันทิ้งดีได้ยินอีกประโยคเอ่ยเสริมเข้ามา “โยนไกลๆ หน่อย!”

ไป๋ซู่เย่ถอนหายใจ ออกแรงโยนช่อดอกไม้ไปท่ามกลางความมืดของรัตติกาล

เย่เซียวอุ้มเธอกลับห้องนอนของเธอจากนั้นใช้เท้าปิดประตูแรงๆ ถัดมาไป๋ซู่เย่ถูกเขาโยนใส่เตียงอย่างไม่ปรานี เธอยังไม่ทันลุกจากเตียงดีกระโปรงก็ถูกเขาเลิกขึ้นเหนือเอวอย่างไร้มารยาท

แสงไฟสว่างเกินไป

ความอับอายพุ่งเข้ามา ขยับถอยหลังเล็กน้อย “คุณจะทำอะไร?”

“อย่าขยับ!”

ไป๋ซู่เย่จะไม่ขยับได้อย่างไร? เธอไม่รู้ว่าเย่เซียวต้องการทำอะไรเธอแต่ไม่ว่าอย่างไรคงไม่ใช่เรื่องดีนัก เธอคว้ามือเย่เซียวไว้ “แผลฉันยังไม่หายดี…”

เขาแค่นหัวเราะ “แผลยังไม่หายดีก็ดิ้นเร่าอยากมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นแล้ว?”

“ฉันไป…”

“หุบปาก!”เย่เซียวพลิกตัวเธอที่นอนอยู่บนเตียง จากนั้นร่างสูงใหญ่ก็คร่อมทับเธอ ไป๋ซู่เย่เหนื่อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้อยู่กับเขาแล้วยิ่งรู้สึกเหนื่อยกว่าเดิม ในสายตาของคนที่เกลียดชังเรา ไม่ว่าทำอะไรก็ผิดไปทั้งหมด

“เย่เซียว คุณต้องการทำอะไรกันแน่?”

“ผมต้องการรู้ว่าคุณยังสะอาดบริสุทธิ์อยู่ไหม ถ้าเมื่อกี้คุณเคยถูกผู้ชายคนอื่นสัมผัส ผมฆ่าคุณแน่” เย่เซียวดึงกางเกงเนื้อผ้าบอบบางของเธอลง

เธอเกร็งอัตโนมัติเพราะกลัวเจ็บ

แต่เย่เซียวไม่ได้รุกล้ำเธอจริงๆ แค่ตรวจสอบร่างกายเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า เมื่อมั่นใจว่าตรงนั้นของเธอไม่มีแผลไปมากกว่านั้นและไม่มีร่องรอยจากผู้ชายคนอื่น เขาก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น

“ตอนนี้ตรวจสอบเสร็จแล้ว…ปล่อยฉันได้แล้วใช่ไหม?” เสียงของไป๋ซู่เย่ฟังดูน่าสงสารไร้ที่พึ่ง รู้ว่าเขาไม่มีทางทำอะไรเธออีกก็ถอนหายใจโล่งอกที แต่…ยังรู้สึกลำบากใจมากอยู่ดี…

เย่เซียวไม่ได้ปล่อยแค่เอียงตัวซุกหน้ากัดคอเธออย่างแรงทีหนึ่ง ทิ้งรอยช้ำไว้ “ไป๋ซู่เย่ ในสามสิบวันนี้ ทางที่ดีคุณซื่อสัตย์ต่อผมด้วย”

เธอขยับตัวน้อยๆ หันข้างสบตาเขาด้วยดวงตาที่น้ำตารื้นเบาๆ “ถ้าฉันตอบตกลงว่าไม่นอนกับผู้ชายคนอื่น แล้วคุณล่ะ? คุณก็ไม่นอนกับผู้หญิงคนอื่นได้ไหม?

รวมถึง…น่าหลัน”

สี่พยางค์สุดท้ายเธอพูดเสริมไปหลังจากเว้นช่วงไปอึดใจ

เย่เซียวตะลึงงัน แค่นหัวเราะใส่เธอ “คุณมีสิทธิ์อะไรมาขอร้องให้ผมซื่อสัตย์กับคุณ? คนที่ติดหนี้คือคุณ ไม่ใช่ผม”

สายตาเยาะเย้ยของเขาคล้ายกำลังขบขันกับความโง่เขลาของเธอ ความไม่รู้จักเจียมตัว

หัวใจไป๋ซู่เย่เจ็บแปลบเหมือนถูกฉีกทึ้ง

ปลายคางของเธอถูกจับไว้ เขายังคงใบหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึกใดๆ เลื่อนเข้ามาใกล้เธอ “แล้วก็…อย่าหลงคิดไปเองว่า อยู่ที่นี่คุณจะสำคัญกว่าน่าหลัน เทียบกับเธอแล้วคุณแย่กว่ามาก ต่อจากนี้ถ้าฉลาดขึ้นมาบ้างก็อย่าหาเรื่องให้ตัวเองดูแย่”

“…”ไป๋ซู่เย่รู้สึกแค่ว่าตำแหน่งหัวใจคล้ายจะเจ็บมากกว่าเดิมแล้ว

แต่เย่เซียวพูดไม่ผิด ความคิดบ้าๆ ที่เธอเสนอออกมานั้นคล้ายเป็นการสร้างเรื่องให้ตัวเองดูแย่จริงๆ

เธอหลับตาลงสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ “ตอนนี้คุณตรวจเสร็จแล้ว คิดว่าน่าจะระบายอารมณ์แย่ๆ ได้มากแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องอื่น…ฉันอยากนอนแล้ว”

ใบหน้าของเธอฉายแววอ่อนล้า

ภายใต้แสงไฟดวงหน้าเล็กขาวซีด หัวคิ้วย่นเป็นปมคล้ายไม่ค่อยสบายตัวเท่าไร

เย่เซียวก้มหน้ามอง ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกบีบรัดที่อก ความสงสารปนเห็นใจผุดขึ้นมาในใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ

แต่ความรู้สึกแบบนั้นกลับทำให้เขานึกต่อต้านและหงุดหงิด เธอเป็นผู้หญิงใจดำอำมหิต ไม่คู่ควรกับความสงสารและเห็นใจเลยสักนิดเดียว แม้แต่นิดเดียว

สุดท้าย…

ก่อนที่ความรู้สึกนี้จะขยายตัวมากขึ้น เขาลุกพรวดเดินออกจากห้องไป

ประตูถูกกระแทกปิดอย่างแรงจนเสียงนั้นดังสะท้านอย่างน่าสะพรึงในยามค่ำคืนเช่นนี้ ไป๋ซู่เย่นอนอยู่ที่เดิมกุมหน้าอกอยู่พักใหญ่ถึงเปิดเปลือกตาอีกครา

มือลูบจับคอตัวเองไปมาเบาๆ ตรงนั้นยังมีสัมผัสอุ่นร้อนที่เขาทิ้งไว้ รวมถึง…รอยฟันของเขา…

ทันทีที่มือแตะความเจ็บก็แล่นขึ้นมา…

เธอคุดคู้ตัวเป็นก้อนอย่างเหนื่อยอ่อน พยายามสะกดความรู้สึกแย่ๆ ที่เริ่มเอ่อล้นจากก้นบึ้งของหัวใจ

กระทั่งตอนนี้ยิ่งรู้ว่าระหว่างเธอกับเย่เซียว ย้อนกลับไปไม่ได้อีกแล้ว…

เย่เซียวในอดีตกลัวจะทำเธอลำบากหรือเสียใจแม้จะน้อยนิดก็ตาม แต่ตอนนี้เย่เซียวกลับกลัวว่าเธอจะมีชีวิตสงบสุขเกินไป…

……………………

คืนนั้น

ไป๋ซู่เย่นอนพักบนเตียงอีกครึ่งชั่วโมงถึงลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

รอทิ้งตัวนอนลงอีกครั้งก็เป็นเวลาเช้ามืดแล้ว

คล้ายว่านับจากเซ็นสัญญากับเย่เซียวไม่มีวันไหนที่หลับสนิทเลย บางทีคู่เวรคู่กรรมก็หมายถึงพวกเขานี่แหละ

วันรุ่งขึ้น

เธอเปลี่ยนชุดนอนเป็นชุดทำงานแล้วออกไปทานอาหารเช้าแต่เช้าตรู่

น่าหลันกับเย่เซียวอยู่ตรงนั้นแล้ว

“อรุณสวัสดิ์ คุณไป๋” น่าหลันยิ้มทักทายเธอ

“อรุณสวัสดิ์”ไป๋ซู่เย่หยักหัวน้อยๆ แล้วนั่งลงโดยไม่มองเย่เซียวแม้แต่แวบเดียว ยังคงรู้สึกว่าพวกเขาสามคนนั้นช่างตลกสิ้นดี แต่น่าหลันไม่สนใจด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าเธอจะยิ่งไม่มีสิทธิ์สนใจ

ยี่สิบห้าวัน

นับถอยหลังอีกยี่สิบห้าวัน

“ดอกไม้ที่อยู่ข้างนอกเมื่อวานเป็นของคุณไป๋เหรอ? วันนี้คนรับใช้เก็บเข้ามา ต้องการให้เสียบใส่แจกันไว้ในห้องคุณไหมคะ?”

“อืม ได้ค่ะ”

“ดอกไม้สวยมาก ต้องเป็นคุณคนไหนที่ชื่นชอบคุณไป๋ให้มาสินะคะ?” น่าหลันยิ้มคล้ายถามไปอย่างนั้น

ไป๋ซู่เย่ทานโจ๊กหนึ่งคำพลางตอบกลับเสียงเรียบ “อาจเป็นแฟนในอนาคต แต่ตอนนี้ยังไม่ยืนยันสถานะค่ะ”

เธอไม่ได้เหลือบมองข้างๆ แต่กลับรู้สึกถึงสายตาเยือกเย็นตวัดมองมาทางเธอเป็นการกดดัน

“เหรอคะ? งั้นถ้ามีข่าวดีเมื่อไหร่คุณไป๋ต้องบอกฉันนะ เรามาแบ่งปันเรื่องราวดีๆ กัน”

ไป๋ซู่เย่ไม่ตอบ เธอไม่ได้สนิทกับน่าหลันถึงขั้นนั้น น่าหลันต้องแกล้งทำตัวน่ารักต่อหน้าเย่เซียวแต่เธอไม่ต้อง

ท่าทางเย็นชาของเธอเรียกให้น่าหลันหน้าเสียไปชั่วขณะ มองไป๋ซู่เย่อีกทีสุดท้ายก็ไม่ได้ชวนคุยอีกต่อไป

“อยากได้ของขวัญอะไร?” รอบรรยากาศบนโต๊ะอาหารกลับสู่ความเงียบ อยู่ๆ เย่เซียวก็เอ่ยปากถาม

ผู้หญิงสองคนหันสายตามาทางเขาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

เขากลับเบนหน้าหันไปมองน่าหลัน “วันเกิดครบรอบสิบเก้าปีไม่ใช่เหรอ? อยากได้ของขวัญอะไร?”

ไป๋ซู่เย่เห็นแค่หลังศีรษะ ไม่เห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้แต่ฟังจากน้ำเสียงก็พอจะรู้ว่าอ่อนโยนมาก อีกทั้งจากท่าทางความสุขเต็มเปี่ยมของน่าหลันก็ดูออก

เธออดนึกถึงปีที่ฉลองวันเกิดอายุสิบเก้าอยู่ข้างเขาไม่ได้…

………………………………………..