เธออดนึกถึงปีที่ฉลองวันเกิดอายุสิบเก้าอยู่ข้างเขาไม่ได้…
เขาเลือกของขวัญไม่เป็นจึงยื่นการ์ดให้เธอหนึ่งใบ อารมณ์ที่เธอรอมาทั้งวันแต่กลับได้การ์ดมาแทนนั้นแทบร้องไห้ออกมาตรงนั้น
หลังวันนั้นเธอไม่สนใจเขาไปสองวันติด เย่เซียวอดทนง้อเธออยู่สองวัน ต่อมาวันที่สามก็ไม่สนใจเธออีกปล่อยให้เธองอนไปเรื่อยๆ แต่ภายหลังก็ได้ชดเชยด้วยภาพเก็บสะสมของ Alex มากมาย
เย่เซียวในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าง้อแฟนสาวได้เก่งกว่าเมื่อสิบปีก่อนเยอะทีเดียว
“ของขวัญเหรอ?”ขณะที่น่าหลันกำลังขบคิดเอาช้อนแตะใต้คางให้ดูน่ารักสมวัย “ฉันขอเวลามื้อเย็นคุณหนึ่งมื้อได้ไหม?”
“ง่ายแค่นี้เหรอ?”
“ไม่ง่ายเลย คุณงานยุ่งขนาดนี้ เราไม่ได้ทานข้าวด้วยกันตั้งนานแล้วนะ วันเกิดฉัน คุณหาเวลาว่างมาทานมื้อเย็นกับฉันได้ไหม?” พูดถึงตรงนี้น่าหลันลอบมองไป๋ซู่เย่ที่นั่งตรงข้ามตัวเองแวบหนึ่งก่อนพูดเสริมอีกประโยคด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แค่เราสองคนไม่มีคนนอก”
คนนอก
ไป๋ซู่เย่รู้อยู่แก่ใจดี รู้ว่าคำนี้หมายถึงตัวเอง
“น้าหลี่ โจ๊กวันนี้ต้มได้ดีมากเลย” เธอเบี่ยงหน้าไปพูดกับน้าหลี่เสียงเบาด้วยรอยยิ้ม น้าหลี่จึงยิ้มตามทีหนึ่ง “ถ้าคุณไป๋ชอบล่ะก็ จากนี้ฉันจะให้ห้องครัวทำให้คุณทุกเช้าเลยดีไหมคะ?”
“ดีสิ รบกวนด้วยนะ”
“ไม่รบกวนเลยค่ะ”
เย่เซียวหันกลับมาเห็นรอยยิ้มที่ไม่สนใจเรื่องอื่นบนใบหน้าเธอแล้วเรียกให้เขารู้สึกอัดอั้นในอก
“อาหารเย็นน่าจะทานกับคุณไม่ได้แล้ว” เย่เซียวเอ่ยเสียงเรียบ กำลังพูดกับน่าหลัน
น่าหลันนิ่งงัน
จากนั้นใบหน้าดวงเล็กสวยงามฉายแววผิดหวังอย่างปกปิดไม่มิด เธอใช้ช้อนคนโจ๊กในถ้วยไปมา หลุบตามองต่ำเผยให้เห็นเงาของแพขนตาจางๆ ขับให้เจ้าตัวดูน่าสงสารเล็กน้อย
จากปริมาณความเอ็นดูที่เย่เซียวมีต่อแฟนสาวตัวเองนั้น ไป๋ซู่เย่ไม่คิดว่าเย่เซียวจะปฏิเสธเธอเช่นกัน…
“ช่วงบ่ายผมจะไปสัมมนางาน ถ้าคุณไม่รู้สึกเบื่อเวลาอยู่กับผมก็เก็บกระเป๋าไปพร้อมกับผม”
ความคิดของเธอหยุดชะงักเพราะคำพูดของเย่เซียว
น่าหลันเองก็เหนือคาดเช่นกัน เงยหน้ามองเขาอย่างดีใจ
“คุณอยากไปพักผ่อนริมทะเล คิดว่าช่วงนี้น่าจะไปไม่ได้ แต่ผมพาคุณไปเดินเล่นต่างประเทศบ้างก็ดี หลังปีใหม่ผมจะหาเวลาว่างชดเชยวันหยุดนี้ให้” เสียงเย่เซียวยังคงราบเรียบไร้คลื่นอารมณ์
น่าหลันกลับอดดีใจไม่ได้ ส่ายหัวอย่างนึกใส่ใจ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรู้ว่าคุณยุ่งมาก”
ขอแค่ได้อยู่กับเขาความจริงจะอยู่ไหนก็เหมือนกัน! แน่นอนว่าเงื่อนไขคือต้องไม่มี ‘ศัตรู’ ของเขาอย่างไป๋ซู่เย่อยู่ด้วย
“อาชิง งั้นตอนนี้เธอรีบไปเก็บกระเป๋าช่วยฉันเลย” เธอหันกลับไปสั่งอาชิงด้วยความดีใจ ความผิดหวังเมื่อสักครู่หายเป็นปลิดทิ้ง
อาชิงพูดหยอกเธอ “คุณคะ นี่ยังเช้าอยู่เลย ไม่ต้องรีบหรอกค่ะ”
เธอหน้าแดงระเรื่อเหลือบมองเย่เซียวด้วยความเคอะเขิน “บอกให้เธอไปก็ไปสิ”
…………
ไป๋ซู่เย่ก้มหน้าทานโจ๊กต่อราวกับใจจดใจจ่อนัก ไม่ได้เงยหน้าพูดสักประโยคหรือมองสองคนบนโต๊ะแม้แต่แวบเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ
เธอเจียมตัวดีจึงนั่งเงียบๆ ทำหน้าที่เป็นเพียง ‘คนนอก’ คนหนึ่ง ไม่รบกวนพวกเขา
…………………………
คืนนั้น
ไป๋ซู่เย่กลับไปที่เซียงเซี่ยกู่
สามทุ่มกว่าเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ทายาให้ตัวเองก่อนถือแก้วกาแฟยืนพิงขอบหน้าต่างบานใหญ่ ยามมองภาพกลางคืนของเมืองใหญ่โตที่อยู่ด้านใต้ น้าหลี่โทรมาถามเธอว่าจะกลับไปทางนั้นหรือไม่
“เขากับน่าหลันไปสัมมนาแล้วสินะ?” ไป๋ซู่เย่ถาม
“ค่ะ ไปตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว”
“งั้นฉันไม่กลับไปแล้ว คุณก็ไม่ต้องรอฉัน รีบพักผ่อนเถอะ” ไป๋ซู่เย่พูดจบก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ “อ้อ ตอนเขาไปได้บอกไว้ไหมว่าจะกลับมาเมื่อไหร่?”
“เวลาสัมมนาของนายท่านคือสี่วัน น่าจะอีกสี่วันถึงกลับมา”
“งั้นสี่วันนี้คุณไม่ต้องรอฉัน ฉันคงไม่กลับไปแล้ว”
“รับทราบค่ะ”น้าหลี่ถอนหายใจ “คุณไป๋ คุณเองก็อย่าเสียใจมากนะคะ”
ไป๋ซู่เย่ยิ้มให้เงาตัวเองที่สะท้อนบนหน้าต่างทีหนึ่ง รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า “ฉันจะเสียใจได้ยังไง?”
น้าหลี่เลยไม่พูดอะไรอีก
ไป๋ซู่เย่วางสายไป ห่อไหล่หดตัวพิงหน้าต่างเหม่อลอยอยู่พักใหญ่ แสงไฟข้างล่างสว่างไสว รถยนต์สัญจรไปมาไม่เว้นช่วงห่างยิ่งสะท้อนความโดดเดี่ยวเธอได้ชัดมากขึ้น กาแฟที่เดิมทีหอมหวานในมือพอได้ชิมแล้วก็กลายเป็นรสขมอย่างบอกไม่ถูก
………………………………
วันรุ่งขึ้น
ไป๋ซู่เย่เพิ่งวางงานที่ทำเสร็จลงพลางเปิดคอมพิวเตอร์ ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้ไปยังหน้าเวยป๋อของน่าหลันตอนเสิร์ชค้นช่องเวยป๋อ เวยป๋อของเธอมีคนของกระทรวงความมั่นคงคอยจับตาดูอยู่เสมอเนื่องจากใกล้ชิดกับเย่เซียวมากที่สุด ในเมื่อจับตามองเย่เซียวไม่ได้จึงจำต้องลงมือจากคนรอบข้างเขา
งานพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเธอ แต่วันนี้เธอกลับเปิดมันขึ้นมาดื้อๆ
ตั้งแต่เมื่อคืนถึงวันนี้น่าหลันโพสต์เวยป๋อเพียงหนึ่งโพสต์สั้นๆ
วันที่พิเศษมีคนพิเศษที่สุดอย่างคุณ
แนบรูปสามรูป
รูปแรกคือเค้กวันเกิดที่มีเทียนปักอยู่ รูปสองคือของขวัญที่ถูกห่อไว้อย่างสวยงาม รูปสามคือรูปคู่ของเธอกับเย่เซียว
รูปคู่แบบไหนล่ะ?
พื้นหลังเป็นห้องในโรงแรมโดยเย่เซียวนั่งอยู่บนโซฟาอ่านเอกสารอย่างตั้งใจ เธอยืนห่างเขาไปหน่อยๆ เผยหน้าน่ารักซุกซนคล้ายกำลังแอบถ่ายรูปคู่ แต่บรรยากาศของรูปนั้น ความอบอุ่นและความสุขแทบจะล้นออกจากภาพทีเดียว
ไป๋ซู่เย่มองนิ่งๆ ขอบตาร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่ได้
เย่เซียวไม่ใช่คนที่ชอบถ่ายรูปต่อให้ถ่ายรูปตัวเองก็ไม่ยินยอมเท่าไร เมื่อก่อนเธอชอบหยิบกล้องหยอกเขา แอบถ่ายเขาในทุกท่วงท่า ทุกมุมกล้องและทุกสถานการณ์ ทุกครั้งเย่เซียวจะจับได้แล้วหันหน้ามามองเธอด้วยความระอาแต่ก็ไม่ห้าม ปล่อยให้เธอซนต่อไป
เธอในตอนนั้นจินตนาการเสมอว่าอยากเก็บรูปเหล่านั้นไว้ในกล้องตัวเองตลอดไป เพียงแต่ภายหลัง…
ทั้งกล้องและรูปภาพไม่หลงเหลืออีกต่อไป ตอนกลับมาสู่ทีมทางกระทรวงความมั่นคงได้ยึดสิ่งของทั้งหมดของเธอไป
“รัฐมนตรี”
ทันใดนั้นเองจู่ๆ ไป๋หลางก็ผลักประตูเข้ามา
ไป๋ซู่เย่หลุดจากภวังค์และปิดหน้าเว็บไซต์ทันที ความคิดในหัวก็หยุดเพียงเท่านั้น ไป๋หลางมองเธออย่างสงสัย “ทำอะไรน่ะครับ? ท่าทางมีพิรุจ”
“มีธุระเหรอ?”
“เอกสารจากกระทรวงอื่น คุณช่วยดูที”
“อืม”ไป๋ซู่เย่รับไว้ ไป๋หลางมองเธอด้วยสายตาประเมิน “เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ?”
“ดูโทรมมากเลยเหรอ?”
“นิดหน่อยครับ ขอบตาดำแล้ว”
“หลายวันนี้นอนไม่หลับเท่าไหร่”
“นอนดึกอีกแล้ว?”ไป๋หลางส่ายหัวถอนหายใจ “คุณคิดว่าตัวเองเป็นเด็กสาวอายุสิบแปดเหรอ นอนดึกทุกวันระวังแก่เร็วนะครับ”
………………………………………