TB:บทที่ 143 การฝึกยิงปืน (2)

ปัง! ปัง! ปัง! …

เฉินหลงได้ยิงกระสุนออกไปเจ็ดนัดติดต่อกันเหมือนกับที่เทียนเสี่ยวหมิงทำก่อนหน้านี้

หลังจากยิงกระสุนออกไปครบทุกนัด เฉินวางเลื่อนปืนมาไว้ตรงริมฝีปาก เป่าควันที่ลอยออกมา จากนั้นก็วางปืนลง

เมื่อเห็นความสำเร็จของเฉินหลงในครั้งนี้ เทียนเสี่ยวหมิงก็เกิดความสับสนขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากกลางเป้ามีรูกระสุนหนึ่งรู แต่ประเด็นความสับสนของเขาคือ เฉินหลงไม่ได้เข้าเป้าแค่นัดเดียว แต่เป็นกระสุนทุกนัดได้ลอดผ่านรูนี้แค่รูเดียวต่างหาก!

เป็นช็อตที่อเมซิ่งจิงเกอเบลมาก ทำเอาผมนี่อึ้งไปเลยครบท่านผู้ชม!

 

เดิมที เทียนเสี่ยวหมิงคิดว่าทักษะการยิงของเขานั้นถือได้ว่าเป็นสุดยอดปรมจารย์ แต่เมื่อเทียบกับเฉินหลงแล้ว มันกลับไม่ใช่หนึ่งฉิบหรือสองฉิบแล้ว (*ฉิบหาย)

และเมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วเขาก็ได้แสดงความถาคภูมิใจออกมาต่อหน้าเฉินหลง และทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็ร้อนผ่าว

“ไม่เลวเลยแหะ” เฉินหลงพยักหน้าอย่างพอใจ

“คุณเฉิน สกิลการยิงของคุณนั้นยอดเยี่ยมมาก ผมไม่รู้ว่าก่อนเลยว่าคุณจะเก่งขนาดนี้” เทียนเสี่ยวหมิงจ้องมองเฉินหลงที่ยืนเงียบอยู่ข้างกาย

ถึงวิธียิงของเขาสามารถพูดได้เต็มปากว่าเป็นช็อตที่สมบูรณ์ และไม่มีเสถียรภาพมากพอ แต่วิธียิงของเฉินหลงที่สามารถยิงได้ตรงเป้าทุกนัดแบบนี้ เรียกได้ว่าเป็นกระสุนที่หนักแน่นและมั่นคงสุดๆ

 

“จริงเหรอครับ?” ว้าว เยี่ยมจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับคำชมจากเที่ยนเสี่ยวหมิง ทำให้เฉินหลงแสดงความตกใจผ่านใบหน้า

ในฐานะมือใหม่ในบรรดาสมาชิกคนใหม่ เฉินหลงมีความสุขมากที่ได้รับคำชมจากปรมจารย์ด้านการยิงปืนอย่างเทียนเสี่ยวหมิงเป็นครั้งแรก

“นี่นายเพิ่งเคยยิงปืนครั้งแรกจริงๆใช่ไหม?” เดิมทีเทียนเสี่ยวหมิงไม่เชื่อว่าเฉินหลงเพิ่งเคยยิงปืนเป็นครั้งแรก แต่เมื่อนึกถึงท่าทางของเฉินหลงตอนที่อยู่ในคลังอาวุธ กับครั้งการยิงปืนครั้งแรกก่อนหน้านี้แล้ว มันได้แสดงให้เขาเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่า อีกฝ่ายเพิ่งเคยจับปืนเป็นครั้งแรกจริงๆ

‘แสดงว่าในโลกนี้มีอัจฉริยะอยู่จริงๆสินะ’

 

เทียนเสี่ยวหมิงจ้องหน้าเฉินหลงด้วยสีหน้าแปลกๆ

เมื่อเห็นเทียนเสี่ยวหมิงจ้องตากับตัวเองแล้ว ทำไมจู่ๆเขาถึงรู้สึกอึดอัดขึ้นมาได้ล่ะ? เขารู้สึกเหมือนกับว่าอีกฝ่ายกำลังมองเขาเป็นสัตว์ประหลาดอยู่ยังไงอย่างนั้น

“พี่เทียน ในเมื่อเราทดสอบปืนพกเสร็จแล้ว ผมขอเปลี่ยนเป็นปืนไรเฟิลเลยได้ไหมครับ?” เฉินหลงที่รู้สึกว่าเทียนเสี่ยวหมิงกำลังทำให้เขารู้สึกอึดอัด จึงได้เปลี่ยนเรื่องคุยและทำให้บรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้เริ่มดีขึ้น

 

หลังจากนั้น เทียนเสี่ยวหมิงได้หันไปจ้องหน้าเจ้าปีศาจอย่างเฉินหลงอีกครั้ง อีกครั้งโดยเฉพาะปืนซุ่มยิงกระบอกนั้น ครั้งนี้เป้าอยู่ห่างออกไปถึง 1,500 เมตร แต่เขาสามารถยิงโดนหัวใจได้ในนัดเดียว มันทำให้เทียนเสี่ยวหมิงเข้าใจรู้สึกของคนอื่น ที่เคยรู้สึกเมื่อเห็นเขายิงปืน เขาล่ะทั้งอิจฉา ทั้งหมั่นไส้ ทั้งเกลียดชังอีกฝ่ายเหลือเกิน!

หลังจากได้ฝึกยิงปืนจนหนำใจแล้ว เฉินหลงกับหวังฮงเดินทางกลับจากค่ายไปพร้อมกัน

และหลังจากเฉินหลงได้ออกจากค่ายไปเรียบร้อยแล้ว เทียนเสี่ยวหมิงก็ได้ไปร้องทุกข์กับเฉินเจียนกั่ว

 

“ผู้บัญชาการเฉิน วันนี้คุณได้มอบหมายภารกิจที่เลวร้ายให้ผมทำ” เทียนเสี่ยวหมิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ขมขื่น

เทียนเสี่ยวหมิงมีความมั่นใจในเรื่องการยิงปืนของตัวเองมาก แต่วันนี้เขากลับถูกเฉินหลงเอาชัยไปต่อหน้าต่อตา ถึงเทียนเสี่ยวหมิงจะไม่ได้เสียใจถึงขั้นที่ต้องร้องห่มร้องไห้ออกมา แต่มันก็กระต่อจิตใจเขาไม่น้อยอยู่ดี

เหตุผลที่ทำไมร้อยตรีตัวน้อยอย่างเทียนเซียวหมิงถึงได้เข้าพบกับผู้บัญชาการ สาเหตุหลักเป็นเพราะความสามารถด้านการยิงปืนที่โดดเด่นของเขา ทหารพวกนี้ถือเป็นสมบัติของทุกกองทัพ ด้วยเหตุนี้สมบัติอย่างเขาสามารถเข้าพบผู้บัญชาการได้

ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ไม่มีสิทธิ์ออกคำสั่งในระดับสาม เขาจะสามารถเข้าพบเข้าได้ก็ต่อเมื่อมีการตรวจกองหรือหัวหน้าเรียกตัวไปเท่านั้น

 

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เฉินเจียนกัวถามด้วยรอยยิ้ม เนื่องจากว่าเขาอารมณ์ดีมากที่ได้พบปะกับผู้บริหารระดับสูงในวันนี้

“คุณไม่คิดว่าผมควรฝึกยิงปืนบ่อยๆเหรอครับ ผมอยากหาผู้เชี่ยวชาญสักคนมาสู้กับผม” เทียนเสี่ยวหมิงกล่าว

เฉินเจียนกั่วขมวดคิ้วและถามด้วยความไม่เข้าใจว่า “หืม เกิดอะไรขึ้นนะ?”

โดยปกติ เขาจะหาผู้เชี่ยวชาญสักคนมาสอนเขาที่กองทัพ แต่ครั้งนี้เขาไม่สามารถหาผู้เชี่ยวชาญสู้กับเทียนเสี่ยวหมิงได้ นอกจากนี้ ถ้าเขาต้องการเรียนรู้เรื่องอื่นนอกจากเรื่องปืนแล้ว เฉินเจียนกั่วก็ไม่สามารถหาผู้เชี่ยวชาญมาสอนบทเรียนให้กับเทียนเสี่ยวหมิงได้

จากนั้น เทียนเสี่ยวหมิงก็ได้เล่าเรื่องของเฉินหลงให้เขาฟังทั้งหมด

 

หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวของเทียนเสี่ยวหมิงแล้ว เฉินเจียนกั่วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

ในความคิดของเขา เขายังรู้สึกตกใจมากที่ ‘ทุกคนในกลุ่มซีโร่นี้พิลึกคนจริงๆ คนที่ไม่เคยจับปืนมาก่อนสามารถเอาชนะเทียนเสี่ยวหมิงได้ด้วย เทคนิคการยิงหลังจากลองยิงเพียงไม่กี่นัด มันน่าทึ่งจริงๆ’

“แล้วจะเอายังไงต่อล่ะ? อะไรกัน กับเรื่องแค่นี้นายก็จะยอมรับความพ่ายแพ้แล้วเหรอ? ” หลังจากเฉินเจียนกั่วหัวเราะออกมา เขาก็หาโอกาสพูดปลุกใจเทียนเสี่ยวหมิง

เมื่อได้ยินคำถามพูดเฉินเจียนกั่วแล้ว เทียนเสี่ยวหมิงได้ระบายยิ้มที่สดใสผ่านใบหน้าที่ขมขื่น ‘ยอมรับความพ่ายแพ้?’ เหอะ ฝันไปเถอะ ในพจนานุกรมของฉันไม่มีคำว่า ‘ยอมรับความพ่ายแพ้’ อยู่ในนั้นหรอนะ หลังจากเห็นทักษะการยิงของเขาแล้ว ฉันก็จะหาขอบเขตอื่นต่อ ถึงตอนนี้เขาเก่งกว่าฉัน แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็จะหาวิธีเอาชนะเขาให้ได้เลย คอยดู

 

สุดยอดผู้เชี่ยวชาญด้านการยิงปืน นอกจากจะยิงปืนแม่นแล้ว ยังแข็งแกร่ง มุ่งมั่นและอดทนอีกต่างหาก ในการเผชิญกับการต่อสู้ เขาต้องฝ่าฟันอุปสรรค มุ่งตรงไปข้างหน้า และไม่วิ่งหนีเด็ดขาด

“หึ ในเมื่อตอนนี้นายรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร เพราะฉะนั้นนายจำเป็นต้องฝึกให้หนักขึ้นเพื่อตัวเอง ฉันจะรอวันที่นายจะเอาชนะเขาในเรื่องการยิงปืนได้นะ” เฉินเจียนกั่วตบบ่าเทียนเสี่ยวหมิง

เดิมที เฉินเจียนกั่วต้องการจะบอกเทียนเสี่ยวหมิงว่าเฉินหลงคือใคร แต่เมื่อเขาเห็นว่าเขาสามารถใช้ประโยชน์จากเฉินหลงได้ เขาจึงได้ไม่บอกเรื่องต่างๆกับเทียนเสี่ยวหมิง ในฐานะผู้บัญชาการ เฉินเจียนกั่วได้เป็นหัวขโมยตัวจริง

 

หลังจากเฉินหลงกับหวังฮงออกไปจากค่ายทหารแล้ว หวังฮงกลับไปที่อุทยานหลวง เพราะหน้าที่ของเขาคือการปกป้องผู้นำของประเทศ โดยปกติแล้วเขาไม่สามารถอยู่ห่างจากอีกฝ่ายได้นานเท่าไหร่

ส่วนเฉินหลงเดินทางกลับไปที่วิลล่าของตัวเอง เพื่อไปรักษาเนื้อร้ายที่ไตของหวังเฟิง

เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับหวังหูและหวังเฟิง เฉินหลงได้แนะนำให้หวังหูพาหวังเฟิงไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอีกครั้ง

เมื่อหวังหูและหวังเฟิงกลับถึงวิลล่าพร้อมกับความตื่นเต้นบนใบหน้า และเมื่อเขาเห็นเฉินหลง ทั้งสองคนถึงกับคุกเขาตรงหน้าอีกฝ่ายในทันที

เมื่อเห็นพวกเขาคุกเข่า เฉินหลงถึงกับพูดไม่ออก เฉินหลงจำเป็นต้องลงไปคุกเข่าเป็นเพื่อนทั้งสองคน เพื่อไว้หน้าชายคนนี้

 

เงียบอยู่ไม่นาน เฉินหลงก็จับแขนของทั้งสองคนให้ลุกยืน และไม่ต้องคุกเข่าให้เขาอีก

“บอส ถ้ามันเป็นเรื่องธรรมดา พวกเราคงไม่ทำอย่างนี้ แต่นี่เป็นถึงการช่วยชีวิตคนๆหนึ่ง การตอบแทนด้วยการคุกเข่าทำให้พวกเรารู้สึกดีกว่าการที่ไม่ตอบแทนอะไรเลย” หวังหูกล่าวในขณะที่ร่างของเขาพยายามทำท่าคุกเข่า

“พี่หลง ขอให้ฉันได้คุกเข่าเถอะนะคะ” หวังเฟิงที่อยู่อีกด้านก็กล่าวขึ้นเช่นกัน

ตอนแรก หลังจากรู้ว่าโรคที่ตัวเองเป็นคืออะไรแล้ว หวังเฟิงก็รู้สึกอยากจะตายขึ้นมาในทันที แต่ถ้าเธอตายแล้ว พี่ชายก็คงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวในโลกนี้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ได้ตัดสินใจไปตายแล้วทิ้งพี่ชายให้อยู่คนเดียว

 

ตั้งแต่ที่เธอคิดได้แล้วว่าตัวเองจะไม่ยอมตายเด็ดขาด หวังเฟิงจะต้องมีเข้มแข็งและมีชีวิตอยู่เพื่อพี่ชายสุดที่รัก

ในการรักษาตัวเอง พี่ชายพาเธอไปที่เซียงเจียง ที่ๆหวังหูสามารถหารายได้จากการชกมวย ด้วยสิ่งที่เรียกว่าเงิน หวังเฟิงจึงได้รับการรักษาที่ดีที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม การรักษาพวกนี้ทำได้เพียงแค่บรรเทาอาการป่วยของหวังเฟิงเท่านั้น นอกจากนี้ พี่ชายต้องใช้เงินทั้งหมดที่ได้รับจากการชกมวยไปลงกับการรักษาเธอ เรื่องนี้ทำให้หวังเฟิงรู้สึกผิดต่อหวังหูมาโดยตลอด เธอได้แต่คิดแล้วก็สงสัยว่า ถ้าขากเธอไปแล้ว พี่ชายของเธอจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ไหมนะ…

 

ในเวลาเดียวกัน หวังเฟิงคิดว่าตัวเองควรจะปล่อยพี่ชายไปได้สักที และในตอนที่หวังเฟิงตัดสินใจที่จะหายไปจากหวังหูโดยไม่ได้บอกกล่าว หวังหูก็ได้นำความหวังที่จะรักษาโรคให้หายขาดได้มาให้เธออีกครั้ง

ตอนแรกหวังเฟินยังคงสงสัยว่าเขาจะรักษาอาการป่วยของเธอได้ยัง จนกระทั่งเธอได้รับการรักษาโดยเฉินหลง มันทำให้ชีวิตของเธอถูกเติมเต็มไปด้วยความหวังที่ไม่มีที่สิ้นสุด

บางทีเธออาจเรียกได้ว่า เฉินหลงเป็นนผู้ให้ชีวิตใหม่แก่เธอ ดังนั้นสิ่งที่เธอจำเป็นต้องทำในตอนนี้คือการคุกเข่าตอบแทนอีกฝ่ายเท่านั้น