บัญชามังกรเดือด บทที่ 881 ศิษย์น้องหญิง
“ขอบคุณมาก!”
“เดี๋ยวฉันไปเตรียมยาให้”
“เหลิ่งเฟิง ดูแลจินถังกับพี่ฉวนซานด้วยนะ!”
ฉินเทียนตื่นเต้นมาก เขารับห่อยาและรีบออกไป
ตามที่ฉินฉีบอก เห็ดหลิงจือเลือดอายุ 100 ปีมีโอกาสอยู่ 20 เปอร์เซ็นต์ที่จะสามารถรักษาซูซูให้หายดีได้
เห็ดดอกนี้มีอายุ 80 ปี อย่างน้อยก็มีโอกาสอยู่ 10 เปอร์เซ็นต์นะ
เมื่อเห็นฉินเทียนออกไปแล้ว จินถังก็ต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ลังเลที่จะพูด ดูเหมือนว่าจะมีบางเรื่องที่ยากที่บรรยาย ภายในดวงตาดุดันคู่หนึ่งเต็มไปด้วยความสับสน
“แต่เดิมก็เป็นคนของสำนักวานรกับสำนักระกา ถ้าคิดอย่างนั้น ฉันก็คงเป็นสำนักสุนัขสินะ เหลิ่งเฟิง”
“พวกท่านทั้งสอง เชิญตามฉันมาพักผ่อนทางนี้เถอะ” เหลิ่งเฟิงพูดอย่างสุภาพ
เฉินเอ้อร์กั่วอยู่ในวิหารเทพที่เป็นของราชาหมา แต่ว่าพวกเขากับคนของสำนักวารนกับสำนักระกา เรียกได้ว่าเป็นคนคนละประเภทกัน
ไม่ต้องพูดถึงเหลิ่งเฟิงเลย แม้แต่เฉินเอ้อร์กั่วเองก็ไม่เคยสัมผัสคนของสำนักวานรและสำนักระกาจริง ๆ มาก่อน
ฉวนซานเกาหัว ยิ้มอย่างประหม่าพลางว่า: “คือว่า กัปตันเหลิ่ง เมื่อครู่ ขอโทษนะ”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ…..”
เหลิ่งเฟิงเองก็ไม่ใช่คนถือสาเรื่องเล็กน้อย เขามองไปยังไก่ในอ้อมแขนของฉวนซานและพูดด้วยรอยยิ้ม: “ไม่เป็นไร แต่ไก่ตัวนี้ของนายนี่ดีจริง ๆ นะ”
“ต่อไปต้องดูแลให้ดี ๆ ละ ไม่งั้นคนจะเอาไปทำตุ๋นเห็ดได้ง่าย ๆ”
“ปรมาจารย์ทั้งสอง หากมีโอกาสพวกเรามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันดีกว่า”
พูดพลางหัวเราะเสียงดัง
…..
ฉินเทียนกลับมาอย่างกระวนกระวาย ตามใบสั่งยาก่อนหน้านี้ เขานำเห็ดหลินจือเลือดอายุ80ปีดอกนั้นมาเป็นตัวยาหลักในการต้มยาหนึ่งขวด
หลังจากที่ให้ซูซูกินเข้าไปอย่างระมัดระวัง ฉินเทียนก็มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าเลือดลมของซูซูกำลังฟื้นตัว
เธอพูดด้วยเสียงกระซิบว่า: “รู้สึกว่าร่างกายอบอุ่น สบายมากเลย”
“ฉันจะนอนพักสักหน่อย คุณเองก็พักผ่อนสักหน่อยเถอะนะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”
ฉินเทียนตื่นเต้นมาก ดูเหมือนว่าเห็ดหลินจือเลือดจะมีประโยชน์ต่ออาการป่วยของซูซูอย่างมากจริง ๆ
เห็ดหลินจือเลือดอายุ 80 ปีดอกเดียวยังมีผลลัพธ์เช่นนี้ ถ้าหากเป็น 100 ปีหรือแม้แต่ 500 ปีล่ะ?
ในที่สุดก็เห็นความหวัง ความโศกเศร้าของหลายวันที่ผ่านมาหายไปหมด ทำให้เขาสามารถดึงตัวเองกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง
ฉินเทียนเดินออกจากประตู อยากบอกเรื่องนี้กับจินถัง แต่กลับเห็นจินถังยืนอยู่ตรงหน้าประตู
ใบหน้าของจินถังเต็มไปด้วยความไม่สบายใจและความกังวล เขาเดินกลับไปมาราวกับต้องการเข้าไปด้านใน แต่ก็รู้สึกว่าไม่ควร
“มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?” ฉินเทียนอดไม่ได้ที่จะถาม
จินถังหน้าแดง ลังเลอยู่นานก่อนจะพูดอย่างขัดเขิน: “คือว่า ฉันมารายงานครับ ราชาเทพ ศิษย์น้องหญิงของฉันหายตัวไป”
“ถ้าหากท่านเสร็จงานแล้ว ช่วยฉันตามหาเธอทีได้ไหม?”
หืม?
ฉินเทียนตกตะลึง ศิษย์น้องหญิงหายตัวไป หมายความว่าไง?
“แค่พวกคุณสองคนมางั้นเหรอ? ใช่แล้ว ฉันคำนวณมาแล้วว่าพวกคุณต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 วันในการเดินทาง”
“ทำไมมาเร็วกันขนาดนี้?”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
จินถังจึงพูดความจริงออกมา
แท้จริงแล้วเพื่อที่จะนำเห็ดหลินจือเลือดส่งกลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุด ราชาวานรขอความช่วยเหลือจากเพื่อน เพื่อนคนนั้นได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปเพื่อพาพวกเขาออกจากภูเขา
จากนั้น ก็ส่งพวกเขาไปที่นอกเมืองโดยตรง
แต่เมื่อเข้าไปในเมือง ศิษย์น้องหญิงที่มากับเขา จู่ ๆ ก็พูดว่าอยากจะไปเดินเล่น พอหันกลับมาอีกทีก็ไม่เห็นตัวเธอแล้ว
จินถังถือยาวิเศษอยู่ เขาไม่กล้าล่าช้าจึงมาอุทยานมังกรแค่คนเดียว
ตอนนี้งานเสร็จแล้ว เขาแทบอยากจะไปตามหาศิษย์น้องหญิงทันที เธอเติบโตมาภายในภูเขา เขากังวลว่าศิษย์น้องหญิงออกมาข้างนอกจะเจอกับคนไม่ดี
แต่เขาเองก็มาที่นี่ครั้งแรกเช่นกัน ไม่คุ้นเคยกับสถานที่นัก เพื่อไม่เสียเวลา เขาจึงมาหาฉินเทียน
เขารู้ว่าราชาเทพนั่นเก่งกาจและมีอำนาจมากล้น ออกคำสั่งแค่ประโยคเดียวก็สามารถหาตัวศิษย์น้องหญิงเจอได้แน่
อาจจะเพราะกลัวว่าฉินเทียนจะไม่ตอบตกลง จินถังจึงรีบพูด:
“กฎของพวกเราสำนักวานร 2 คนคือ 1 กลุ่ม หนึ่งคนเป็นนักล่าสมบัติ รับผิดชอบในการตามหาสมบัติ อีกคนเป็นนักดาบ รับผิดชอบเรื่องรักษาความปลอดภัย”
“ฉันกับศิษย์น้องหญิงเป็น 1 กลุ่ม เธอรับผิดชอบการตามหาสมบัติ ฉันรับผิดชอบเรื่องการปกป้องเธอ”
“ส่วนอย่างอื่นฉันเองก็ไม่ไม่รู้ ดังนั้นถ้าอยากหาเห็ดหลินจือเลือดอายุ 100 ปีก็ยังต้องพึ่งเธอ”
ฉินเทียนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาจึงมองโทรศัพท์ นึกไม่ถึงเลยว่าเถียหนิงซวงจะโทรมา
“พี่เทียน ฝั่งพี่จัดการเสร็จแล้วรึยัง?”
“เกิดเรื่องอะไรไหม?”
หืม?
ฉินเทียนนิ่งไปครู่หนึ่งและพูดว่า: “ฝั่งฉันโอเคดี ยังไงกัน ฝั่งพวกเธอเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”
แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะแข็งแรงเป็นปกติแล้ว แต่พวกเขาคือส่วนสำคัญของคำสาปสวรรค์ ตอนนี้ยังอยู่ที่สวนสัตว์ร้าย
อย่างแรก หลังจากผ่านความเป็นความตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ทุกคนล้วนยิ่งหวงแหนช่วงเวลาที่ยากจะลืมที่ได้คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันในสถานที่นี้
นอกจากนี้ ยังเป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุด ที่นี่ค่อนข้างใกล้กับฉินเทียน
ตอนนี้อุทยานมังกรไม่สงบ พวกเขาต้องการเรื่องบางอย่างที่สามารถจัดการได้ภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุด
“ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร…..”
“ก็คือ มีลิงป่าตัวนึงที่ไม่รู้ว่าวิ่งเข้ามาจากทางไหนเข้ามาก่อกวนในวิลล่า”
“นึกไม่ถึงว่าเจ้าลิงบ้านั่นจะฉวยโอกาสตอนที่พวกเราไม่ระวังเปิดประตูทุกบ้านของเขตสัตว์ ตอนนี้พวกสัตว์ป่าประเภทต่าง ๆ อยู่ปะปนกันไปหมด และก็มีบางตัวกัดกันแล้วด้วย”
“พวกเรากำลังจับสัตว์ป่าอยู่ ในขณะเดียวกันก็ต้องหาเจ้าลิงบ้าตัวนั้นด้วย!”
“พวกเราคุยกันแล้วด้วยว่าจะกินสมองลิงทั้งเป็น!”
“ฝั่งพี่ไม่มีปัญหาอะไรก็ดีแล้ว ไม่คุยละนะ พี่เทียน รอให้จับลิงตัวนั้นได้แล้ว พี่ก็มากินสมองลิงด้วยนะ”
เถียหนิงซวงรีบวางสายโทรศัพท์
ฉินเทียนทำหน้าสีหน้างงงวย
เขาไอและพูดว่า: “ฉันจำได้ว่าในการหาสมบัติของสำนักวานรของพวกคุณ บางครั้งก็ได้พึ่งลิงที่ฝึกฝนเป็นหลักมาปฏิบัติงานใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว!”
จินถังพูดทันที: “นักล่าสมบัติทุกคนล้วนเลี้ยงลิงหนึ่งตัวตั้งแต่ยังเด็ก นั่นไม่ใช่ลิงธรรมดา”
“โดยเฉพาะ เจ้าทองของศิษย์น้องหญิงไป๋หลิง ที่ได้ชื่อว่าเป็นลิงที่ฉลาดและว่องไวที่สุดในประวัติศาสตร์”
เมื่อพูดถึง “น้องหญิงไป๋หลิง” เขาก็กระวนกระวายใจอีกครั้ง
“ราชาเทพ ฉันขอร้องให้ท่านโปรดสั่งการคนของท่านให้ไปตามหาศิษย์น้องหญิง!”
“ฉันเป็นห่วงเธอจริง ๆ…..”
ฉันเทียนมองออกว่าจินถังผู้นี้ซื่อตรงและพูดไม่เก่ง แต่ความเป็นห่วงต่อศิษย์น้องไป๋หลิงคนนั้นมีมากกว่าชีวิตของตัวเขาเอง
เขาอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งอยู่ในใจว่า ทำไมคนของสำนักระกากับสำนักวานรล้วนทำตัวงี่เง่า
เขามองออกตั้งนานแล้วว่าฉวนซานคนนั้นดูเหมือนคนซื่อสัตย์และประพฤติตนดี แต่แท้จริงทั้งหมดล้วนเสแสร้ง เด็กนั่นก็เป็นเด็กงี่เง่าคนนึง
มิฉะนั้นก็คงไม่ใช้ไก่แกล้งเหลิ่งเฟิงและคนอื่น ๆ
แล้วตอนนี้ ศิษย์น้องของสำนักวานรแม่งก็ใช้ลิงก่อความวุ่นวายในสวนสัตว์ร้ายงั้นเหรอ?
แต่เมื่อพิจารณาว่าศิษย์น้องหญิงเป็นนักล่าสมบัติ เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องของเห็ดหลินจือเลือด100 ปีมาก เขาก็รีบส่งข้อความไปหาเถียหนิงซวง: “อย่าทำร้ายลิงตัวนั้น ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
“ไปกัน!”
ส่งข้อความเสร็จ เขาก็กระโดดขึ้นรถ แล้วขับรถพาจินถัง ฉวนซานและไก่ตัวใหญ่ของฉวนซานพุ่งตรงไปที่สวนสัตว์ร้ายอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้ สวนสัตว์ร้ายกลายเป็นกลุ่มก้อนความโกลาหล
ฉานเจี้ยนสั่งให้หวูฉาง ถงชวน เถียปี้และคนอื่น ๆ ไล่ต้อนสัตว์ร้ายแต่ละเขตออกจากกัน เอาหมาป่าไปขังไว้ที่พื้นที่ของหมาป่า เอาเสือกลับไปที่พื้นที่ของเสือ
สำหรับพวกเถียหนิงซวง เหมยหงเซว่ก็ล้อมหน้าล้อมหลังวิ่งไล่ลิงสีทองตัวน้อยที่ไม่มีขนยุ่งแม้แต่เส้นเดียวอยู่รอบ ๆ ด้วยความโกรธ
เจ้าลิงตัวนี้ฉลาดมาก มันกระโดดไปมาท่ามกลางพุ่มไม้ ทำให้คนที่อยู่ด้านล่างไม่รู้ว่ามันอยู่ตำแหน่งไหน
ดูเหมือนว่ามันกลายเป็นการหยอกล้อลิง แต่คนที่อยู่ใต้ต้นไม้กลับกลายเป็นลิงแทน