ซิกงอันยี่และคนอื่นๆกำลังเดินออกขณะที่พวกเขาได้ยินวาจาของจวินโม่เซี่ย  จากนั้น ซิกงอันยี่ หันไปหา ตวนมู่โฉวเฟิน และยิ้ม  จากนั้นเขา อุทาน

“เจ้าโง่ผู้นี้ได้ยางอายนัก เขาทำให้ข้านึกถึงวัยหนุ่มของเจ้า ! ”

 

มันทำให้ ตวนมู่โฉวเฟิน มีโทสะอย่างมาก  เช่นนั้น ข้าคว้ามือของฝ่ายตรงข้าม และตอบ

” ข้า … อย่างไร .. ไม่ ..​ไม่ …ไม่ …ไม่ “

 

ซิกงอันยี่ยกมือยอมแพ้  เขายิ้มแม้นจะดูเหมือนว่าเขากำลังร้องไห้  เขาเอ่ยกับสหายอขงเขา แต่ดูราวกำลังเจ็บปวด

” แย่แล้วท่านพี่  ข้าไม่ควรโกรธเคืองท่าน  การได้ฟังวาจาของท่านช่างเจ็บปวดยิ่งนัก  เปลี่ยนมันเมื่อข้า !  เหตุใดท่านจึงไม่ ?  แม่เจ้า ข้าพยายามที่จักเปลี่ยนนิสัยในการพูดที่น้ำแย่ของท่านมาสิบปี แต่ยังคงเป็นเช่นเดิม ! ”

 

ตงฟางเหวินชิง ผลัก เก้าอี้เลื่อนของเจวินวูอี้ไปข้างหน้า และหยุดตรงหน้าจวินโม่เซียที่อยู่ท่ามกลางความสับสนนั้น

 

จวินวูอี้ เลิกคิ้ว และยิ้มหมดหนทางขณะที่เขามองไปยัง หลานชาย จากนั้นเขาถามอย่างนุ่มนวล

“ท่านหรือ ? “

 

จวินโม่เซี่ยหัวเราะและตอบ

” ลุงสามท่านกล้าหาญยิ่งนัก !  ท่านเพียงคนเดียวสามารถรับมือกับอสูรเชวียนขั้นเก้าได้มากา  และ พวกเขาก็ล่าถอยไปแล้ว !  ความจริง พวกเขาล่าถอยไป และท่านยังมิได้หอบเหนื่อยเลย !  น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก !  ความจริง ท่านยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้เลื่อนตลอดเวลา  ท่านมิได้แม้แต่เคลื่อนไหว !  ข้าน้อยผู้นี้ชื่นชมท่านอย่างแท้จริง ! “

 

“เจ้าเด็กเลว ! ”

จวินวูอี้เพ่งมองไปที่เขาและคำรามทางจมูก  แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ถามสิ่งใดอีก  เขารู้ว่าทั้งหมดนี้ต้องเกี่ยวข้องกับจวินโม่เซี่ย แต่เขาก็มิได้ไต่ถาม  นี่มิใช่เวลาที่เขาจักถามสิ่งนั้น  เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ชักเจน … มีหลายคนที่อยู่ที่นี้กำลังเฝ้าฟัง และ อีกอย่าง … เขามั่นใจว่าจวินโม่เซี่ยจัดฉากเรื่องนี้ แต่วิธีการของเขานั้นจักต้องเป็นความลับ  ดังนั้น ยิ่งมีคนอื่นรู้น้อยเท่าไหร่…ยิ่งเป็นการดี  สุกท้าย มันก็จักเป็นความลับต่อไป …

 

จักเป็นการดีกว่าเมื่อบางสิ่งไม่ต้องรู้

 

ดังนั้น จวินวูอี้ จึงเลือกปล่อยมันไป

 

อย่างไรก็ตาม จวินวูอี้ ภูมิใจในตัวหลานของเขา  เพราะ หลานผู้นี้ได้ทำให้เกิดปาฏิหารย์  ความจริง เขาไม่มีผู้ใดที่อยู่ฝ่ายเดียวกันหลานชายของเขาสามารถทำสิ่งนี้ได้

 

อาจบอกได้ว่า ในมุมของเขานั้น เขาเป็นสุดยอดฝีมือในโลกนี้

 

ในตอนนั้น สนามกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่า

 

หญิงสาวผู้งดงามและบอบบางยืนอยุ่กลางพื้นที่นั้น  ดูราวกับนางเป็นพุ่มไม้ที่อยู่ในหุบเขาดอกไม่ ขณะที่นางยืนอยู่อย่างเงียบสงบ  ความงามแบบนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยาก  แต่ นิสัยของหญิงสาวผู้นี้นั้นหากยากยิ่งกว่าความงาม

 

ร่างที่อวบอิ่ม ก้นกลม และ เอวของนางที่เรียวจนเกือบจะติดกัน …. ความจริง มันดูราวกับสายลมเบาๆสามารถทำให้ร่างของนางหักได้  สิ่งแรกที่คนจักได้หลังจากที่ทอดสายตาไปที่นางนั้นคือ นางงดงามอย่างมา !

 

 

แต่ ไม่มีผู้ใดที่จักรู้สึกเช่นนั้นเมื่อได้เห็นร่างของหญิงสาวผู้นี้  นางดูเหมือน น่ารัก อบอุ่น และมีชีวิตชีวา

 

ดวงตาของนางใสราวกับน้ำ  ใบหน้าชองนางวิจิตจรอ่อนช้อยยิ่งนัก  สายลมบางๆก็ดูเหมือนจักลูบไล้เส้นผมเบาบางของนาง  นี่ทำให้ผู้คนเชื่อว่านางคือเทพธิดา  ยิ่งบุรุษมองไปที่นาง … ยิ่งตกหลุมรักนาง  เขารู้สึกได้ว่าสาวชุดเขียวผู้นี้มีใบหน้าที่สดใสบริสุทธิ์ และนางไร้เดียงสานัก  และ นี่ทำให้เหล่าบุรุษประสงค์ที่จักปกป้องนางอย่างแรงกล้า

 

ราชันงู !

 

เป็นผู้ที่น่าสนใจอะไรเช่นนี้ … ความงามสะพรึงโลกาของสาวงามผู้นี้เป็นของราชันแห่งพิษอย่างนั้นหรือ ?  สิ่งที่บริสุทธิ์เช่นนั้นเกี่ยวพันกับ ราชันงูที่ชั่วร้าย และน่าสะพรึงกลัว ได้อย่างไรกัน ?!  ความแตกต่างนั้นคล้ายดั่ง สวรรค์และโลกา !

 

แต่ก็เป็นนาง !

 

หญิงสาวในชุดเขียวผู้นี้เป็นหนึ่งใน สิบสอง ราชันปิศาจแห่งป่าเทียนฟา ราชัญงูเชวียน !  นางคือ ราชันแห่งพิษ !  และ นางก็เป็นราชันที่น่าหลาวดกลัวที่สุดแห่งเทียนฟา ราชันงู !

 

นักล่าสีเขียว !

 

นี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงในสายตาของจวินโม่เซี่ย

ประสกเหมยมิได้ส่งราชัญที่แข็งแกร่งที่สุด … ที่เป็น  …​กระเรียนคอยาว ..​อย่างนั้นหรือ ?  พวกเขากลับส่ง ราชันงูมาแทน ?  นางจักมีความสามารถยิ่งกว่าเขาอย่างนั้นหรือ ?  หรือ นางสามารถใช้พิษเพื่อเอาชนะได้ ?

จวินโม่เซี่ยคิดเรื่องนี้ แต่รู้ได้ว่ามันไม่น่าเกิดขึ้น

 

สำคัญที่ต้องรู้ว่า ราชันงูคือราชันแห่งพิษ  ความจริง นางคือราชันแห่งอสรพิษ  แต่กระนั้นผู้ที่นางเผชิญหน้าคือหนึ่งในแปดยอดปรมจารย์ของดินแดน  บอกได้เลยว่าไม่มีพิษใดที่สามารถส่งผลกระทบกับพวกเขาได้ … หรือบางทีพิษบางอย่างอาจซึงเข้าไปในร่างของพวกเขาได้  แต่ พิษธรรมดานั้นไม่อาจส่งผลกับผู้ที่มีวรยุทธอยู่ในขั้น เทพเชวียนสูงสุดได้

 

บอกได้ว่า ยอดปรมาจารย์นั้นมีไหวพริบ และมองการไกลยิ่งนัก  ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขามีประสบการณ์การต่อสู้มากมายนัก  ชีวิตของพวกเขานั้นมีโอกาสโดนพิษที่อันตรายอยู่มากมาย เนื่องจากพวกเขามีศัตรูที่ลอบวางยาพิษอยู่ตลอดเวลา  ดังนั้น พวกเขาต้อง หาวิธีการรับมือกับเรื่องหล่านั้นไว้ก่อนแล้ว

 

แล้วพิษจักมีประโยชน์อะไรหากเป็นเช่นนั้น ?  แม้แต่พิษในตำนานที่สังหารผู้ที่สัมผัส ก็ส่งผลได้น้อยนิดมากกับ การบ่มเพาะของระดับยอดปรมาจารย์

 

มีการถทเถียงอย่างดุเดือดในหมู่ยอดปรมาจารย์ที่เป็นตัวแทนของมนุษย์  จากนั้น ร่างในชุดคลุมดำยาวก็เดินขึ้นหน้า และยืนตรงหน้าของ ราชันงู คนผู้นั้นเป็นผู้ที่จวินโม่เซี่ยไม่เคยคาดคิด … ฝ่ายมนุษย์ได้ส่ง ปรมาจารย์เลือดเย็น เล้ยวูเบ้ยไป

 

ผู้ท้าชิงได้รับการคัดเลือกเร็วกว่าที่จวินโม่เซี่ยคาดไว้  แต่ เขาไม่คิดว่า เล้ยวูเบ้ยจักเป็นตัวเลือกที่ดี  ตัวเลือกที่ดีที่สุดควรจะเป็น เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว  จักต้องใช้ผู้ที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว … ผู้ที่จักยุติการต่อสู้อย่างรวดเร็วเพื่อรับมือกับคู่ต่อสู้ที่ใช้ยาพิษเป็นอาวุธ  ยิ่งไปกว่านั้น ฝ่ายมนุษย์ต้องใช้ผู้ที่สามารถโจมตีศัตรูจากที่สูงได้ และสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีโดยใช้ข้อได้เปรียบทางอากาศและความคล่องตัว

 

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นได้เปรียบในสถานการณ์นี้  ยิ่งไปกว่านั้น ฝีมือการต่อสู้ของเขาก็ได้รับมาจากนก  และ ศัตรูนั้นคืองู  งูเป็นเหยื่อของนกโดยธรรมชาติ !  เหยี่ยว กินงู !

 

จวินโม่เซี่ยคิดเช่นนี้  เช่นนั้น เหตุใดผู้นำฝ่ายมนุษย์ถึงไม่ทำเช่นนั้น ?  ฉีฉางเซี่ยว และ คนอื่นๆต้องการให้ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ไปต่อสู้ในรอบนี้  แต่ พวกเขาก็ไม่กล้าที่จักเอ่ย  สถานการณ์ชัดเจนอย่างมากในจุดนั้น  ฝ่ายพันธมิตรจักพ่ายแพ้การต่อสู้สามรอบนี้เนื่องจากพวกพ่ายแพ้ในรอแรกไปแล้ว  เช่นนั้น จึงไม่จำเป็นต้องแพ้ในรอบที่สามหากพวกเขาพ่ายแพ้ในรอบที่สองนี้

 

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวมองไปยัง ลีจื้อเทียน และลูกชายของเขาด้วยความไม่พอใจ  ความสัมพันธ์ของเขากับ คุณชายน้อยจวิน ทุกคนเห็นชัดเจน  ความจริงคือ สกุลจวินเข้าต่องสู้กับศัตรูที่มีความแข็งแกร่งต่างกันอย่างมาก แต่ พวกเขากลับมาโดยไร้รอยขีดข่วน  อาจบอกได้ว่า เทียนฟานั้นประมาท  แต่ ผู้ใดจักเชื่อเหตุผลนั้น ?

 

พวกเขาโชคดีอย่างนั้นหรือ ?  ทหารสามร้อยโชคดีอย่างนั้นหรือ ?  พวกเขาได้รับพรจากสวรรค์อย่างนั้นหรือ ?

มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่เชื่อเช่นนั้น !

 

ไม่มีผู้ใดเชื่อว่าสกุลจวินและ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจักทรยศแผ่นดินเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของพวกเขา  แต่ หากพวกเขาทำ … เช่นนั้นละ …. ?  ผู้ใดจักรับผิดชอบหากเป็นเช่นนั้น ?  ดังนั้น เหล่าพันธมิตรจึงตัดสินใจเลือดตัวเลือกที่ดีอันดับสอง และ ส่ง เล้ยวูเบ้ยไปแทน

 

นอกจากนี้ การบ่มเพาะของ เล้ยวูเบ้ย นั้นล้ำลึกยิ่งกว่า เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว

 

ทั้งสองฝ่ายส่งคู่ต่อสู้ของเขาไป ยอดปรมาจารย์อันดับห้าจากฝ่ายพันธมิตร … ต่อสู้กับ ราชันงู !

 

ทันใดนั้น มีแสงเปล่งพุ่งมาจากอีกฝั่งของเทียนฟา และเงาอันทรงพลังก็พุ่งออกไป  ความจริงมันเหลือเพียงภาพที่เลือนลางเท่านั้น มันมาอยู่ระหว่าง จวินวูอี้ และ ตงฟางเหวินชิง ราวกับสายผ้า  คว้าตัวผู้ที่ยืนอยู่ระหว่างพวกเขา จวินโม่เซี่ย  จากนั้น หายไปเช่นเดียวกับสายฟ้า และทิ้งไว้เพียงแค่เงาลางๆเท่านั้น

 

เงารางๆสองเงามาถึงที่ฝั่งซ้ายและขวาของสนามรบ  พวกมันเข้มข้นจนดูราวกับเป็นเส้นตรงที่ขนานกัน  ความจริง  พวกเขาดูเหมอืนเป้กองทหารที่ยืนเรียงขนาบกันไป  และหายไปหลังจากนั้น …

 

” อวตาลล้านเงา !  โลกาคุมขัง ! ”

เล่ยเปายู่ และ ปู้กวงเฟิง ร้องเตือน  ทั้งสองตกตะลึงเมื่อได้เห็นเคล็ดวิชาที่ล้ำลึกของ ราชันเทียนฟา

 

มีเคล็ดวิชาลับมากมายเพียงใดที่ ประสกเหมย ผู้นี้มีเก็บไว้ ?  หรือความแข็งแกร่งของเขานั้น เทียบเท่ากับ ราชันแห่ง โลกเซียนอมตะ ?

 

แต่ … เทียนฟา … ยัง ….

บุรุษทั้งสองกำลังจะกลืนน้ำลาย

 

ประสกเหมยใช้เคล็ดอันล้ำลึกของนางเพื่อจับตัวจวินโม่เซี่ย  เป็นเคล็ดเดียวกันที่นางใช้เพื่อจัดการกับ ลีจื้อเทียนก่อนหน้านี้ โลกาคุมขัง จวินโม่เซี่ย ได้หลบหนีจากเงื้อมมือของนางก่อนหน้านี้  และนางก็สับสนว่าเป็นได้อย่างไร … แต่นางมั่นใจว่ามันเป็นเคล็ดวิชลึกลับอย่างแน่นอน

 

แต่ นางก็จับจุด และคิดได้ว่า เป็นไปได้อย่างมากที่ คุณชายน้อยจวิน เป็นศิษย์ของ ยอดปรมาจารย์ลึกลับผู้นั้น  นั่นสามารถอธิบายถึงเคล็ดวิชาลึกลับของเขาได้ นางไม่เข้าใจเคล็ดวิชานั้น นางไม่อาจหาวิธีรับมือกับมันได้  แต่ การเฝ้าระวังเจ้าเด็กนั้นไว้ และ การสามารถยับยั้งความปรารถนาของนางได้ เป็นสองเรื่องที่แตกต่างกัน !

 

ดังนั้น ประสกเหมย จึงใช้เคล็ด โลกาคุมขังเพื่อจับตัวจวินโม่เซี่ย  นางมิได้ใช้เคล็ดวิชานี้ในการพยายามครั้งล่าสุดเพราะนางสัมผัสได้ว่าพลังของเด็กผู้นั้นเป็นเพียงขยะ  ดังนั้น การใช้เคล็ดชั้นเลิศเช่นนี้นั้นฟุ่มเฟือยเกินไป  แต่ นางมั่นใจว่า ฝีมือการหลบเลี่ยงของเขานั้นเป็นเลิศในโลกแม้นว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นไร่ค่า  ดังนั้น นางจึงใช้ความพยายามทั้งหมดและวิชาที่เฉียบคมนั้นเพื่อจับตัวเขา  จากนั้นนางรีบกลับไปยังฝั่งของนาง และโยนเขาก้นกระแทกลงพื้น

 

“ปั้ง!” ความเจ็บปวดพุ่งทะลุร่างของจวินโม่เซี่ยตอนที่เขาปะทะเข้ากับพื้น  เคราะห์ดี ที่ไม่มีก้อนหินอยู่บนพื้น … มิเช่นนั้นต้องมีอะไรบางอย่างแตก …. อืม …

 

จวินวูอี้เลิกคิ้ว  ตงฟางเหวินชิงกระซิบที่หูของเขาอย่างลังเล

” ผู้ที่เพิ่งลงมือไปนั้นคือ ราชันแห่งเทียนฟา … ผู้เดียวกันที่หลงไหลในฝีมืออันยอดเยี่ยมของ จวินโม่เซี่ย ..​และ เราก็ได้ยินว่าคนผู้นี้สนใจจักรับจวินโม่เซี่ยเป็นศิษย์  ในสานตาข้า เรื่องนี้ถือเป็นโชคดีมากกว่าโชคร้ายสำหรับจวินโม่เซี่ย  เช่นนั้น อย่าประมาท ”

ดวงตาของจวินวูอี้เต็มไปด้วยความกังวล  แต่ เขารู้ว่าเขาไม่อาจทำอะไรกับราชันเทียนฟาผู้ทรงพลังได้  เขาได้แต่ภาวนาให้จวินโม่เซี่ยกลับเทียนเชียงอย่างปลอดภัย

 

ไม่มีผู้ใดคาดว่า ประสกเหมย จักลงมือ หรือใช้เคล็ดวิชานี้  ความจริง แม้แต่จวินโม่เซี่ยก็มิได้คาดคิด  แต่ เขาก็ได้รู้ว่าเขามิอาจขยับตัวได้ในตอนที่เขาคิดจักตอบโต้  จากนั้นคุณชายน้อยจวินก็มีความคิดที่จักเข้าไปใน เจดีย์หงส์จวิน เพื่อหลบหนี ท้ายที่สุดแล้ว วิญญาณของเขาก็ยังเชื่อต่อกับ เจดีย์  แต่ เขาต้องตกตะลึงที่พบว่าร่างของเขายังไม่ไปใหน

 

ร่างของเขานั้นแข็งทื่อไร้ชีวิต !

 

ประสกเหมยสามารถสกัดปราณทั้งหมดได้ภายใน โลกาคุมขัง จวินโม่เซี่ยคืนสู่สภาพเดิมภายในกรงนี้  นี่คือ … เขากลับไปยังจุดเริ่มต้น  วิญญาณของเขาสามารถเข้าไปใน เจดีย์หงส์จวินได้ แต่ร่างของเขาเข้าไปไม่ได้  จวินโม่เซี่ยเกลียดสิ่งนี้ … อย่างแท้จริง !

ตาแก่ผู้นี้ต้องการอะไร …. ?  เหตุใดเขาจึงทำกับข้าเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า … ?!

 

ข้าทำสิ่งใดให้เขาโกรธเคือง ?  เหตุใดต้องกระทำไร้ปราณีเช่นนี้ ?!  หรือว่าเจ้าเสพติดการทำร้ายข้า ?  เจ้าเป็นคนนิยมความรุนแรงหรือ ?!  เหตุใดเจ้าทำร้ายข้าในเมื่อมียอดฝีมือเทพเชวัยนอยู่มากมาย ?  พวกเขาสามารถทำให้เจ้ารู้สึกสำเร็จได้ดีกว่า  เช่นนั้น เหตุใดเจ้าจึงมุ่งเป้ามาที่ข้า ?

จวินโม่เซี่ยยังคงงุนงง

 

” ทำตัว ! เป็นเด็กดีและนั่งนิ่งๆ !  มิเช่นนั้น เจ้าจักต้องเจ็บตัว ”

ประสกเหมยตบก้นของเขา  นางวางร่างของจวินโม่เซี่ยในท่าที่ผู้อื่นจักไม่เห็นการกระทำนี้  จวินโม่เซี่ยที่โดนการข่มเห่งเช่นนี้  ความเจ็บปวดทะลุเข้าไปถึงจิตวิญญาณของเขา แต่เขายังคงอยู่นิ่งๆ  ความจริงแล้ว เขายังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า

 

ปราชญ์รู้ดีว่าจักต้องไม่สู้หากโอกาศไม่เป็นใจ  รอข้าก่อนเถอะ !