โลกาคุมขังของประสกเหมยนั้นเป็นเคล็ดวิชาที่ลึกลับยิ่งและมิอาจประเมินได้
” ข้าไม่ต้องการขยับตัว แต่ พวกเขากำลังควบคุมการการเคลื่อนไหวของข้า ! ”
จวินโม่เซี่ย สถบในใจขณะที่เขานั่งอยู่ตรงหน้าของ ประสกเหมย ด้วยรอยยิ้ม เขามิอาจควบคุมกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้ เมื่อตกอยู่ใต้อำนาจของ โลกที่คุมขัง
” ปั่ง ! ปั้ง ! ปั้ง ! ”
เท้าของนางลอยมาสามครั้ง และเตะไปที่ก้นของจวินโม่เซี่ยอย่างแรง คุณชายน้อยจวิน สถบในใจ ความจริงเขานั้น มีโทสะที่ดุเดือนแล้วตอนนี้
การเตะข้าเป็นกิจวัตรของเจ้าหรืออย่างไร …. ? ตาเฒ่า !
เขาไม่อาจรู้ได้เลย ว่าปากที่ปิดสนิทของ ประสกเหมย นั้นพึมพัม ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ใต้ผ้าคลุมว่า
” ข้ามั่นใจว่าเจ้าต้องการที่จักตีก้นข้าทุกวัน ! ข้าท้าให้เจ้าทำมันอีก ! ข้าท้าให้เจ้าลูบก้นข้าอีก ! ข้าขอท้าเจ้า ! เจ้าเด็กชั่วน่ารังเกียจ ! เกมส์ได้เปลี่ยนไปแล้ว และข้าไม่ปล่อยให้เจ้าตายง่ายๆหรอก ! ”
น่านึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ และ นางเตะขาอีกข้างออกไปอย่างไม่ลดละ ความจริง น่างพึงพอใจอย่างมากทุกครั้งที่ได้เตะก้นของเขา ดูเหมือนนางจะเสพติด เนื่องจากนางเอ่ยว่าจานั้นอย่างลับๆขณะที่เตะเขาอย่างต่อเนื่อง การต่อสู้ระหว่าง ราชันงู และปรมาจารย์ที่ห้ายังไม่เริ่มต้นขึ้น แต่ ก้นของจวินโม่เซี่ยบวมจนกลมแล้ว ความจริง มันกลมและเต่งจนเกือบระเบิดออกมา
ตงฟางเหวินชิง เฝ้าดูใส่ใจจากอีกฝั่ง จากนั้นเขายิ้มผ่อนคลายและเอ่ย
” เจ้าเห็นไหม ? จวินโม่เซี่ยยิ้มอยู่ตลอดเวลาเลย ! ดูเหมือนจะมีเรื่องดีเกิดขึ้น ! ”
จวินวูอี้ เพ่งไปขณะที่เขามอง จากนั้น เขายิ้มผ่อนคลายและเอ่ย
” เจ้าเด็กนั่นรวยโชคเสียจริง ! ยอดฝีมือระดับสูงเช่นนั้นเอื้อเฟื้อเขา โม่เซี่ย โชคดีมาก สกุลจวิน นั้นโชคดียิ่งนัก ! ”
” ใช่ แค่เห็นเขายิ้มเช่นนั้น ! ดูเหมือนว่าเขากำลังทำสิ่งที่ยอดเยี่ยม ! ข้าคาดว่า ประสกเหมย คงจะมอบสิทธิพิเศษให้เขาอย่างมาก ! ”
ตงฟางเหวินชิงเอามือลูบคางและหัวเราะ
” เจ้ามิต้องเอ่ย ! ข้าคงมีความสุขมากมายเช่นกันหากเป็นเขา ! สุดท้ายแล้ว คนผู้นั้นคือผู้ที่มีฝีมือรอบด้าน ! ”
ตงฟางเหวินเจี้ยนเหลือบมองไปยังพี่น้องทั้งสาม
ต้องมีอะไรที่เอ่ยอีกอย่างนั้นหรือ ? ผู้ใดจักไม่รู้สึกดีที่ได้รับสิทธิพิเศษเช่นนั้นจากยอดฝีมือระดับนั้นในขณะที่อายุยังน้อย ?
เหตุใดเราไม่โชคดีเช่นนี้ตอนยังหนุ่ม ?
สามพี่น้องอิจฉาอย่างมาก
เลือดเนื้อของพวกเรานั้นใกล้ชิดกับเจ้าเด็กผู้นี้อย่างมาก …
แต่ พวกเขาไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้ว จวินโม่เซี่ย ที่มีความสุขมาก ! ความจริง เขารู้สึก มีความสุขมาก จนเกือบตาย เขาเจ็บปวดอย่างมากจนอยากตาย ก้นของเขาโดนโจมตีไม่หยุดหย่อน ในขณะที่ร่างกายส่วนอื่นๆของเขาบิดไปมา ทั้งร่างของเขาแดงก่ำ และความเจ็บปวดทะลวงลงไปถึงวิญญาณ เขาอยากร้องได้ แต่ใบหน้าของเขาไม่อาจแสดงความรู้สึกใดได้ …
ลุงของเขาจักไม่อิจฉาหากพวกเขารู้ว่า วิธีที่หลายชายของเขามี ความสุขอย่างมาก นั้นคืออะไร ….
จวินโม่เซี่ยรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ก้นของเขาเริ่มเป็นเหมือนลูกโป่ง มันขยายใหญ่ขึ้นสามถึงสี่เท่าจากขนาดเดิม และ เหมือนว่ามันจะขยายขึ้นอีก …
นี่มันก้นขวิดอันใด ? หรือ นี่เป็นบอลลูนลมร้อนอย่างนั้นหรือ ?! ข้ารู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนเก้าอี้สูงแม้นว่าข้ากำลังนั่งเอาก้นลงกับพื้น ….
และจากนั้น เกิดเสียงการเคลื่อนไหวใกล้
” ปรมาจารย์เลือดเย็น เลือดเย็น ? “
น้ำเสียงของราชันงูชัดเจนและไพเราะอย่างมาก มันมีวี่แววของความอ่อนโยน นางกระพริบตา ความจริง ราวกับนางไร้เดียงสาง และอยากรู้อยากเห็นขณะที่นางถามคำถาม
การปรากฏตัวและอากัปกริยาของนางทำให้ดูเหมือนว่านางเป็นเด็กสาวที่ไร้เดียงสาในทางโลก ราวกับนางเขินอายเมื่อได้เห็นคนแปลกหน้า และขวยเขินเกินกว่าจะเอ่ยสวัสดี ทุกคนที่พบเห็นนางจักรู้สึกอยากเข้าไปลูบหัวและเอ่น
” สาวน้อยเด็กดี อย่าได้กลัวไป ข้าจักซื้อขนมของเจ้า …. ”
แต่ ฝ่ายตรงข้ามของนาง เล้ยวูเบ้ย ไม่กล้าคิดเช่นนั้น !
ปราณเชวียนของ ราชันอสูรเชวียน ไม่อาจเทียบกับ แปดยอดปรมาจารย์ได้เว้นแต่ ประสกเหมย แต่ เหตุผลที่พวกเขาโด่งดั่งเทียบเท่า แปดยอดปรมาจารย์ นั้นเพราะร่างกายของพวกเขานั้นเป็นเลิศยิ่ง ความจริง การโจมตีธรรมาทั่วไปนั้นเพียงทำให้พวกเขาคันเท่านั้น
แท้จริงแล้ว ราชันอสูรเชวียน สามารถเทียบได้กับ แปดยอดปรมาจารย์ ได้ด้วยร่างกายชั้นเลิศของพวกเขา … แม้นว่า ลมปราณของพวกเขาจักด้วยกว้าเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาอาจพลิกเกมส์ของคู่ต่อสู้ได้ หากใช้เคล็ดวิชาที่ชั่วร้าย
เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้นดูเหมือน สดใส ตัวเล็ก และบอบบาง … ราวกับนางไม่อาจต้านทานสายลมเบาบางได้ … ราวกับนางเป็นกระเป๋าใส่น้ำ … และ อ่อนแออย่างมาด … แต่ เล้ยวูเบ้ย รู้อย่างชัดเจนว่าร่างของเด็กสาวผู้นี้เป็น ราชันงู !
ยิ่งไปกว่านั้น นางเป็นหนึ่งในผู้ที่มีพิษสงที่สุดใน ป่าเถียนฟา !
ข้าสงสัยว่าผิวของนางจักแดงด้วยซ้ำหากข้าต่อยนาง แต่ ข้าอดทนได้ไหมหากนางต่อยข้า ?
” เจ้าคือ ราชันงู ? เป็นเกียรติที่ได้พบ ! ”
เล้ยวูเบ้ยทำตัวราวเผชิญหน้ากับศัตรูชัดเลิศ เขาพลิกมือ และดึงกระบี่ปันเลื่อยที่เปล่งประกายออกมา ฝั่งนึงเปล่งประกายเจิดจ้า มันเปล่งประกายจนอาบร่างของคนได้ด้วยแสงนั้น ความจริง มันดูราวกับเป็นมีดที่ใช้บนโต๊ะอาหาร แต่ อีกฝั่งเป็นฟันเลื่อยที่ถี่ยิบ ชัดเจนว่าเป็นส่วนที่ร้ายแรงกว่าอาวุธมีคมอื่นๆ
จวินโม่เซี่ยเข้าใจถึงการได้รับเลือกอย่างชัดเจนเมื่อได้เห็นอาวุธของเขา เหตุผลแรก คือพวกเขาไม่มีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ แต่ อาวุธที่ร้ายแรงเป็นปัจจัยที่สำคัญในการเลือกเขา อาวุธนั้นสร้างความเสียหายให้แก่อสูรเชวียนได้อย่างมาก แม้นว่าหนังของพวกเขาจะหนา ยิ่งไปกว่านั้น ฟันเลื่อยจักเป็นอันตรายกับผิวหนังที่งดงามของ ราชันงู โดยเฉพาะ
ราชันงูเขียว นักล่าสีเขียว ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างอ่อนช้อยและเหนียมอาย ความจริง นางดูเหมือนจะน่ารัก และสงสารในเวลานั้น นางตกใจเล็กน้อยขณะที่ตะโกน
” ยอดปรมาจารย์เล่ย ! ช่างเป็นอาวุธที่น่าหวาดกลัว ! ท่านเลือดเย็นอย่างแท้จริง ! ”
นางอุท่านออกมาด้วยความตกใจครั้งแรก จากนั้นนางเคลื่อนมือมาปิดปากเล็กของนาง ดูเหมือนว่านางกำลังจะหันหลังหนี …
จวินโม่เซี่ยไม่อาจขยับส่วนใดของร่างกายได้ … ยกเว้นดวงตา ดังนั้น เขาจึงกรอกมันไปรอบๆ และ เห็นได้ชักว่าเขาใช้ประโยชน์จากมันได้ดี เขาเห็นว่าเสื้อคลุมของ ราชันงู นั้นรัดอย่างมากตรงรอบบ่าเล็กของนาง แต่ ตรงแขนเสื้อของนางไม่เป็นเช่นนั้น แขนเสื้อของนางกว้างออกมา ความจริงแล้วพวกมันเกือบจะห้อยลงถึงพื้น
แปลกมาก แปลกที่สุด
ดังคาด เล้ยวูเบ้ย คำรามทางจมูกเมื่อได้ยินวาจาของ ราชันงู จากนั้นเขาก็ฟันไปด้านข้าง และอาวุธยาวเป็นพิเศษของเขาก็สับลงไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เกิดขึ้นคือ กระบี่ปะทะไขว้กันกลางอากาศ ราวกับมีสายฟ้าเล็กๆสองเส้นปรากฏขึ้นในอากาศ ขณะเดินเสียง ฉิ้ง ฉิ้ง งูขนาดเท่าตะเกียบสองตัวถูกตัดเป็นชิ้นเล็กๆสี่ชิ้น จากนั้น พวกมันร่วงลงไปบนพื้น ขณะดิ้นด้วยความเจ็บปวด
” เจ้าคู่ควรกับชื่อเสียงที่ชั่วร้ายอย่างแท้จริง ราชันงู ! ”
เล้ยวูเบ้ย คำรามทางจมูโกรธเคือง ใบหน้าหม่นหมองของเขาเปลี่ยนสี งูสองตัวนั้นมีพิษร้ายแรง สถานะ ยอดปรมาจารย์ จะไม่ช่วยเขา หากเขาโดนกัด แน่นอนว่าเขาจักไม่ตาย แต่จักเป็นอัมพาตไปชั่วระยะหนึ่ง
เข้าจักเป็นอัมพาตเพียงหนึ่งหรือสองอึดใจ แต่ นั่นก็เพียงพอที่จักให้คนที่มีระดับ ราชันงู ใช้กระบวนท่าได้นับร้อยครั้ง และ มันจักต่างไปมากหากเป็นเช่นนั้น ….
“เจ้ากล่าวหาข้าผิดไป ! ผู้คนจักทำสิ่งใด ?! “
ราชันงูยิ้มน่าเอ็นดู
” โอ้ นั่นอะไร ? ช่างงน่ากลัวยิ่งนัก ! ”
นางเอ่ยขณะมองไปยังงูที่อยู่บนพื้น ดวงตาของนางกลมโต … ราวกับนางกำลังตกตะลึง
มีของ เล้ยวูเบ้ยกระทบพื้นดังปั้ง ขณะที่มันปะทเข้ากับงูอีกตัว สิงนี้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและมุ่งเป้าไปที่ คอของ เล้ยวูเบ้ย และ นั่นจะส่งผลแต่ชีวิตอย่างเงียบๆ ไม่เหลือเงาของงูภายใต้แสงตะวัน การโจมตีของราชันงูนั้นแทบจักป้องกันมิได้เลย นางต่อสู้กับคู่ต่อสู้ด้วยการเอ่ยวาจาอ่อนหวาน และจากนั้น นางก็ใช้พิษเล่นงานพวกเขาให้ตายอย่างเงียบๆ
จวินโม่เซี่ยมองไปที่ฉากนั้น และรู้สึกเป็นไปทั่วแผ่นหลัง มันเป็นสิ่งที่เรีบกว่าไม่อาจตัดสินคนจากภายนอกได้อย่างแท้จริง
ผู้คนอาจจะคิดว่านางเป็นเด็กสาวน่ารักผู้ที่ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ … ซึ่งทำให้นางไม่เป็นปิศาจร้ายและอันตรายกับมนุษย์ ผู้ใดจักคิดว่านางจักโจมตีอย่างชั่วร้ายใส่ เล้ยวูเบ้ยถึงสามครั้งในชั่วพริบตา ! เป็นเหมือนการเอ่ยว่า ท่านพี่อย่างสุภาพขณะขโมยสิ่งของจากกระเป๋าของเขาอย่างรวดเร็ว สำนึกลของนางต่ำเตี่ยเรี่ยดิน
สถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ราชันงูสะบัดเอวคอดของนางและร่างกายที่งดงามของนางหมุนอย่างรวดเร็ว และจากนั้น แขนเสื้อของนางหลุดออก หลังจากนั้น รูปร่างของมันเปลี่ยนไปราวกับมีมังกรสีเขียวสองตัวพุ่งออกมา ความจริง พวกมันยืดออกไปได้ราวยี่สิบเมตร พวกมันสามารถยืดไปที่ใดก็ได้ …. ไกลเท่าใหร่ก็ได้ เสียงหวีดีหวิวดังขึ้นขณะที่พวกมันกลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับ มหาสมุทรสีเขียวที่ล้อมรอบตัวของ เล้ยวูเบ้ย ไว้
สิ่งนี้แสดงถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของราชันงู
และ นี้เป็นเพียงการเริ่มต้น
เงาสีดำของ เล้ยวูเบ้ย ยื่นออกมาจาก มหาสมุทรสีเขียวราวกับปะการัง เขายืนสงบนิ่งราวกับเสาหินท่ามกลางพายุคลื่น
จากนั้นเสียงคำรามล้ำลึกดังขึ้น ความไม่พอใจของราชันงูรุนแรงขึ้นแทนที่จะหยุดลง จากนั้นร่างอันงดงามลอยขึ้นบนท้องฟ้า และ ดูเหมือนว่าร่างนี้จักเต้นอย่างสง่างามอยู่เหนือคลื่นสีเขียว ความตริง มันเหมือนกับ นางฟ้าจากสวรรค์ชั้นเก้าที่เคลื่อนตัวลงมาเหนือคลื่น
จากนั้นนางพลิกมือและยกขึ้น แสงดารามากมายส่องประกายระยิบระยับ จากนั้น ดวงดาราเหล่านี้เปล่งประกายอีกครั้ง และพุ่งตรงไปที่ เล้ยวูเบ้ย ราวกับสายน้ำ แต่ สีหน้าของราชันงูยังคงไร้เดียงสาและสนุกสนาน ราวกับนางกำลังมีความสุขอย่างมากในการเล่นเกมส์นี้จนไม่อยากให้มันจบลง
เล้ยวูเบ้ย ไม่อาจอยู่ในมหาสมุทรเขียวนั้นได้ และ ในที่สุดปรมาจารย์เลือดเย็น ก็จำต้องเคลื่อนไหว เสียงอันลึกลับดังขึ้นขณะที่กระบี่นาวของเขาไขว้กัน และกลิ่นไออันสง่างามและทรงพลังก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากตัวเขา มันค่อยๆกระจายออกมาจากใจกลางของมหาสมุทรสีเขียวอย่างช้าๆและต่อเนื่องราวกับลำอองน้ำสีขาวจากเกลียวคลื่นในมหาสมุทร …
กระบี่ที่ปกคลุมด้วยกลิ่นไอลอยสูงขึ้นสรวงสวรรค์ ผู้ที่เฝ้าดู ยอดปรมาจารย์ อยู่ข้างๆใช้ปราณเชวียนของเขาคุ้มกันตัวเองอย่างแข็งแกร่ง กระบี่ของ เล้ยวูเบ้ยจักพุ่งทะลุแนวป้องกันของพวกเขาหากไม่ทำเช่นนั้น และตกลงมายังกลุ่มคนที่เฝ้าดูอยูราวกับ มังกรที่ข้ามผ่านแม่น้ำ ความจริง ใบมีดของเขาจักทำให้เกิดการนองเลือดบนเส้นทางที่มันผ่านไป เราต้องชดใช้ให้ฝั่งตัวเองอย่างมากหากตั้งใจทำร้ายผู้อื่น …
เล้ยวูเบ้ย มีความได้เปรียบหลังจากที่เขาเปิดการโจมตีตอบโต้หลังจากนั้น แต่ ราชันงู พยายามที่จักกลัมาควบคุมสถานการณ์อีกครั้ง แขนและขาที่มีสีขาวงดงามราวหยกของนางเริ่มเคลื่อนไหวเร็วขึ้น และ ใบหน้าละเอียดอ่อนของนางเปลี่ยนเป็นจริงจัง หลังจากนางโบกแขนสีขาว ดาราอันเยือกเย็นทั้งหมดรวมตัวกันเป็นสายธารและเปล่งประกายแสงเจิดจ้า
สมรภูมิที่แสดงการต่อสู้ที่ดุเดือดและสยดสองก่อนหน้านี้ได้กลายเป็นสถานที่ซึ่งดงดงามอย่างไม่อาจคาด ละอองสีขาวยังคงสาดส่องจากใจกลางมหาสมุทรอย่างต่อเนื่อง และยังเปล่งแสดงอันเยือกเย็นไปยังท้องฟ้า นี่เป็นฉากที่งดงามอย่างมาก
ทุกผู้ที่ได้เป็นฉากนี้รู้สึกผ่อนคลาย …. แม้นพวกเขาจักรู้สึกถึง จิตสังหาร อันแรงกล้าภายใน
ทิวทัศน์นี้เป็นสิ่งที่บอกได้ว่ามิได้มีอยู่ในโลกมนุษย์
ตอนต่อไป →