ตอนที่ 1697 เซียนดาบชิงฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จ

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1697 เซียนดาบชิงฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จ

อานุภาพของหน้าหนังสือสีทองนั้นไม่ได้มีแค่การเล่นงานศัตรูจนราบคาบ แต่ยังช่วยซึมซับความรู้ที่เขาถ่ายโอนไว้ในหอสมุดเทียบฟ้าและยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณได้ด้วย

เขาเคยใช้หน้าหนังสือสีทองยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณมา 2 ครั้งแล้ว ซึ่งแต่ละครั้งมันก็เพิ่มขึ้นทีละ 5.0 ถ้าเขาใช้หน้าหนังสือสีทองทำแบบเดิมอีกครั้ง จะก้าวผ่านด่านคอขวดที่ 29.9 ไปได้หรือเปล่า? หากทำได้ เขาก็จะมีสภาวะจิตที่เทียบเท่ากับนักรบขั้นนักปราชญ์โบราณ

จางเซวียนเคยเผชิญหน้ากับนักปราชญ์โบราณมาแล้วครั้งหนึ่ง และสังหารอีกฝ่ายด้วยหน้าหนังสือสีทองก่อนที่หมอนั่นจะทันได้ทำอะไร แต่จากการที่เขาเก็บศพของนักปราชญ์โบราณตัวนั้นไว้ในแหวนเก็บสมบัติ จึงพอรู้คร่าวๆว่านักปราชญ์โบราณนั้นน่าพรั่นพรึงขนาดไหน หากเขายกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณให้สูงขึ้นได้กว่านี้ แล้วเขาจะสามารถปกป้องตัวเองเมื่อต้องเผชิญหน้ากับนักปราชญ์โบราณหรือเปล่า?

แม้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาจะยังอ่อนด้อย แต่ตราบใดที่สภาวะจิตมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ก็น่าจะใช้การปลอมตัวล่อลวงนักปราชญ์โบราณได้

สภาวะจิตเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการปลอมตัว หากระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของเขาสูงถึงขั้น คนอื่นๆก็จะมองทะลุการปลอมตัวของเขาได้ยาก

“ขอลองดูหน่อยเถอะ!” จางเซวียนคิดอย่างตื่นเต้น

เขาหวนนึกถึงความรู้สึกครั้งแรกที่ใช้หน้าหนังสือสีทองยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณ จากนั้นก็หลับตาลงและเพ่งสมาธิ เพิ่มระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณ*!*

ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ

จางเซวียนหลับตาลงอีกครั้งและเพ่งสมาธิ เพิ่มระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณ*!*

ก็ยังคงไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ

หน้าหนังสือสีทองยังคงลอยอยู่ในหอสมุดเทียบฟ้าอย่างเงียบเชียบ ดูเหมือนจะเยาะเย้ยการกระทำ อันไร้ผลของเขา

ได้โปรดเถอะช่วยผมยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณหน่อย!

ผมเลือกคุณหน้าหนังสือสีทอง!ทำลายด่านคอขวดให้ผมที!

ฮึบบบบบบ*!อีกแค่ 0.1 เท่านั้น…*

…..

หลังจากเสียเวลาไปกับหน้าหนังสือสีทองอยู่ครู่หนึ่ง จางเซวียนก็ได้แต่นวดหว่างคิ้วด้วยความกลุ้มใจ

เท่าที่เห็น ดูเหมือนเขาไม่สามารถพึ่งพาหน้าหนังสือสีทองให้ช่วยยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณได้อีก

การฝึกฝนสภาวะจิตนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ!

หลังจากนี้ เขาต้องเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้อันยาวนาน หากวันเดียวไม่เพียงพอ ก็จะต้องใช้เวลา 2 วัน…หาก 2 วันยังไม่ได้ผล ก็ต้องใช้เวลา 3 วัน หรือไม่อย่างนั้น…ครึ่งเดือนก็น่าจะนานพอให้เขาทำสำเร็จ ใช่ไหม?

ถ้าไม่สำเร็จ เขาก็จะพุ่งเป้าไปที่ความพยายามในการให้ได้การยอมรับเป็นปรมาจารย์ฟ้าประทานครั้งที่ 6 หรืออะไรทำนองนั้น ซึ่งก็คงจะได้ผลเช่นกัน

จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่และกำลังจะดูว่าเซียนดาบชิงเป็นอย่างไรบ้าง ก็พอดีกับที่รู้สึกได้ว่ามีพลังจิตวิญญาณพุ่งตรงเข้าใส่

เขาหันไปมอง และเห็นว่าภายในเวลาไม่นานหลังจากที่ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของเซียนดาบเหมิงถึงระดับ 29.9 วรยุทธของเธอซึ่งหยุดชะงักอยู่ที่ขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณ โลกจารึกมาเนิ่นนานก็เพิ่มสูงขึ้น เข้าสู่ขั้นชั่วกัลปาวสาน!

เซียนดาบเหมิงเป็นนักรบที่ปราดเปรื่องมาก แต่เหตุผลที่ก่อนหน้านี้เธอไม่สามารถฝ่าด่านวรยุทธได้ ก็เพราะปมในใจที่เกิดจากการสูญเสียลูกชาย แต่ในเมื่อตอนนี้เธอได้พบกับลูกชายและยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณได้แล้ว เซียนดาบเหมิงจึงทำลายด่านคอขวดที่กีดขวางอยู่ได้สำเร็จและฝ่าด่านวรยุทธได้อีกครั้ง

สำหรับวรยุทธระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 4-ชั่วกัลปาวสาน คำว่า ‘ชั่วกัลปาวสาน’ หมายถึง ความเป็นอมตะและความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณต้นกำเนิด ไม่มีปัจจัยภายนอกใดๆที่จะทำให้อารมณ์ของผู้นั้นหวั่นไหวได้ และเพียงแค่ใช้ความคิด นักรบผู้นั้นก็สามารถฉีกกระชากมิติออกเป็นชิ้นๆได้

นี่คือพละกำลังของนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดานักรบที่มีวรยุทธต่ำกว่าขั้นนักปราชญ์โบราณ

ขณะที่พลังจิตวิญญาณพุ่งเข้าสู่ร่างของเธอ วรยุทธของเซียนดาบเหมิงก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นว่าเซียนดาบเหมิงคงต้องใช้เวลาขัดเกลาวรยุทธสักระยะ จางเซวียนจึงมอบยาเม็ดเกรด 9 ให้กับอีกฝ่าย

ยาเม็ดนั้นละลายทันทีที่เข้าปากของเธอ และพลังจิตวิญญาณจำนวนมหาศาลก็พวยพุ่งเข้าสู่ร่างของเซียนดาบเหมิงทันที ด่านคอขวดที่เคยกีดขวางเธอไว้ก่อนหน้านี้ถูกทำลายไปในชั่วพริบตา

หลังจากแน่ใจแล้วว่าเซียนดาบเหมิงจะไม่เผชิญกับปัญหาใดๆในการฝ่าด่านวรยุทธ จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่

มีอันตรายมากมายแฝงอยู่ในวิหารแห่งขงจื๊อ ไม่ว่าจะเป็นจากบรรดาผู้ที่เข้าไปสำรวจหรือจากกับดักต่างๆที่ถูกฝังไว้ภายใน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เซียนดาบชิงเหมิงจะต้องทำตัวให้แข็งแกร่งกว่าเดิม เพื่อจะได้ปกป้องตัวเองได้

ถึงจางเซวียนจะเป็นแค่วิญญาณที่ทะลุมิติมา แต่เขาก็เห็นเซียนดาบชิงเหมิงเป็นเหมือนญาติสนิท และจะไม่มีวันปล่อยให้อันตรายเกิดขึ้นกับทั้งคู่

จางเซวียนหันกลับไปมองเซียนดาบชิงซึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้าลูกบอลคริสตัล เขาเห็นว่าระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของอีกฝ่ายกำลังเพิ่มขึ้นในอัตรา 0.1 อย่างสม่ำเสมอเหมือนกับเซียนดาบเหมิง ซึ่งใช้เวลาไม่นาน ตัวเลขก็เพิ่มขึ้นไปจนถึง 29.9

“พ่อมาถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้วเหมือนกัน…” เซียนดาบชิงพูดด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย

“ท่านพ่อกำลังจะฝ่าด่านวรยุทธใช่ไหม?” จางเซวียนถาม

“พ่อไม่รีบหรอก พ่อเพิ่งฝ่าด่านวรยุทธของสภาวะจิตไป คงต้องบ่มเพาะมันสักพักกว่าจะพร้อม” เซียนดาบชิงตอบ

“ไม่จำเป็นหรอก รีบทำให้สำเร็จเถอะ ผมตรวจสอบสภาวะของท่านพ่อแล้ว เหตุผลที่ก่อนหน้านี้ท่านพ่อไม่สามารถฝ่าด่านวรยุทธได้ก็เพราะมีสิ่งอุดตันอยู่ในทางเดินพลังปราณหลายตำแหน่ง ผมมียาเม็ดหนึ่งที่จะช่วยให้ท่านพ่อแผ้วถางทางเดินพลังปราณได้ แล้วการเข้าถึงวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานก็จะเป็นไปได้อย่างง่ายดาย” จางเซวียนพูดขณะยื่นยาเม็ดหนึ่งให้เซียนดาบชิง

ในเมื่อท่านแม่ฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จแล้วท่านพ่อยังจะมีแก่ใจบ่มเพาะสภาวะจิตของตัวเองอยู่หรือแค่นี้ยังช้ำใจไม่พอหรือไง*!อยากจะให้สถานภาพของตัวเองในครอบครัวร่วงหล่นไปกว่านี้อีกใช่ไหม?*

“พ่อ…” เซียนดาบชิงถึงกับอึ้งเมื่อเห็นท่าทีของลูกชาย

นี่เราโดนลูกชายดูถูกที่ฝึกฝนวรยุทธช้าไปอย่างนั้นหรือ*?*

มันเป็นการตำหนิที่รุนแรงไม่เบา แต่เซียนดาบชิงก็ไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร

เมื่อ 1 ปีก่อน ตอนที่ลูกชายของเขาเพิ่งเริ่มต้นการเป็นนักรบ ตัวเขาเองเป็นนักรบขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณ

ครึ่งปีผ่านไป ลูกชายของเขาสำเร็จวรยุทธระดับเซียน แต่ตัวเขาเองก็ยังคงเป็นนักรบขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณ

เมื่อ 2-3 วันก่อน ลูกชายของเขาฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 1-การพักฟื้นภายใน แต่ตัวเขาก็ยังคงเป็นนักรบขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณ

มาถึงวันนี้ ลูกชายของเขาเป็นนักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติแล้ว แต่ตัวเขา…ก็ยังคงเป็นไอ้งั่งที่มีวรยุทธขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณอยู่เหมือนเดิม!

ถ้าเขาไม่รีบผลักดันตัวเอง คงถูกลูกชายแซงแน่

เซียนดาบชิงกลืนยาเม็ดนั้นลงไปโดยไม่ลังเล เมื่อพลังจากยาซึมซาบไปทั่วร่าง เขาก็รู้สึกได้ว่ามีกระแสพลังปราณเข้มข้นไหลเวียนไปทั่วทางเดินพลังปราณ ทำลายสิ่งอุดตันต่างๆให้หายไปในชั่วพริบตา

จากนั้น รังสีอันทรงพลังก็ระเบิดออกจากร่างของเขา หลังจากที่วรยุทธต้องชะงักงันมาหลายปี ในที่สุดเซียนดาบชิงก็ฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ!

“เอ่อ…”

เมื่อเห็นว่าตัวเองฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จก่อนที่จะทันได้ทรุดตัวลงนั่งเพื่อฝึกฝนวรยุทธ เซียนดาบชิงได้แต่จังงัง

การฝ่าด่านวรยุทธครั้งนี้จะง่ายไปหน่อยไหม?

แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมัวตกตะลึง จึงรีบหลับตาลงและขัดเกลาวรยุทธของตัวเอง

เมื่อเห็นทั้งท่านพ่อและท่านแม่สำเร็จวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานแล้ว จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาหันไปถามหลัวลั่วชิงกับหวู่เฉิน “ยังมีเวลานะ พวกคุณจะทดลองไหม?”

“ขอบคุณที่เสนอแนะให้ แต่ไม่จำเป็นหรอก ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของทั้งนายหญิงและตัวผมมาถึงด่านคอขวดแล้ว การที่พวกเราจะฝึกฝนวรยุทธของสภาวะจิตต่อไปถือว่าไม่มีประโยชน์อะไร” หวู่เฉินประสานมือ

“ด่านคอขวด? ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของพวกคุณคือ 29.9 เหมือนกันหรือ?”

จางเซวียนชะงัก

เขารู้ดีว่าหวู่เฉินกับหลัวลั่วชิงไม่ใช่นักรบขั้นชั่วกัลปาวสานทั่วไป แต่ไม่คิดว่าระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของทั้งคู่จะอยู่ที่ 29.9 เหมือนกัน ดูเหมือนภูมิหลังของทั้งสองคนจะน่าประทับใจกว่าที่เขาคิด

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เสร็จธุระแล้ว” จางเซวียนพูด เขาหันไปมองชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆและถามว่า “พวกเราใช้ลูกบอลคริสตัลไปยังไม่ถึง 1 ชั่วโมงเลย คุณจะชดเชยเวลาที่เหลือให้พวกเราหรือเปล่า?”

“….” แก้มของชายวัยกลางคนถึงกับกระตุก

ขณะที่นักรบคนอื่นๆใช้เวลา 2 ชั่วโมงเต็มด้วยความหวังว่าจะยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณได้สัก 0.1 แต่นักรบทั้งสามกลับใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงในการยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของตัวเองขึ้นไปได้ถึง 29.9 ยิ่งไปกว่านั้น ยังร้องขอการชดเชยด้วย!

สาบานเลยว่าไม่เคยเจอใครขี้เหนียวขนาดนี้มาก่อน!

“อะไรกัน คุณจะไม่ชดเชยให้พวกเราหรือ?” จางเซวียนขมวดคิ้ว

“ไม่ใช่อย่างนั้น ถือเป็นเกียรติสูงสุดของโดมหัวใจของเราที่ได้ต้อนรับพวกคุณ”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายจริงจังในการร้องขอการชดเชย ชายวัยกลางคนสะบัดข้อมือและยื่นของล้ำค่าระดับเซียนขั้นสูงสุดคืนให้

ดูเหมือนเขาจะขาดทุน แต่ข้อเท็จจริงที่ว่ามีนักรบสามคนสามารถยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณได้ถึง 29.9 ภายในโดมหัวใจของเขา ก็ถือเป็นการโฆษณาที่ประเมินค่ามิได้แล้ว

ถึงอย่างไรก็ถือว่าเขาชนะ

“ต้องแบบนี้สิ…” จางเซวียนพยักหน้าอย่างพอใจขณะเก็บของล้ำค่าระดับเซียนขั้นสูงสุดเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ

ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับก่อนจะหันไปมองลูกบอลคริสตัล นัยน์ตาของเขาเป็นประกายขณะครุ่นคิด ในเมื่อคนเหล่านี้ฝ่าด่านวรยุทธของระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณได้อย่างรวดเร็วแล้วจะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเราจะทำแบบนั้นได้เหมือนกัน?

เมื่อเกิดความคิดนั้นขึ้น ชายวัยกลางคนก็แอบเดินไปหาลูกบอลคริสตัล

ค่ายกลในลูกบอลนี้จะถูกเปิดใช้งานทีละ 2 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ในเมื่อบรรดาแขกเหรื่อไม่คิดจะใช้มันอีกแล้ว จะปล่อยให้เวลาเสียไปเปล่าๆก็ไม่ดี เขาลองใช้เองน่าจะดีกว่า

ชายวัยกลางคนทาบฝ่ามือลงบนลูกบอลคริสตัล หลังจากเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของเขาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง

ในตอนนั้นเอง เขาถึงได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วการยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับลูกบอลคริสตัลของเขาเลย…