ตอนที่ 472 รักษาศักดิ์ศรีของตัวเองบ้าง
เธอเห็นเบอร์โทรที่ไม่มีบันทึกไว้ แต่เขียนกำกับว่าโทรจากเมืองเอฟ “แปลกจริง ใครโทรมานะ” เธอบันทึกเบอร์โทรของเหอเย่ว์และหลิ่วเฟยซวงไว้ คนอื่นที่เธอรู้จักทั้งหนานหลิวเฟิง เฟิงฉี่และหลานเย่หมิงก็แลกเบอร์กันไว้ เธอนึกไม่ออกว่าเป็นใคร แม้อีลั่วเสวี่ยจะนึกสงสัยแต่ก็ยังรับสาย
“ฮัลโหล?”
เธอเพิ่งพูดก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย “อีลั่วเสวี่ย สวัสดี ฉันเอง ฟางจื่อชิว”
ฟางจื่อชิว? เธอโทรมาหาตนเองเพื่ออะไร อีลั่วเสวี่บนึกสงสัย แต่เธอยังคงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อ้อ คุณฟางนั่นเอง มีเรื่องอะไรหรือ?”
ไม่มีธุระคงไม่มาเยือนถึงที่ การโทรหาก็เช่นเดียวกัน ฝ่ายนั้นคงลำบากกว่าจะได้เบอร์โทรของตน คงไม่ใช่โทรมาคุยเล่นแน่นอน แล้วเป็นไปดั่งคาด
“อีลั่วเสวี่ย ตอนนี้ฉันไม่ได้มาต่อรองกับคุณ ถ้าอยากช่วยเฉวียนหมิงล่ะก็ หย่ากับเขาซะ” น้ำเสียงฟางจื่อชิวสะใจมาก แฝงด้วยการข่มขู่
อีลั่วเสวี่ยแปลกใจ “หย่า? คุณไม่ได้กินยาผิดขนานนะ ทำไมฉันต้องหย่า อีกอย่างที่คุณพูดหมายความว่าอย่างไร?”
“เธอคงยังไม่รู้สิ เวลานี้เฉวียนกรุ๊ปกลังเผชิญเรื่องเดือดร้อน เดือร้อนมากด้วย อาจจะถึงขั้นล้มละลาย เรื่องเกิดขึ้นนานขนาดนี้แล้ว เธอกลับไม่รู้อะไรเลย ตรงกับที่คนอื่นบอกว่าเธอเดินทางไปที่อื่น ฮ่า ฮ่า ต่อให้เดินทางไปไกล แต่เธอไม่อ่านข่าวเลยหรือ ไม่เอาใจใส่เฉวียนหมิงแบบนี้ ไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงชอบผู้หญิงที่ไม่มีหัวใจอย่างเธอ”
ขณะที่ฟางจื่อชิวพูด อีลั่วเสวี่ยบอกให้เจ้าลูกบอลเงินรวบรวมข่าวเกี่ยวกับเฉวียนกรุ๊ปในเมืองเอฟแล้ว แล้วถ่ายทอดเขาสู่สมองเธอ
“ทำไมไม่พูด เป็นใบ้ไปแล้วหรือ?” ฟางจื่อชิวเห็นอีลั่วเสวี่ยเงียบไป มองมือถือทันที คิดว่าเธอวางสายไปแล้ว
หลังจากอีลั่วเสวี่ยวิเคราะห์แล้วก็ยิ้ม “ที่แท้คุณใช้อุบายแบบนี้ ไงหรือ สามีฉันปฏิเสธคุณใช่ไหม?” เธอไม่ต้องคิดก็เดาออก เรื่องทำนองนี้มีดาษดื่นในทีวี
นางรองบังคับให้พระเอกแต่งงานกับตน ไม่งั้นจะทำให้ธุรกิจเขาพังทลาย แต่น่าเสียดายที่เฉวียนหมิงไม่ใช่ผู้ชายอ่อนแออย่างนั้น เธอเองก็ไม่ใช่นางเอกอ่อนแอที่ปล่อยให้คนอื่นรังแกตามใจชอบ
ฟางจื่อชิวนึกอิจฉาทันทีที่ได้ยินคำว่าสามี “เธอน่าไม่อาย ฉวยโอกาสที่ฉันไม่อยู่แย่งเขาไปครอบครอง เธอติดวาเฉวียนหมิงชอบเธอจริงๆ หรือ เป็นไปไม่ได้!”
“เป็นไปได้หรือไม่ คุณเองรู้ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องโกหตัวเองด้วย” อีลั่วเสวี่ยรู้สึกจนปัญญา ผู้หญิงคนนี้เอาความเชื่อมั่นมาจากไหนว่าเฉวียนหมิงจะชอบเธอ หรือเขาไม่ได้แสดงออกอย่างเปิดเผยหลายครั้งแล้วว่าในสายตาเขาไม่มีเธอเลย
เดิมฟางจื่อชิวนึกแค้นใจอยู่แล้ว ขณะนี้พอได้คุยกับอีลั่วเสวี่ยเพลิงแค้นในใจก็แทบจะระเบิดออกมา
“อวดเก่งเถอะ ฉันจะคอยดูว่าเธอทำให้เฉวียนกรุ๊ปและเฉวียนหมิงพ่ายแพ้ยับเยินอย่างไร! ถึงตอนนั้นอย่าลืมมาอ้อนวอนฉัน!” หลังจากฟางจื่อชิวพูดอย่างร้ายกาจแล้วก็ตัดสาย วินาทีถัดมาก็ขว้างมือถือทิ้งไป
น่าโมโหจริงๆ ทำไมเธอจึงปากร้ายนัก ทุกประโยคทำให้เกิดโทสะ!
อีลั่วเสวี่ยเลิกคิ้วขึ้น แล้วเก็บมือถือ บังเอิญคนขับแท็กซี่วัยกลางคนมองสบตาเธอผ่านกระจกมองหลังพอดี จากนั้นจึงพูดคุยกับเธอ
“คุณผู้หญิงครับ มือที่สามหรือ คุณนะคุณ อ่อนแอเกินไป ควรจะแสดงความร้ายกาจให้อีกฝ่ายเห็นบ้าง แค่คำพูดไม่ทำให้พวกเธอหลาบจำหรอก!”
ตอนที่ 473 เก่งจริงก็กัดฉันสิ
มือที่สาม? อ่อนแอเกินไป? อีลั่วเสวี่ยได้ยินที่คนขับแท็กซี่พูด ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี “ฉันไม่ได้อ่อนแอเลย” ตรงกันข้าม คำพูดเธอทำให้ฝ่ายนั้นโกรธแทบตาย จะอ่อนแอได้อย่างไร
น่าเสียดายที่คนขับแท็กซี่ไม่รู้เนื้อหาที่คุยกัน แน่นอนว่าเขาย่อมเข้าใจว่าอีลั่วเสวี่ยเป็นฝ่ายแพ้ในการสนทนาครั้งนี้
“ผมเข้าใจดี แต่ผู้ชายเรา ผมจะบอกให้คุณรู้ ล้วนนิสัยแบบนั้นทุกคน มักจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ผู้หญิงอย่างพวกคุณต้องมีวิธีรีบมือ ถ้าอย่างนี้แล้วต่อให้เป็นผีร้ายก็ไม่ต้องกลัว” ดูเหมือนคนขับแท็กซี่จะเจอเป้าหมายที่จะอวดฝีปาก จึงพูดพล่ามไม่หยุด
อีลั่วเสวี่ยยิ้มๆ “อ้อ งั้นหรือคะ?” เขาซึ่งเป็นผู้ชายถึงกับช่วยพูดแทนผู้หญิง น่าแปลกจริง
“แน่นอนครับ แต่ว่าโดยสรุปแล้วยังต้องหาผู้ชายที่ใช่ ต่างมีกันและกัน ถ้าเป็นเช่นนี้ก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ก็เหมือนผมกับคนนั้นที่บ้าน เราทั้งคู่ต่างมีคนมาชอบ แต่เรารักกันดี ตอนนี้ก็มีลูกแล้ว”
พอเขาพูดเรื่องนี้ก็มีท่าทางเบิกบานใจมาก ทำให้ทั้งรถเปี่ยมด้วยบรรยากาศแห่งความสุข ใบหน้าที่เ**่ยวย่นเล็กน้อยมีรอยยิ้มอย่างชื่นมื่น
แล้วตอนนี้เองที่มือถือเขาดังขึ้น เขายิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นชื่อบนจอมือถือ รถชะลอลงเล็กน้อย เป็นลูกเขาเลิกเรียนแล้ว โทรมาถามว่าเขาจะกลับบ้านกินข้าวหรือไม่
หลังจากกำชับสองสามคำก็บอกว่าจะกลับไปหรือไม่ แล้ววางสาย “ขอโทษด้วย คุณครับ ไปเที่ยวบินกี่โมง ผมจะไปทางลัดให้”
“ห้าโมงค่ะ ไม่ต้องรีบ ฉันเข้าใจดี” จากนั้นคนขับแท็กซี่ก็พูดสาธยายหลายเรื่อง เป็นทัศนะของผู้ชายและความเห็นทั่วไป เป็นการแนะนำอีลั่วเสวี่ยว่าจะเข้าใจสามีตนเองได้อย่างไร ทุกคำพูดมีเหตุผล แล้วก็มาถึงสนามบินอย่างไม่รู้ตัว
“ขอบใจมาก” อีลั่วเสวี่ยยิ้มพลางลงจากรถ จ่ายค่ารถแล้วผละไป
คนขับแท็กซี่นับเงินดูแล้วพบว่าให้เกินมาไม่น้อย จึงลงจากรถทันที “คุณครับ ให้มากเกินไปแล้ว” เขาร้องบอกอีลั่วเสวี่ยพลางโบกธนบัตรในมือ
อีลั่วเสวี่ยหันกลับมา “ไม่มากหรอกค่ะ ถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่คุณช่วยสอนฉัน ขอบคุณค่ะ” จากนั้นเธอก็เดินจากไป หายไปท่ามกลางฝูงชน
“ปริ๊น ปริ๊น…” รถด้านหลังบีบแตรเร่ง คนขับแท็กซี่จึงรีบกลับเขาไปในรถ เขาคิดไม่ถึงว่าผู้โดยสารจะไม่รังเกียจที่เขาพูดพล่าม ยังให้เงินตอบแทนด้วย ทำให้รู้สึกพอใจมาก
“แม่คุณ เงินนะ เงิน หามาง่ายๆ ที่ไหน เจ้าควักทีละหลายใบ ปวดหัวใจจริงๆ!” เจ้าลูกบอลเงินทำท่าเหมือนจะเหาะไปแย่งเงินคืนมา
ลูกบอลเงินที่เห็นเงินเป็นเรื่องที่สำคัญมาก มันนึกเสมอว่าต้องใช้ในสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น ไม่อย่างนั้นจะเป็นการฟุ่มเฟือย
อีลั่วเสวี่ยยกมุมปากขึ้น “เงินแค่ไม่กี่ใบ สำหรับเงินระหว่างดาวของพวกเจ้าแล้วก็แค่ไม่กี่สตางค์เท่านั้น อย่าขี้ตืดไปหน่อยเลย ฉันไม่ใช่ไม่ทำงานหาเงินสักหน่อย” เธอจะให้เจ้าลูกบอลเงินหาสมุนไพรทิพย์มาอีก เธอจะหลอมโอสถทิพย์เพิ่ม แล้วไปขายในต่างดาว ต้องทำกำไรได้แน่นอน
“ถึงจะไม่กี่สตางค์ก็เป็นเงิน เก็บเล็กผสมน้อยจะกลายเป็นมาก อีกอย่างโลกนี้ก็ต้องถือตามมาตรฐานของโลกนี้ จะเอาไปเทียบกับเงินระหว่างดาวได้หรือ” มันบ่นไม่หยุด
“ยังไงก็จ่ายไปแล้ว เก่งจริงก็กัดฉันสิ?” อีลั่วเสวี่ยอารมณ์ดี อดพูดแหย่เล่นไม่ได้
เธอมองป้ายแสดงเวลาเที่ยวบิน พบว่าเที่ยวบินที่เธอจะเดินทางจะออกบินในอีกครึ่งชั่วโมง มีเวลาพอ จึงหาที่นั่งใกล้กับช่องตรวจตั๋ว
เธอล้วงมือถือออกมาอยากโทรหาเฉวียนหมิง แต่คิดว่าเขาคงกำลังยุ่งกับเรื่องของบริษัท จึงวางมือถือลง
“ไม่เข้าใจมนุษย์อย่างพวกเจ้าจริงๆ เห็นชัดๆ ว่าอยากทำ แต่ก็ยังลังเล ลังเลทำไม ไม่เห็นมีประโยชน์”