ส่วนที่ 6 ข้ารักครอบครัวข้า ตอนที่ 35 กระบองเพชฌฆาตที่ร้ายกาจ

เจาะเวลาสู่ต้าถัง

เป็นเสียงของเฉิงเหย่าจิน อวิ๋นเยี่ยรู้ได้จากเสียงแผ่นเสื้อเกราะกระทบกัน เหล่าเฉิงยังไม่กลับบ้านคาดว่าพอไปกระทรวงกลาโหมคืนป้ายคำสั่งแล้วก็รีบมาที่จวนหลี่เซี่ยวกง

 

อวิ๋นเยี่ยตาร้อนผ่าวนิ่งเงียบพูดไม่ออก เหล่าเฉิงไม่ทันมองดูใครต่อใครก็คว้าผ้าปิดคลุมให้อวิ๋นเยี่ย หมอเพิ่งจะอ้าปากพูดก็โดนเฉิงเหย่าจินคว้าโยนออกไปข้างนอกพูดเสียงเครียดว่า “ข้าโดนกระบองทหารมาแล้วนับไม่ถ้วน ทุกวันยอมที่จะฉีกเนื้อพร้อมผ้าออกก็ไม่ยอมเปลือยเปล่าออกไว้ข้างนอก ไอ้หนูเดินไหวไหม ถ้ายังเดินไหวก็กลับไปพร้อมข้า”

 

อวิ๋นเยี่ยไม่พูดมาก วางเสื้อคลุมออกแล้วก็ยืนขึ้นมา เฉิงเหย่าจินเตะเฉินฉู่มั่วไปทีหนึ่งทั้งถลึงตาใส่หนิวเจี้ยนหู่ ทั้งคู่ต่างรีบพยุงอวิ๋นเยี่ยเดินไปข้างนอก

 

เฉิงเหย่าจินเดินไปสองก้าวก็หันกลับมาพูดว่า “ต่างเป็นขุนพลนำทัพนับหมื่นนับแสน ต่างเป็นลูกผู้ชายที่คลานขึ้นมาจากกองศพคนตาย ทำไมแต่ละคนจึงได้เอาเป็นเอาตายรังแกเด็กอายุสิบแปดที่กำพร้าพ่อ ธุรกิจหลิ่งหนานข้าตระกูลเฉิงไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย ข้าเหล่าเฉิงขอให้พวกท่านเงินทองไหลมาเทมา” พูดจบก็สาวเท้ายาวเดินออกไป ใบหน้าหลี่จิ้งแดงก่ำขึ้นมาทันที พวกหลี่เซี่ยวกงต่างก็ก้มหน้าหงอยๆไม่พูดไม่จา

 

จนมาถึงรถม้าเฉิงเหย่าจินเห็นอวิ๋นเยี่ยขึ้นรถม้าแล้วตัวเองก็ขึ้นม้าศึก อวิ๋นเยี่ยยกผ้าม่านเรียก “ลุงเฉิง” เหล่าเฉิงมองเขาแล้วพูดว่า “ไม่ต้องมากพิธี มีอะไรกลับบ้านค่อยพูด” กระตุกบังเ**ยนม้าม่วงแดงเดินนำอยู่ข้างหน้า

 

ไม่กี่ก้าวก็มาถึงบ้านตระกูลเฉิง เฉิงฮูหยินออกมาต้อนรับ เหล่าเฉิงหน้าเครียดไม่พูดไม่จาปล่อยให้สาวใช้ปลดเปลื้องชุดเกราะเสื้อผ้า เฉิงฮูหยินค้อมตัวยืนอยู่ข้างๆไม่กล้าพูดด้วย เฉิงฉู่มั่วรีบไปคุกเข่าอยู่ในลานแล้ว หนิวเจี้ยนหู่เห็นอาการแล้วก็คุกเข่าลงด้วย

 

เฉิงเหย่าจินที่สวมเสื้อสั้นยกกาชาดื่มไปจนหมดกาแล้วใช้มือตบโต๊ะพูดกับเฉิงฮูหยินว่า “ข้าไม่อยู่ปีกว่าได้ยินว่าทรัพย์สินที่บ้านงอกเงยอย่างรวดเร็วช่างเจริญพอกพูนกันดีจริง ฮูหยินปกครองบ้านได้ดีมากเลย”

 

เฉิงเหย่าจินปกติมีแต่สอนลูกเปิดเผยท้วงเมียลับตาคน ครั้งนี้แม้แต่อวิ๋นเยี่ยยังฟังออกถึงคารมเสียดสีอย่างชัดเจนทั้งยังเป็นภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากมาแต่เก่าก่อน เหล่าเฉิงครั้งนี้คงโกรธจริงๆแล้ว

 

“ตระกูลเฉิงมีคนฉลาดเฉลียวแค่ไหนทำอะไรมีฝีมือแค่ไหนข้าไม่รู้หรือ หากไม่มีตระกูลอวิ๋นคอยหนุนพวกเจ้าจะร่ำรวยได้หรือ แต่ก่อนแค่ร้านสุรายังทำดีไม่ได้ เวลานี้เอิกเกริกใหญ่โตเงินนับพันนับหมื่นไหลเข้าบ้านเหมือนน้ำไหลบ่า ยังคิดอยากวิ่งไปถือครองที่ดินหลิ่งหนานอีก พวกเจ้าไม่กลัวว่าจะมีสักวันที่ใจใหญ่มากขึ้นจนอยากยึดครองทั้งแผ่นดินหรือ

 

จดหมายที่พวกเจ้าส่งไปถึงทัพหน้าข้าเห็นแล้ว ยิ่งดูยิ่งน่ากลัวยิ่งดูยิ่งหนักใจแต่พูดอะไรไม่ออก อดทนรอจนฝ่าบาทเรียกข้ากลับมาเมืองหลวง ระยะสองพันลี้ข้าใช้เวลาแค่หกวันก็กลับมาถึงยังดีที่มาทันการณ์ ยี่ห้อร่ำรวยเหนือใครทั่วหล้าตระกูลเฉิงรับไม่ไหวตระกูลอวิ๋นเจ้าก็รับไม่ไหว ไอ้หนูเจ้าทำจนแทบไม่สามารถเดินได้ในเมืองหลวงสาเหตุเพราะเจ้าเฉลียวฉลาดจนเกินไป จำเอาไว้ไอ้หนูจำใส่ใจไว้ดีๆไม่มีใครอยากร่วมกับคนฉลาดสู้ยอมอยู่กับคนโง่ดีกว่า อีกทั้งไม่มีใครเชื่อคนฉลาดด้วย

 

ไอ้หนูเอ๋ย บางครั้งข้ารู้สึกอย่างจริงใจอยากให้เจ้าโง่ลงบ้าง แต่เจ้าก็หลุดพ้นออกจากวิกฤติมาได้โดยตลอดทั้งยังไม่ได้บาดเจ็บอะไรแม้แต่นิด ฮ่องเต้เริ่มวางกับดักเจ้าทั้งฮองเฮาที่รักเอ็นดูเจ้าตลอดมาก็เริ่มวางกับดักเจ้าด้วย พวกเขาเพียงแค่อยากรู้ว่าขีดสูงสุดของเจ้านั้นอยู่ที่ไหนกัน จนถึงวันนี้พวกเขายังหยั่งไม่ถึงขีดสูงสุดของเจ้า หลิ่งหนานที่ยากจนข้นแค้นตลอดมากลายเป็นแผ่นดินที่มีแต่ทองคำเต็มพื้นที่ในมือของเจ้า ทหารเก่าที่เก่งกาจสามพันคนเจ้าก็ยังเอาไปได้ลงคอ เจ้ารู้ไหมว่าทหารเก่าสามพันคนหมายถึงอะไร

 

มีทหารเก่าสามพันคนนี้ภายในเวลาปีเดียวเจ้าสามารถใช้พวกเขาเป็นแกนจัดตั้งกองทัพได้นับแสนคน พลังที่ยิ่งใหญ่นี้ใครจะไม่หวั่นไหว อีกทั้งตระกูลอวิ๋นเจ้าต้องการเงินได้เงินต้องการเสบียงได้เสบียง นี่มันเป็นโอกาสทองของการก่อกบฏที่สวรรค์ประทานให้ ฝ่าบาทกำเนิดจากหน่วยทหารมีหรือจะดูไม่ออก หลี่จิ้งมีสมญานามว่าเทพนักรบดูไม่ออกหรือ หลี่เซี่ยวกง หลี่ต้าเลี่ยง อวี้ฉือคนไหนไม่เข้าใจ แต่มีคนไหนเคยเตือนเจ้าสักคำไหม

 

แต่ละคนคิดแผนอะไรกันอยู่ ขุนนางบุ๋นที่เจนสนามมีมากมายเท่าไร ฝางเสวียนหลิง ตู้หรูฮุ่ย จ่างซุนอู๋จี้ ถังเจี่ยน ต่างเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่เห็นการรบราฆ่าฟันกันมาไม่รู้เท่าไร พวกเขาต่างกำลังรอ ไอ้หนูพวกเขาต่างรอดูวันที่ความมักมากของเจ้าขยายตัวจนพองเต็มที่

 

พูดถึงนี่แล้วเหล่าเฉิงหัวเราะฮ่าๆขึ้นมา ลูบผมอวิ๋นเยี่ยแล้วพูดว่า “เด็กดี เจ้าเป็นเด็กที่จิตใจดีงามอย่างแท้จริงทำให้พวกชั่วร้ายใจสกปรกผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นความต้องการที่จะให้ความมักมากขยายตัวจนพองจากเจ้าแม้เพียงนิดเดียว เด็กอายุสิบแปดที่เพิ่งเติบโตมองข้ามทรัพย์สินศฤงคารสิ่งลวงตานำเงินที่ได้ทั้งหมดมาสร้างสถานศึกษา ฮ่าๆ เจ้ารู้ไหมว่าขณะที่ข้ารู้ข่าวนี้ดีอกดีใจแค่ไหนจนดื่มสุราอยู่ตลอดทั้งคืน

 

โชคดีที่เจ้าไม่เคยปกปิดอะไรฮ่องเต้เลย ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนดำเนินการอย่างเปิดเผยทำให้พวกที่ต้องการเล่นงานเจ้าหาโอกาสไม่ได้เลย ที่เยี่ยมที่สุดคือเจ้าสามารถทำให้หงเฉิงกลายเป็นหัวหน้าของทหารเก่าเหล่านี้ เรื่องนี้ฝ่าบาทคงนึกไม่ถึง ไม่มีใครชอบหน่วยข่าวกรองไม่มีใครชอบ เจ้าก็ไม่ปิดบังบอกฝ่าบาทไปตรงๆว่าเจ้าต้องการร่ำรวย การสร้างสถานศึกษาเป็นการถือโอกาสเหลือทรัพย์สินไว้ให้ทายาทของตัวเอง

 

เจ้าหนู เด็กในครรภ์โซ่วหยางเกี่ยวข้องกับเจ้าจริงหรือ”

 

พูดออกมาแล้วมากมาย เหล่าเฉิงจึงหยุดหายใจแรงแล้วถามอวิ๋นเยี่ย เฉิงฮูหยินก็ได้สติรีบสั่งเตรียมให้เหล่าเฉิงอาบน้ำทั้งยังเตรียมข้าวปลาอาหารอีก เฉิงฉู่มั่วก็โล่งอกรีบพยุงหนิวเจี้ยนหู่ลุกขึ้นมา ทั้งคู่คอยเอาอกเอาใจยกเหล้าองุ่นให้เหล่าเฉิงทั้งยังคอยยักคิ้วหลิ่วตาให้อวิ๋นเยี่ยช่วยพูดจาอะไรที่ฟังดูดีให้อารมณ์เหล่าเฉิงดีขึ้น

 

หารู้ไม่ว่าอวิ๋นเยี่ยเองเวลานี้เหงื่อไหลโทรมตัวใจฝ่อไม่หยุด จริงๆแล้วตัวเองถูกคนทั้งหมดหลอกใช้ พวกเขาไม่ออกมาเป็นคู่อริขัดขวางแต่กลับเปิดทางสะดวกให้ ทั้งยกทั้งเชิดชูหลอกให้ตัวเองใช้ความสามารถสูงสุดเพื่อพวกเขา นี่คือกระบองเพชฌฆาตที่ร้ายกาจในตำนาน

 

คำเตือนแล้วเตือนเล่าของฮองเฮากับฮ่องเต้ แต่ตัวเองเชื่อประวัติศาสตร์มากเกินไปจนเข้าใจว่าเหล่าขุนนางขุนทหารที่โด่งดังนั้นล้วนเป็นคนดีใสซื่อ ลืมไปว่าพวกเขาต่างเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่ผ่านฟ้าฝนพายุมานับครั้งไม่ถ้วน ตัวเองอ่อนหัดจนเกินไป หากตัวเองมีความมักมากเพียงนิดเดียวก็จะถูกคลื่นเหล่านี้ซัดให้ยกขึ้นจนสูงสุด ความรู้สึกบนยอดคลื่นวิเศษมากๆแต่ก็อันตรายมาก ในโลกนี้มีคนที่ยอมบอกความจริงเรื่องนี้ให้ตัวเองคงมีเพียงเหล่าเฉิงกับเหล่าหนิวสองคนเท่านั้น อย่างมากก็มีหลี่กังอีกคน ที่เหลือยังมองไม่เห็นถึงจุดนี้

 

เวลานี้คิดทวนแล้วเว่ยเจิงที่คอยหาเรื่องตัวเองก็อาจไม่ได้เกิดจากความประสงค์ร้าย การตรวจสอบอย่างเข้มงวดในพื้นที่ก่อสร้างตรอกซิ่งฮว่าฟาง การตรวจสอบทรัพย์สินหลายประเภทของตระกูลอวิ๋น ความจริงเป็นการปกป้องดูแล

 

ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นรุนแรงมาก คนดีกลายเป็นคนเ**้ยมโหดในพริบตา คนร้ายกลายเป็นคนดีที่มีใจเมตตาโดยฉับพลัน ทำให้สมองอวิ๋นเยี่ยชุลมุนวุ่นวายจนปั่นป่วน

 

“ดังคนในป่าหนาม นิ่งเสียไม่บาดเจ็บ ใจหากเว้นกิเลศ สุขจะเกิดนิรันดร์ กิเลศหากบังเกิด ย่อมรับความเจ็บปวด ทุกข์เกิดจากต้องการ หยุดเสียจักเป็นสุข” อวิ๋นเยี่ยท่องกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ นึกอยากไปเทียนสุ่ยภูเขาไม่จีสักเที่ยวหนึ่งไปพบไต้ซือถานอิ้น พื้นที่ที่คุ้นเคยและสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคยอาจทำให้ตัวเองได้รับความสุขสบายบ้าง

 

“ไอ้หนูถามเจ้าอยู่ ในครรภ์โซ่วหยางเป็นลูกเจ้าจริงหรือ” เสียงเฉิงเหย่าจินราวกับลอยมาจากฟากฟ้าปลดปล่อยอวิ๋นเยี่ยออกจากความสับสน มองเหล่าเฉิงอย่างงุนงงไม่รู้จะพูดอย่างไรดี

 

“หากโซ่วหยางมีครรภ์กับเจ้าจริง ไอ้หนู แล้วฝ่าบาทไม่ได้ลงโทษเจ้าเลยหรือ” เฉิงเหย่าจินถามอีก

 

อวิ๋นเยี่ยชี้ที่สะโพกตัวเอง บอกใบ้ว่าโดนไม้เพราะเรื่องนี้

 

“แค่นี้เอง?” เหล่าเฉิงลืมตาโพลงถามอวิ๋นเยี่ย

 

“แค่นี้เอง ข้าโดนไปยี่สิบไม้ ไม่ลดแม้แต่ไม้เดียวไม่ได้ตีเบาแม้แต่ทีเดียว โดนจริงๆจังๆ” คำพูดอวิ๋นเยี่ยทำให้ทั้งเฉิงฉู่มั่วกับหนิวเจี้ยนหู่ต่างงุนงงแต่กลับทำให้เหล่าเฉิงหัวเราะลั่น

 

“ไอ้หนู ตอนนี้เจ้าอยากทำอะไรมากที่สุด”

 

“ให้ข้าจัดการบ้านแล้ว จะพาภรรยาไปพบไต้ซือถานอิ้น เรียนหลักธรรมสักพัก ดูว่าหลักธรรมจะสามารถกล่อมเกลาจิตใจที่แข็งดังเหล็กเพชรของข้าได้ไหม ถือโอกาสดูว่าพระพุทธจะสามารถทำให้ข้ามีลูกชายได้สักคนไหม”

 

อวิ๋นเยี่ยยิ้มบอกเฉิงเหย่าจินทั้งโค้งคำนับเฉิงเหย่าจินด้วยความเคารพ

 

“ไปเถอะ ไต้ซือถานอิ้นไม่ได้อยู่ภูเขาไม่จี เวลานี้อยู่ที่ซงซานวัดเส้าหลินเป็นผู้ดูแลวัด จดหมายฉบับก่อนของเขายังพูดถึงเจ้าอยากสนทนาธรรมกับเจ้า ข้าเองก็อยากรู้นักว่าเจ้าจะทำให้เขาเสียหรือเขาจะกล่อมเกลาเจ้าได้”

 

สำหรับการกระทำของอวิ๋นเยี่ยครั้งนี้เฉิงเหย่าจินเห็นด้วยอย่างยิ่ง พ้นจากทางโลกหลุดจากพันธะจึงจะเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจน ไม่ต้องโดนอิทธิพลอื่นแทรกแซงจึงจะมีปัญญาที่ตื่นรู้อย่างแท้จริง

 

“ฉู่มั่ว เจี้ยนหู่ อยากไปวัดเส้าหลินหาประสบการณ์ไหม พวกเราต่างพาครอบครัวไปวัดเส้าหลินจะได้ไม่เหงา ข้าได้ยินว่าที่นั่นมีวิทยายุทธล้ำเลิศเจ็ดสิบสองชนิดอีกทั้งสามสิบหกคาถาวิเศษ ในวัดนั้นมีผู้เลิศล้ำซ่อนตัวอยู่นับไม่ถ้วน ผู้มีวิทยายุทธสูงสุดเป็นพระสงฆ์แก่กวาดพื้น หอไตรไม่ไปไม่ได้ มีคัมภีร์อี้จิง คัมภีร์ล้างไขกระดูก เป็นของวิเศษสุดใต้หล้า หากไม่ไปจะน่าเสียดายมาก”

 

เฉิงฉู่มั่วฟังจนตาลุก รีบจ้องมองบิดาอย่างน่าสงสารราวกับลูกสุนัข

 

“อยากไปก็ไปมองข้าทำไม เพียงแต่เจ้าหนู เจ้ารู้มาจากเรื่องบ้าบอคอแตกเหล่านั้น ข้าไปวัดเส้าหลินหลายครั้งแล้วไม่เห็นเคยได้ยินเลย หรือว่าพวกหัวโล้นเหล่านั้นโกหกข้า”

 

“ท่านลุงอยู่พักในฉางอันให้สบายพวกเราไปแค่สองสามเดือน ฤดูใบไม้ร่วงก็กลับมาแล้วค่อยมาปรนนิบัติท่าน หากวัดเส้าหลินมีของดีอะไรข้าจะนำกลับมาให้ท่านได้ยลแน่นอน”

 

“พักอะไรกัน เจ้าก่อเรื่องมากมายที่หลิ่งหนาน ข้าจะต้องมาช่วยเจ้าเก็บกวาด ถือโอกาสหาเงินกำไรบ้าง”

 

“แต่ท่านพ่อว่าตระกูลเฉิงไม่แตะธุรกิจหลิ่งหนานไม่ใช่หรือ” เฉิงฉู่มั่วรู้สึกบิดาไม่ได้ซื่อจริง เรื่องที่เพิ่งพูดก็จะกลับคืนคำ

 

“เจ้าเด็กโง่ ตระกูลเฉิงย่อมไม่แตะอยู่แล้วแต่มารดาเจ้าแตะได้ หากจำเป็นพวกเราก็แยกกัน เช่นนี้แล้วตระกูลเฉิงก็ไม่แตะแล้ว ตระกูลเผยแตะเอง” เหล่าเฉิงปลดปล่อยความหน้าไม่อายของตัวเองได้อย่างสุดยอด

 

เพียงแต่ไม่ทันสังเกตว่าข้างหลังมีเฉิงฮูหยินที่กำลังยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่