ในเวลาเดียวกัน วิลล่าของเย่ย่งเล่อ
“คุณชาย เมื่อกี้ได้รับข้อความ ประมาณหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ตู้เคอหลินถูกคนหักขาไปข้างหนึ่งครับ!”
ชายที่ใส่สูทคนหนึ่งกำลังรายงานอย่างเคารพเรียบร้อยให้กับเย่ย่งเล่อที่นั่งขี้เกียจอยู่บนโซฟา
“ถูกหักขาข้างหนึ่ง?”
เย่ย่งเล่อขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “ที่นี่มันเมืองจิน ใครกันที่มันใจกล้าขนาดนี้ มันไม่กลัวตู้เฮิงฉุนแก้แค้นรึไง?”
“รายละเอียดโดยรวมยังไม่แน่ชัด แต่ว่า…..”
ชายใส่สูทส่ายหน้า แล้วกดเสียงให้ต่ำลง “เหมือนเย่เทียนจะอยู่ด้วยครับ”
“เย่เทียนอีกแล้วเหรอ?!”
เย่หย่งเล่อทำหน้าเคร่งขรึม พอนึกถึงตอนที่เย่เทียนทำให้เขาขายหน้าอย่างถึงที่สุดตรงร้านกาแฟ ในใจของเขาก็ลุกโชนขึ้นมาทันที!
“คุณชาย ความจริงบางทีเรื่องนี้มันอาจจะเป็นโอกาสอันดีของเราก็ได้นะครับ”
เย่ย่งเล่อทำหน้าตกใจ แล้วมองชายใส่สูทด้วยสีหน้าที่สงสัย “ยังไง?”
“คุณชายลองคิดดู ยังไงตู้เคอหลินก็เป็นลูกชายของตู้เฮิงฉุน เย่เทียนเคยหักแขนของเขา ตอนนี้ยังมาหักขาของเขาไปอีกข้างหนึ่ง คนเป็นพ่ออย่างตู้เฮิงฉุนต้องไม่ยอมอยู่เฉยอย่างแน่นอน”
ชายใส่สูทนำเสนอด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย “ถ้าเราถือโอกาสนี้นัดเย่เทียนออกมา แล้วส่งคนไปจัดการเขา!”
“ไม่ได้!”
เย่ย่งเล่อไม่แม้แต่จะคิดก็ส่ายหน้าทันที “ฝีมือของเย่เทียนไม่ธรรมดา ถ้าใช้กำลังคนของตระกูล แล้วถูกคุณย่ารู้เข้า มันจึงไม่มีทางหาคนที่เหมาะสมจะไปรับมือกับมันได้เลย”
“คุณชายครับ คุณเข้าใจความหมายของผมผิดไปแล้ว”
ชายใส่สูทหัวเราะคริคริ แล้วพูดอย่างชั่วร้ายว่า “ไม่ว่าคนที่เราส่งไปจะฆ่าเย่เทียนได้หรือไม่ก็ตาม ขอแค่ทำให้เย่เทียนเข้าใจว่าเป็นฝีมือของตู้เฮิงฉุนก็พอแล้วครับ”
“ขอแค่ทำให้ความบาดหมางของทั้งคู่บังเกิดขึ้น ให้พวกมันกัดกันเอง เราก็แค่นั่งรอรับผลประโยชน์ก็พอแล้ว!”
“ไม่นึกเลยว่านายจะคิดแบบที่ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวแบบนี้ออก!”
เย่ย่งเล่อตาเป็นประกาย พิจารณาชายใส่สูทตั้งแต่หัวจรดเท้า
ชายใส่สูทรีบโน้มตัวลง แล้วพูดอย่างถ่อมตัวว่า “ก็ได้คุณชายนี่แหละที่คอยสั่งสอนครับ”
“ถือว่านายมันรู้จักพูด!”
เย่ย่งเล่อหัวเราะออกมา แล้วสีหน้าก็กลับไปเคร่งขรึมอีกครั้ง “เรื่องของเย่เทียน มอบหมายให้นายไปจัดการแล้วกัน!”
“ครับคุณชาย ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลยครับ!”
ชายใส่สูทพยักหน้า แล้วจากไปอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
……
หลัจากที่ฮาชิโมโตะ คันนะออกไปด้วยความโมโหแล้ว ไม่นานก็มีคนเอาชุดเครื่องนอนชุดใหม่มาให้ เย่เทียนจัดการอย่างง่ายๆ แล้วล้มตัวลงนอน
แต่ว่า หลังผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง เย่เทียนที่นอนอยู่บนเตียง สองตาปิดสนิท หายใจคงที่ เหมือนคนที่กำลังหลับใหล จู่ๆ ก็ได้ลืมตาขึ้น ประกายแวบหนึ่งวิ่งผ่านแววตาของเขา
จู่ๆ เขาก็ดีดตัวขึ้นเหมือนกับปลาคาร์ฟ วิ่งไปที่หน้าประตูอย่างรวดเร็ว แอบมองซ้ายมองขวาตรงทางเดินแวบหนึ่ง แล้วพุ่งออกจากห้องราวกับชีต้า วิ่งทะยานสู่เป้าหมาย
ไม่นาน เย่เทียนก็ได้มาถึงหน้าห้องห้องหนึ่งอย่างเงียบเชียบ
“คุณชายเย่ คุณมาเร็วกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะคะ”
แต่ทว่า ยังไม่ทันที่เย่เทียนจะได้ยื่นมือไปจับราวประตู ประตูห้องก็ถูกเปิดออกซะก่อน พร้อมกับฮาชิโมโตะ มินาโตะที่ปรากฏตัวออกมา
“หืม?!”
เย่เทียนทำหน้าเขินๆ ออกมาทันที นึกไม่ถึงว่าทุกการกระทำของตนจะปรากฏในกล้องวงจรปิดหมดแล้ว
“คุณชายเย่ เข้ามาเถอะ!”
ฮาชิโมโตะ มินาโตะยิ้มออกมา แล้วหลีกทางให้เขา
พอเห็นอย่างนั้น เย่เทียนก็ฝืนยิ้มแล้วบีบดั้ง จากนั้นก็เดินเข้าห้องไป
ยังไงซะ ถ้าฮาชิโมโตะ มินาโตะคิดจะฆ่าเขา แล้วเธอจะอยู่ในห้องได้ยังไง?
ในห้องตกแต่งได้อย่างเรียบง่าย นอกจากคอมหลายเครื่องกับข้าวของที่จำเป็นแล้ว มันก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีกเลย
สิ่งที่น่าตกใจคือ บนหน้าจอคอมกำลังฉายภาพเหตุการณ์ของโถงทางเดินทุกเส้นอยู่ แค่นั่งอยู่ตรงนี้ก็สามารถรับรู้สถานการณ์ทุกอย่างในกิลด์แห่งความลับได้แล้ว
“ที่บ้าๆ นี่ติดกล้องไว้เยอะชิบเป๋งเลย!”
เย่เทียนแอบบ่นในใจ ใช่ว่าระหว่างทางที่มาเขาจะไม่สังเกต แต่เขาก็ไม่เห็นกล้องเลยสักตัว!
อย่างไรก็ตาม ฮาชิโมโตะ มินาโตะก็ได้หยิบไวน์แดงสองแก้วออกมาจากโต๊ะตัวหนึ่ง แล้วยื่นให้เย่เทียนไปแก้วหนึ่ง
เย่เทียนก็ไม่กลัวว่าฮาชิโมโตะ มินาโตะวางยาพิษรึเปล่า รับมาแล้วจิบไปคำหนึ่ง จากนั้นก็พูดไปเบาๆ ว่า “ไวน์ดี!”
“คุณชายเย่ คุณเป็นคนของกิลด์นักล่าใช่มั้ย?”
ฮาชิโมโตะ มินาโตะสายตาเป็นประกาย ถ้าฉันทายไม่ผิด การที่คุณมาถึงที่นี่ เพราะต้องการรู้ว่าคนคลั่งอยู่ที่ฉันรึเปล่าใช่มั้ย?”
“คนคลั่ง?!”
รูม่านตาของเย่เทียนหดเล็กลง ถึงแม้จะไม่ค่อยแสดงอะไรออกมาทางสีหน้า แต่ในใจกลับแตกตื่นไปนานแล้ว
คนคลั่งก็เหมือนกับฟู่เซิ่งหนาน ต่างก็เป็นสมาชิกของกิลด์นักล่า เนื่องจากชาติก่อนตอนที่เขาเข้าร่วม ก็รู้แค่ว่าคนคลั่งทรยศแล้วหายสาบสูญ และไม่ค่อยรู้รายละเอียดที่ชัดเจนเท่าไหร่
พอมาคิดๆ ดู การที่ฟู่เซิ่งหนานให้เขามาที่นี่ ไม่แน่ก็อาจจะเป็นอย่างที่ฮาชิโมโตะ มินาโตะพูด รายชื่อนั้นเป็นแค่ข้ออ้าง เป้าหมายจริงๆ คือเบาะแสของคนคลั่งต่างหาก!
“ฉันสามารถบอกคุณอย่างชัดเจนว่า คนคลั่งไม่ได้อยู่ที่ฉัน!”
พอเห็นเย่เทียนเงียบไป ฮาชิโมโตะ มินาโตะก็ยิ้มออกมาอย่างเสแสร้ง “แต่ว่า ฉันรู้ว่าเขาอยู่ไหน”
“ประเด็นคือ โลกนี้มันไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ นี่สิ!”
“ว่ามา คุณต้องการอะไร?”
ทำไมเย่เทียนจะไม่เข้าใจจุดประสงค์ของฮาชิโมโตะ มินาโตะ
“การพูดคุยกับคนฉลาดมันก็สบายแบบนี้แหละ”
ฮาชิโมโตะ มินาโตะจิบไวน์ไปคำหนึ่ง แล้วพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “คุณต้องช่วยฉันจัดการอะไรสักอย่าง”
เย่เทียนจ้องมองฮาชิโมโตะ มินาโตะด้วยสีหน้าที่จะยิ้มไม่ยิ้ม แล้วพูดไปเบาๆ ว่า “ให้ผมทำอะไรให้คุณอย่างหนึ่ง แล้วคุณถึงจะยอมบอกเบาะแสของคนคลั่งให้ แผนการของคุณนี่มันใช้ได้เลยนะครับ!”
ฮาชิโมโตะ มินาโตะยักไหล่ แล้วพูดอย่างสบายๆ ว่า “แต่ฉันก็ไม่ได้บังคับคุณนะ ยังไงคุณก็ยังมีสิทธิ์เลือก”
เย่เทียนส่ายหน้าอย่างจนใจ “ว่ามา คุณอยากให้ผมช่วยอะไร?”
ฮาชิโมโตะ มินาโตะเผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา แล้วถามไปอย่างประหลาดว่า “ไม่ทราบว่าคุณรู้สึกยังไงกับเงาทมิฬ?”
“เงาทมิฬ?!”
คิ้วของเย่เทียนกระตุกเล็กน้อย ส่ายหน้าแล้วตอบไปว่า “ก็เป็นแค่ลูกกระจ๊อกตัวหนึ่ง ผมสามารถบีบให้ตายได้ทุกเมื่อ!”
กับความโอ้อวดของเย่เทียน ฮาชิโมโตะ มินาโตะก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร เพราะเย่เทียนเก่งพอที่จะโอ้อวด!
“ความจริงเขาเป็นคนของตู้ซื่อกรุ๊ป!”
ฮาชิโมโตะ มินาโตะพูดอย่างจริงจัง “สิ่งที่ฉันอยากให้คุณทำมันง่ายมาก ฆ่าตู้เฮิงฉุนซะ และฉันจะให้ข้อมูลกับคุณ!”
สีหน้าของเย่เทียนดูประหลาดขึ้นมาทันที ผู้หญิงคนนี้กำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่? เป็นความตั้งใจของเธอคนเดียว? หรือเป็นความตั้งใจของทางกิลด์แห่งความลับกันแน่?
ถ้าเป็นความต้องการของเธอคนเดียวยังพอว่า แต่ถ้าเป็นความต้องการของทางกิลด์แห่งความลับละก็ เรื่องนี้มันก็ไม่ธรรมดาซะแล้ว!
ระหว่างที่เย่เทียนกำลังคิดแบบนี้อยู่ เขากลับไม่ได้แสดงอะไรออกมาทางสีหน้าเลย “ถึงตู้เฮิงฉุนจะเป็นคนใหญ่คนโตแต่คุณที่เป็นถึงหัวหน้าของกิลด์แห่งความลับ ถ้าคิดจะฆ่าเขาก็คงไม่ได้ยากเย็นหรอกมั้ง? แล้วทำไมคุณถึงไม่ลงมือเองล่ะ?”
“นี่มันไม่ใช่เรื่องของคุณ”
ฮาชิโมโตะ มินาโตะส่ายหน้าเบาๆ ไม่ยอมที่จะตอบคำถามนี้
“ถ้าเป็นอย่างนั้น…..”
เย่เทียนแสดงสีหน้าที่ขบขันออกมา “ลำพังแค่บอกของมูลของคนคลั่งให้กับผม ค่าตอบแทนนี้มันยังไม่พอ!”
“แล้วคุณต้องการอะไร?”
“คุณคิดว่าไงล่ะ?”
เย่เทียนหัวเราะคิคิ ดวงตาสีดำคู่นั้นจ้องมองฮาชิโมโตะ มินาโตะอย่างไม่ให้เกียรติ
ทำไมฮาชิโมโตะ มินาโตะจะไม่รู้ว่าสายตาที่รุกรานของเย่เทียนนั้นหมายถึงอะไร สีหน้าของเธอบึ้งตึงขึ้นมาทันที กัดฟันแล้วพูดไปว่า “ฝันไปเถอะ!”