หลังจากหม่าชิงออกมา จอมยุทธคนอื่นที่ยังไม่ได้เข้าร่วมการทดสอบก็เหลือไม่มากแล้ว
เหล่าคนที่ไม่ผ่านการทดสอบถูกส่งออกจากสำนักในทันที ส่วนคนที่ผ่านก็ได้ไปยืนรออยู่ที่อีกด้านหนึ่งของตำหนักสี่เหลี่ยม จำนวนของคนที่ผ่านการทดสอบมีเพียงสามร้อยกว่าคน หากเทียบกับจำนวนคนที่มาสมัครแล้ว นับว่าน้อยจนน่าเหนื่อยใจ
ผู้สมัครที่ยังไม่ได้เข้าร่วมทดสอบนั้นเหลืออยู่ราวๆพันคน พวกเขายืนกระจัดกระจายกันไปตามตำหนักสี่เหลียม
หลี่เหว่ยเหว่ยนัน้มีสถานะพิเศษ แม้นางจะทดสอบไปแล้วก็ยังสามารถกลับมาที่หน้าหอคอยเก้าชั้นได้ นางเฝ้ารอดูผลการทดสอบของหลิงฮันด้วยความตื่นเต้น “รีบๆเข้าไปสักที ข้ารอดูความอัปยศของเจ้าไม่ไหวแล้ว”
“เกรงว่าเจ้าคงไม่มีโอกาสนั้น” หลิงฮันยิ้มอย่างมั่นใจ
“ฮึ!” หลี่เหว่ยเหว่ยเค้นเสียง ชายผู้นี้เพิ่งมาจากโลกใบเล็กแท้ๆ เขาย่อมไม่เคยสัมผัสกับความยาดลำบากของการทดสอบในหอคอยมาก่อน เช่นนั้นแล้วเขาไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหน?
“พี่หยุน!” นางกวาดสายตามองไปทั่ว เมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาในตำหนักสี่เหลียมนางก็วิ่งไปหาอีกฝ่ายทันที
หญิงสาวที่เดินเข้ามาสวมชุดสีขาว นอกจากปิ่นปักผมแล้วนางก็ไม่สวมเครื่องประใดๆ แต่ถึงอย่างนั้นความงดงามของนางก็ยังโดดเด่นเป็นอย่างมาก เสน่ห์ของนางนั้นน่าดึงดูดราวกับนางไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นเทพธิดา
นางคือจื่อหยุนเอ๋อ หนึ่งในสามสามงามที่สุดของเมืองจักรพรรดิ นอกจากนั้นนางก็ยังเป็นหนึ่งในสามรุ่นเยาว์อัจฉริยะอีกด้วย ผู้คนที่หลงใหลนางนั้นหากนำมาต่อแถวกันแล้วสามารถล้อมรอบเมืองจักรพรรดิที่กว้างขวางแห่งนี้ได้สบาย ถึงแม้พื้นหลังของนางจะไม่สูงส่งเท่าหลี่เหว่ยเหว่ย แต่ผู้ที่ตามจีบนางนั้นไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากัน
จื่อหยุนเอ๋อพยักหน้าและกล่าว “เหว่ยเหว่ย เจ้าผ่านการทดสอบหรือไม่?”
“อืม!” หลี่เหว่ยเหว่ยพยักหน้า “พี่สาวหยุน ทำไมท่านถึงได้มาสายขนาดนี้? ข้าคิดว่าท่าจะเปลี่ยนใจแล้วรออีกห้าปีเพื่อไปเข้าร่วมกับสำนักฝ่ายตะวันออกแล้วเสียอีก!”
จื่อหยุนเอ๋อยิ้มน้อยๆก่อนจะกล่าว “ก็ข้าบอกว่าข้าจะเข้าร่วมสำนักฝ่ายเหนือกับเจ้า แล้วข้าจะเปลี่ยนใจได้อย่างไร? เอาล่ะ เอาไว้คุยกันทีหลังขอข้าไปเข้าทดสอบก่อน”
“แน่นอน!” หลี่เหว่ยเหว่ยรีบยกมือขึ้นสูงโบกไปมาก่อนจะกล่าวเสียงดัง “พี่สาวหยุนจะต้องผ่านการทดสอบและชนะเจ้าโง่นั่นได้แน่นอน!”
จื่อหยุนเอ๋อย่อมไม่รู้ว่าใครคือ ‘เจ้าโง่’ นางเดินด้วยท่วงท่าที่งดงามตรงไปยังหอคอยดาราขาว ผู้คนมากมายต่างมองมาที่นางด้วยสายตาเร่าร้อน
หม่าชิงชิงเองก็ดวงตาส่องประกายแสดงออกถึงความสนใจเช่นกัน มุมปากของเขายิ้มเล็กน้อย ดูแล้วชั่วร้ายเป็นอย่างมาก
ในอีกมุมหนึ่ง เฉิงฮ่าวเฟยได้เดินมุ่งหน้าไปยังหอคอยดาราขาวเช่นกัน ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาสิ้นสุดการทดสอบแล้ว หากเขาไม่เข้าหอคอยตอนนี้ เขาก็อาจจะพลาดการสอบได้
นี่คือผู้ทดสอบกลุ่มสุดท้ายและเป็นกลุ่มที่มีรุ่นเยาว์ที่มีศักยภาพสูงเยอะที่สุดด้วย หอคอยชั้นที่สามส่องแสงอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ชั้นที่สี่เองก็ส่องแสงขึ้นหลายครั้งเช่นกัน จำนวนของผู้ผ่านการทดสอบในกลุ่มนี้มีเกินร้อยคนไปแล้ว
เพียงแต่ว่าห้าคอยชั้นที่ห้านั้นยังไม่ส่องแสงเสียที
หลิงฮันเดินเข้าไปในหอคอย ทันใดนั้นผู้ภาพของผู้คนมากมายโดยรอบก็หายไป แม้แต่เสียงเอะอะก็ไม่ได้ยินแล้ว
เขาเข้ามายังมิติที่แยกตัวออกมาเป็นที่เรียบร้อย
ด้านหน้าของเขาปรากฏเป็นห้องหินที่มีเพียงโต๊ะหินตั้งเอาไว้ บนโต๊ะหินมีแผ่นหยกถูกวางเอาไว้
“ชั้นแรกคือชั้นที่จะทดสอบความสามารถในการเข้าใจ” เสียงที่ก้องกังวานดังขึ้น น้ำเสียงที่กล่าวนั้นไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใดๆ
มันคือจิตวิญญาณของหอคอยดาราขาว
หอคอยดาราขาวคืออาวุธวิญญาณระดับศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากหอคอยน้อยแล้วเขาก็ไม่เคยเห็นอาวุธวิญญาณที่มีจิตวิญญาณมาก่อน
“เหอะ ก็แค่อาวุธวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำสุด มันเทียบไม่ได้แม้แต่เศษขี้เล็บของข้า” หอคอยน้อยกล่าว
หลิงฮันไม่สนใจหอคอยน้อยและเอ่ยถาม “ต้องทดสอบอย่างไร?”
“จดจำทักษะบนแผ่นหยกนั่นให้ได้เจ้าก็จะผ่านการทดสอบ ยิ่งใช้เวลาน้อยเท่าใดผลการประเมินก็จะยิ่งดี” จิตวิญญาณหอคอยกล่าว มันสามารถแบ่งจิตของตนเองออกเป็นหลายพันส่วนเพื่อพูดคุยกับผู้เข้าทดสอบนับพันคนได้พร้อมๆกัน
หลิงฮันเอ่ยถามอย่างสงสัย “ชั้นนี้มีการทำลายสถิติที่บันทึกเอาไว้หรือไม่? ถ้าหากทำลายได้จะมีรางวัลอะไร?”
“สามารถทำลายสถิติได้ แต่ไม่มีรางวัล มีเพียงแค่ชื่อของเจ้าจะถูกสลักเอาไว้ที่นี่” จิตวิญญาณกล่าว “ด้านหน้าของเจ้ามีชื่อคนอยู่สิบคน ชื่อเหลานั้นคือชื่อของคนที่ใช้เวลาน้อยที่สุด ถ้าเจ้าสามารถทำเวลาได้รวดเร็วกว่า ชื่อของเจ้าก็จะถูกนำไปแทนที่”
หลิงฮันส่ายหัวและไม่คิดจะทำลายสถิติที่ไม่คุ้มค่าเช่นนี้
“เจ้าสามารถเริ่มได้แล้ว” จิตวิญญาณกล่าว
หลิงฮันเดินมายังโต๊ะหินและนั่งลงกับพื้น เขาหยิบแผ่นหยกขึ้นมาและใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบ ทันใดนั้นอักขระแปลกตาก็ไหลผ่านเข้ามาในห้วงสติของเขาทีละตัว
หลิงฮันค่อยๆปิดตาและวางแผ่นหยกลง “นี่คือทักษะกรงเล็บ แต่มันยังไม่สมบูรณ์ มันบันทึกเอาไว้เพียงสองกระบวนท่าครึ่งเท่านั้น หากใช้ออกมามันก็จะเป็นแบบนี้”
หลิงฮันโจมตีออกไปแสดงกระบวนท่ากระเล็บสองกระบวนท่าครึ่ง
จิตวิญญาณหอคอยยหยุดนิ่งไปสักพักก่อนจะกล่าว “ถึงแม้ทักษะยุทธทักษะนี้จะเป็นทักษะที่ต่ำที่สุด แต่เจ้าก็นับว่ามีความเข้าใจที่ยอดเยี่ยมมาก อันดับของเจ้าคืออันที่สิบสาม ไม่สามารถแทนที่อันดับเดิมได้”
หืม?
แม้หลิงฮันจะไม่สนใจทำลายสถิติ แต่เมื่อได้ยินว่าความเข้าใจของเขารวดเร็วเพียงแค่อันดับที่สิบสาม เขาก็อดแสดงท่าทีไม่ยินยอมออกมาไม่ได้
แต่กลับกัน เมื่อลองคิดถึงว่าสำนักนภาสีชาดนั่นก่อตั้งขึ้นมากว่าหลายล้านปีแล้ว ในช่วงเวลาขนาดนี้จะมีอัจฉริยะที่เชี่ยวชาญด้านความเข้าใจปรากฏขึ้นมากมายกี่คนกัน?
“เจ้าสามารถไปชั้นสองได้” จิตวิญญาณกล่าว ทันใดนั้นกำแพงหินด้านหน้าของหลิงฮันก็หายไปและแทนที่ด้วยทางเดินขึ้นไปชั้นบน
หลิงฮันเดินขึ้นไปและพบว่าสุดทางเดินก็ยังคงเป็นห้องหินเหมือนเดิม ในห้องหินมีโต๊ะหินและแผ่นหยกวางไว้เช่นกัน
เจ้าจะให้ข้าทดสอบเหมือนเดิมอีกครั้ง?
“เจ้ามีโอกาสทำลายแผ่นหยกด้วยพลังวิญญาณสามครั้ง” เสียงของจิตวิญญาณหอคอดังขึ้น
ครั้งนี้คือการทดสอบพลังของจิตวิญญาณ
หลังจากบรรลุระดับทลายมิติแล้วจอมยุทธจะสามารถเริ่มขัดเกลาจิตวิญญาณของตนเองได้ แต่สำหรับจอมยุทธบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างเช่นหลี่เหว่ยเหว่ย พวกเขาได้ใช้สมบัติสำหรับบ่มเพาะจิตวิญญาณมามากมายตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นจิตวิญญาณของพวกเขาจึงแข็งแกร่งเป็นธรรมดา
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลี่เหว่ยเหว่ยจึงมั่นใจว่านางจะชนะหลิงฮัน แค่จุดเริ่มต้นของทั้งคู่ก็แตกต่างกันขนาดนี้แล้ว นางคิดว่าแม้หลิงฮันจะผ่านการทดสอบไปได้แต่ผลการประเมินคงจะไม่ดีเท่าไหร่
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย พลังวิญญาณของเขาจะด้อยกว่าเหล่ารุ่นเยาว์ของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะหรือไม่?