ตอนที่ 8-1
“เสด็จย่า ทำไมมาอยู่ตรงนี้เพคะ ลมออกจะแรง”
รยูฮาจับมือของพระพันปีผู้ซึ่งเดินเตร่อยู่ข้างรอเวลาให้ภรรยาของหลานชายเข้ามา แล้วเป่าลมหายใจลงไป
“พระชายา มือข้าเองก็เย็นเหมือนกัน”
ฮอนพูดขึ้นพร้อมกับยื่นมือออกไป รยูฮาจับมือที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแน่นแล้วเดินขึ้นบันไดไป ประตูหลายชั้นถูกเปิดออกแล้วเข้ามายื่นในห้องพักของพระพันปีถึงได้รู้สึกถึงบางอย่างที่คุ้นเคย
“พระพันปี นี่มัน…”
ฮอนเปิดปากพูดก่อนอย่างระมัดระวัง ของตกแต่งและของมีค่าที่เคยวางอยู่ทุกที่ทั่วห้องมันหายไปกว่าครึ่งไม่ใช่หรือ
“ใช่แล้ว พอเห็นรถม้าและนางในที่พระชายาส่งกลับมาแล้วก็รู้สึกละอายใจมาก องค์รัชทายาทกับพระชายาบอกว่าจะไปดูแลเหล่าชาวบ้านที่ตกอยู่ในความลำบาก แล้วพากันออกเดินทางไปบนทางที่ยากลำบาก คนแก่คนนี้ก็เห็นว่าทองคำที่อยู่ในห้องนี้เฉยๆ มันสิ้นเปลืองเงินพระคลัง เลยส่งไปช่วยคนที่ยากจน”
นั่นมัน… พวกเขาไม่ได้ส่งนางในกลับมาเพราะแบบนี้สักนิด ฮอนผงะแล้วมองไปทางรยูฮา ดูเหมือนว่านางเองก็จะคิดเหมือนกัน แต่ใบหน้าของพระพันปีที่พูดขึ้นมาแบบนั้นกลับดูสดใสและปลาบปลื้มใจอย่างที่ไม่เคยมีเมื่อก่อน เพราะอย่างนั้นให้เข้าใจเช่นนั้นก็คงได้ ใบหน้าของฮอนเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอย่างรวดเร็วและกล่าวชมพระพันปี
“ทรงฉลาดหลักแหลมมากพ่ะย่ะค่ะ พระพันปี ทั้งประเทศคงสรรเสริญความมีน้ำใจของพระองค์อยู่”
“ใช่แล้วเพคะ เสด็จย่า เพราะความกรุณาของพระองค์ ฤดูหนาวนี้ชาวบ้านคงได้ใช้ชีวิตอย่างอบอุ่น”
ใบหน้าของพระพันปียิ่งสดใสขึ้นไปอีกเพราะคำชมของสองหนุ่มสาว ตอนนั้นเองเสียงของนางในอายุมากก็ลอยผ่านเข้าประตูมา
“พระพันปี องค์ชายสองเสด็จเพคะ”
“ให้เข้ามา”
สำหรับชานผู้รู้สึกหนาวเย็นอยู่นั้น อากาศอันอบอุ่นกำลังโอบล้อมตัวเขาไว้ชนิดที่เขาเองก็รู้สึกไม่คุ้นเคย สามคนที่นั่งอมยิ้มอยู่ตรงกลางนั้นดูอ่อนโยนและสนิทสนมกันมาก จนไม่มีที่ให้ชานแทรกเข้ามา
“กระหม่อมมาสายนี่เอง ถวายบังคมพระพันปี ขอทรงพระเจริญ”
“นั่งเถอะ อีกไม่นานก็ถึงเวลาอาหารแล้ว”
พระพันปียิ้มให้แล้วกลับมาดูภูมิฐานตามเดิม ก่อนจะส่งสัญญาณมือไปทางชาน ทั้งที่ก็เป็นท่าทางที่เหมือนเดิมอยู่ตลอดแต่ไม่รู้ทำไมมาคราวนี้ในใจมันถึงรู้สึกหวาดกลัว
“เสด็จพี่ ดูเหมือนว่าจะยังไม่หายเหนื่อย”
“ไม่ใช่หรอกพ่ะย่ะค่ะ พอได้นอนสบายเลยไม่ชินจึงดื่มเหล้ามานิดหน่อย”
“…อย่างนั้นหรือ”
ฮอนยกแก้วน้ำขึ้น รสขมเปียกตลบอบอวลอยู่ในปาก คืนนั้นที่มือลอบสังหารเข้ามา ภาพที่เขาเห็นตอนสติอันน้อยนิดกลับมา ชายที่กอดรยูฮาผู้ซึ่งกำลังมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือชานแน่ๆ แม้จะมองเห็นแต่ฮอนก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ แต่เดิมที่ตรงนี้คือที่ที่ชานต้องนั่ง และรยูฮาผู้ซึ่งจะมาเป็นพระชายาก็จะกลายเป็นผู้หญิงของเขา ถึงแม้ฮอนจะไม่ได้เป็นฝ่ายแย่งที่นั้นมาด้วยตัวเองแต่ความจริงข้อนั้นก็ใช่ว่าจะเปลี่ยน
ในเช้าวันนั้น ทั้งฮอนและชานก็ไม่สามารถแม้แต่จะฝืนยิ้มได้ พระพันปีและรยูฮาดูออกถึงความเย็นยะเยือกที่ไหลผ่านออกมาจากทั้งคู่ แต่ก็เงียบคำไว้เหมือนอย่างทุกที หลังจากสถานการณ์น่าอึดอัดผ่านไปทั้งอย่างนั้น พระพันปีก็เอ่ยปากไล่สองพี่น้องต่างจากปกติ
“ทั้งคู่กลับไปเถอะ ส่วนพระชายาอยู่คุยกับย่าก่อน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
พระพันปีมองทั้งคู่เดินออกนอกประตูไปแล้วพิงลงบนเก้าอี้อย่างสบาย
“ได้ยินว่าเรื่องคราวนี้สร้างความลำบากให้พระชายาเป็นอย่างมาก”
“ไม่เลยเพคะ หม่อมฉันละอายมากกว่าที่ปลอดภัยอยู่คนเดียว”
ร่างกายของพระพันปีแก่ลงและเกิดริ้วรอย ผมที่เคยดกดำยาวสลวยก็กลายเป็นสีเทา แต่ไหวพริบไม่ได้ลดลงไปตามกาลเวลา รยูฮาเพิ่งรู้ว่าแววตาฉลาดภายใต้ริ้วรอยนั้นเหมือนกับพระราชา
“คนที่อยู่เบื้องหลังยังไม่ถูกเปิดเผยออกมาใช่หรือไม่”
“เพคะ”
พระพันปีมองปราดไปที่ใบหน้าของรยูฮาเงียบๆ ดูเหมือนจะเล็งเป้าหมายอะไรบางอย่าง แล้วหลังจากนั้นก็พูดด้วยเสียงอันเบา
“อาจจะไม่ได้หวังปลิดชีพจริงๆ”
แม้จะมีรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวไปที่พระราชวัง แต่ด้วยความที่เบื้องหลังยังไม่แน่ชัดการคาดเดาทั้งหมดจึงเป็นสิ่งที่ถูกจำกัดขอบเขตไว้ ภายนอกอาจจะเห็นว่าเป็นการลงมือสังหารที่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ทำไมพระพันปีที่นั่งอยู่ในวังชังชุนถึงได้รู้เรื่องพวกนั้น ดวงตาของรยูฮาเต็มไปด้วยความมึนงง
“ทำไมเสด็จย่าถึง…?”
“สมแล้ว”
พระพันปีถอนหายใจจ้องมองไปยังแก้วชาที่เพิ่งวางลงตรงหน้าเมื่อครู่
“ข้ารู้จักคนที่น่าจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ แต่พูดออกไปไม่ได้ เพราะไม่มีแม้แต่หลักฐานสักนิด”
“ว่าแต่ทำไมเสด็จย่าทำไมบอกเรื่องนี้กับหม่อมฉันหรือเพคะ ทรงทูลโดยตรงกับฝ่าบาทจะ…”
“ยังไม่ถึงเวลา ถ้าที่ข้าคิดมันถูก ถึงจะไม่อันตรายต่อชีวิตแต่ก็อันตรายต่อหัวใจและสติของเขา พระชายาช่วยยึดหัวใจนั่นไว้ให้แน่นด้วย เรื่องนี้ย่าขอ…”