TQF:บทที่ 651 อัดคนอีกครั้ง (1)
ชายหนุ่มวัยเยาว์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกนางสวมเสื้อคลุมสีเข้มตัดกับเส้นขอบสีเงินลายเมฆของเสื้อตัวใน คาดเข็มขัดหยกไว้ที่เอว ในมือถือพัดที่ทำมาจากงาช้าง
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาประดับด้วยรอยยิ้มจางๆ ยกคางขึ้นนิดหน่อยของเขายกขึ้นเล็กน้อย ภายในตาเรียวยาวเปล่งประกายราวกับดวงดาวมากมาย สายตาจ้องตรงไปที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อย
ไม่ทันที่พี่น้องตระกูลฟางจะตอบรับ เสียงเย่อหยิ่งเล็กน้อยของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง “คนผู้นี้คือแม่นางเฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่โด่งดังรึเปล่า ได้ข่าวว่าแม่นางเฉิงเสี่ยวเสี่ยวยังเป็นเจ้าแห่งการฝึกสัตว์อีกด้วย ไม่ทราบว่าข้าน้อยจะมีโอกาสได้เห็นสัตว์อมตะของแม่นางหรือไม่”
“ไอหนุ่ม เจ้าเต๊ะท่าเกินไปรึเปล่า ลูกเต้าเหล่าใครเนี่ย รีบเอากลับบ้านไปจะดีกว่า อยู่ที่นี่ก็พูดมากน่ารำคาญ” หยูเฮงน้อยไม่เคยรู้ว่าความเกรงใจเขียนอย่างไร หากเป็นคนที่นางไม่ชอบแล้ว ก็จะไม่ไว้หน้าเด็ดขาด
เห็นได้ชัดว่าเจ้าหนุ่มคนนี้ไม่รู้จักนิสัยใจคอของหยูเฮงน้อยเลย จึงได้รับเกียรติให้กลายเป็นคนโดนระเบิดไปคนแรก เพื่อแสดงความเห็นใจ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ได้ส่งสายตาเย็นชาให้เขา
คุณชายผู้เย่อหยิ่งคนนี้หน้าเขียวทันที ส่วนพี่น้องตระกูลฟางรู้ว่าหยูเฮงน้อยทำให้อีกขุ่นเคืองซะแล้วก็ได้แต่ยิ้มเฝื่อนๆไม่พูดอะไร อย่างไรซะอธิบายอะไรไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
“พวกเจ้า ได้ ดีมาก…..”
ชายหนุ่มจากไปด้วยท่าทางโกรธแค้นพร้อมสะบัดแขนออกอย่างไม่พอใจ หยูเฮงน้อยเบ้ปากใส่แผ่นหลังของเขาอย่างไม่ใส่ใจ นางรู้สึกตัวตั้งนานแล้วว่าเจ้าคนเมื่อกี้คิดไม่ซื่อ ย่อมต้องพูดไม่ดีด้วยอยู่แล้ว
“ที่แท้พวกนางก็คือคุณหนูผู้เป็นญาติของตระกูลฟางนั่นเอง งดงามเหนือผู้อื่นสมกับที่เขาลือกันจริงๆ”
“ไม่คิดเลยว่าพวกนางจะสวยขนาดนี้”
“เจ้าแห่งการฝึกสัตว์? นางทรงพลังขนาดนั้นจริงๆเหรอ ท่าทางนางอายุน้อยกว่าข้าซะอีก”
“ได้ข่าวว่าแม่นางตัวเล็กผู้นั้นก็เป็นเจ้าแห่งการฝึกสัตว์ด้วยเช่นกัน ฐานะที่แท้จริงของนางก็คือสาวใช้ของคุณหนูผู้เป็นญาติของตระกูลฟาง”
“ปากของแม่นางตัวเล็กเก่งอยู่นะ ว่าซะคุณชายใหญ่ตระกูลจางไม่พอใจขนาดนั้น”
“……….”
ผู้คนยืนมองดูพวกนางอยู่ห่างๆและเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ ในคำพูดพวกเขามีแต่ความอยากรู้อยากเห็นและความสงสัยที่ต่อเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อย
แน่นอนว่าหัวข้อเหล่านี้ไม่สามารถรอดพ้นจากหูของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยได้อีกนั่นแหละ และก็ได้รู้ว่าไอเจ้านกยูงเพศผู้ที่หยิ่งผยองนั่นดองกับบ้านรองนี่เอง มิน่าล่ะถึงได้มีน้ำเสียงถือตัว น่ารังเกียจที่สุด
“พี่ชายพี่สาว เมื่อกี้…”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเพิ่งจะเอ่ยปากฟางซีเฉิงก็ส่ายหัว “น้องสาว ไม่จำเป็นต้องอธิบายหรอก อย่างไรซะเขาก็คอยพูดแดกดันพวกเราเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่เคยจะพูดดี เมื่อที่หยูเฮงน้อยพูดก็ถูก”
“อิอิ คุณชาย ข้านึกว่าเจ้าจะหาว่าข้าสร้างปัญหาซะอีก” หยูเฮงน้อยยิ้มตาหยี
“จะเป็นไปได้อย่างไร”
“พวกท่านไม่โทษข้าก็ดีแล้ว”
“โอ้ว พระธิดาฉียวี่มาแล้ว…”
มีเสียงอุทานดังขึ้น บรรดาคนที่พูดคุยกันอยู่มองตามเสียงไปตามๆกัน ที่ไกลๆนั่นมีร่างหนึ่งที่ทรวดทรงองเอวสง่างามสวมเสื้อผ้าสีเขียวผ่องใสประดับด้วยลายดอกไม้อ่อนหวาน ผิวขาวสะอาดดั่งดอกหลัน
นางเดินเข้ามาเรื่อยๆ และใบหน้าของนางก็แจ่มแจ้งในสายตามากขึ้น ดวงตาเปล่งประกาย ผิวขาวราวเกล็ดหิมะ ในความสวยแฝงไว้ด้วยความเท่ ตาเฉี่ยวคู่สวยมีทั้งความไร้เดียงสาและความมากด้วยเสน่ห์ซึ่งหาได้ยากมาก สายตาเหมือนกับมองมาทางนี้ มุมปากของนางกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนๆที่ประดับอยู่บนใบหน้า
ผู้ชาย 2 คนที่อยู่ข้างกายนางไม่มองเฉไฉไปทิศอื่น ท่าทางสง่าโดดเด่นกว่าผู้อื่น น่าจะเป็นผู้ติดตามของนางที่คอยปกป้องนาง
ฝีก้าวของนางดูเหมือนช้าแต่ไม่ช้าและเธอ พริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าพวกนาง
“ชื่อของข้าคือหวงฝู่หวั่นหรง ลูกสาวขององค์ชาย 7 มีนามว่าพระธิดาฉียวี่” นางยืนห่างออกไป 3 ก้าว สายตาจ้องตรงมาที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและเริ่มแนะนำตัวเอง
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพลางพยักหน้าเบาๆ “ข้าชื่อเฉิงเสี่ยวเสี่ยว นี่คือน้องสาวของข้า เฉิงหยูเฮง”
“แม่นางหยูเฮงน่ารักมาก” หวงฝู่หวั่นหรงมองหยูเฮงน้อยแว้บหนึ่ง นางนึกว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่มีวิทยายุทธอะไร แต่ก็ยังทักทายหยูเฮงน้อยอยู่
เหมือนว่าหยูเฮงน้อยจะรู้สึกดีกับนางอยู่ เผยรอยยิ้มหวานที่ไม่ค่อยจะได้เห็น “เจ้าก็ไม่เลวนี่”
“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว” หวงฝู่หวั่นหรงยืดอกและกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
เห็นท่าทีของนางแล้วเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็รู้สึกเหมือนเห็นหยูเฮงน้อย คล้ายคลึงกันเสียจริง ความรู้สึกที่มีต่อพระธิดาฉียวี่คนนี้ก็ดีขึ้นในทันที
ไม่นานนักก็มีเสียงอุทานดังขึ้นมาจากอีกทิศนึง มีหญิงสาวอีกคนที่มีรูปร่างหน้าตาโดดเด่นปรากฏตัวขึ้นนางสวมชุดที่ทำด้วยผ้าโปร่งแสง พลิ้วไหวทุกย่างก้าว นัยน์ตาใสสกาวราวกับคลื่นน้ำในฤดูใบไม้ผลิ ท่าทางอ่อนหวานเสียยิ่งกว่าดอกไม้ บนหัวประดับด้วยปิ่นคู่มังกรหงส์ แค่รอยยิ้มก็ทำให้จิตใจคนสั่นไหว หลายๆคนรุมล้อมไปยังทิศนั้น นางถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คนราวกับดวงดาวมากมายที่โอบล้อมพระจันทร์ไว้
นางเดินไปทางไหนก็มีแต่คนเหลียวหลังมามอง ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิงล้วนมองมาที่นางทั้งนั้น พระธิดาฉียวี่ที่ยืนข้างๆเฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มออกมาอย่างเยาะเย้ย พลางกล่าวขึ้น “แม่นางเฉิงคงไม่รู้จักลูกพี่ลูกน้องของข้าท่านนี้ นางชื่อว่าหวงฝู่ซู่ซิน มีนามว่าพระธิดาซีหลาน นางเป็นธิดาขององค์ชายใหญ่
“อ๋อ…” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตอบเรียบๆ ไม่ได้รู้สึกอะไรกับพระธิดาซีหลานคนนี้เท่าไหร่
ไม่ที่พวกนางจะได้พูดอะไรต่อก็มีอุทานขึ้นอีกครั้ง และก็เห็นว่าผู้คนที่รวมตัวกันอยู่ในเวลานี้ได้กระจายออกหมด มีร่างเรียวยาวก้าวออกมาด้วยท่าทีน่าเกรงขาม ผมดกดำของเขาพลิ้วไหวไปตามสายลม รับกับโครงหน้าแข็งกร้าวและเบ้าสุดของเขาไว้อย่างดี คิ้วคู่คมกริบตวัดขึ้นเล็กน้อยดูขึงขัง
ความรู้สึกแรกเฉิงเสี่ยวเสี่ยวมีต่อชายคนนี้คือเยือกเย็นเด็ดขาดและไร้ความปราณี
เขาก้าวเดินมาเรื่อยๆเหมือนดั่งเทวดาที่ลงมาจุติ ท่าทางเหมือนเจ้าที่ปรายตาดูโลก แม้จะเป็นแค่ชายหนุ่มวัยเยาว์แต่ก็ทำให้หลายๆคนใจระส่ำและหลีกทางให้เขา
—————————