ทุกคนในห้องประชุมตกใจค้างกับภาพตรงหน้าที่ได้เห็นเช่นเดียวกับเหล่าเจ้าหน้าที่รักความปลอดของค่ายที่อยู่ด้านนอกและได้เห็นภาพนี้ก็กลัวจนขาสั่นเหมือนกัน
ไอ้วัตุที่บินฉวัดเฉวียนไปมาคือสิ่งที่ไม่จัดอยู่ในหมวดหมู่อะไรทั้งนั้นพวกเขาไม่รู้จะต้องเรียกมันว่าอะไร รูปลักษณ์ภายนอกที่มีสีดำมืดสนิทหากบางครั้งก็มีประกายวาวจนทำให้ยากที่จะระบุสีที่ชัดเจนได้ รู้เพียงแค่ว่าสีของมันล้ำลึกและให้สัมผัสถึงอันตรายราวกับคนที่มองจะถูกมันดูดกลืนเข้าไป สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือพวกเขาไม่สามารถเข้าใจหลักการในการบินของเจ้าวัตถุนี้ได้เลย
มันสามารถลอยตัวนิ่งกลางอากาศได้!
”เร็วเข้า!”ซางจิ่วตี้ที่ตอบสนองอย่างรวดเร็วเอ่ยสั่ง แม้น้ำเสียงจะแฝงไปด้วยความกลัวและตื่นตระหนก หากเธอก็ยังสามารถสั่งการออกมาเป็นขั้นตอนได้ “รีบอพยพชาวบ้านบริเวณนี้ออกไป เราต้องกั้นเขตบริเวณนี้เอาไว้ให้ได้!”
ไม่รู้ว่าใครก็หรืออะไรก็ตามที่อยู่ในวัตถุนั้นต้องการจะทำอะไรกันแน่?เธอเองก็ไม่เคยเจออะไรเช่นนี้มาก่อน ทว่ายิ่งผู้คนรู้น้อยเท่าไหร่มันยิ่งดีเท่านั้น เพราะถ้ามันเกิดจลาจลขึ้นมาอีกครั้ง ค่ายเขี้ยวหมาป่าคงย่ำแย่ไม่ต่างจากตอนที่เกิดข่าวลือว่าชูฮันตายอย่างแน่นอน…
ด้วยคำสั่งของซางจิ่วตี้เจ้าหน้าที่ที่เหลือในห้องประชุมก็ได้สติกลับมา ทุกคนรีบพุ่งตัวออกไปปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง รีบเคลื่อนย้ายชาวบ้านและจัดเตรียมอาวุธให้พร้อม ไม่มีใครชักช้าในช่วงเวลาฉุกเฉินนี้ ทุกคนกระตือรือร้นที่จะทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มกำลัง
ในขณะที่บรรยากาศตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดสูงซางจิ่วตี้ที่ยืนอย่างมั่นคงอยู่ตรงหน้าต่างของห้องประชุมก็จ้องไปที่เจ้าวัตถุที่ไม่สามารถระบุตัวตนอย่างไม่วางตา ขณะที่ภายในนั้นชูฮันและเกาช้าวฮุ่ยกำลังเถียงกันอยู่
”ฉันบอกให้นายค่อยๆเปิดตัวดีๆไง?”
”ฉันมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้นิ?อีกอย่างนายก็เอาแต่หลับเองนี่นา”
”นายกำลังทำให้ทุกคนแตกตื่นแล้วไอ้สัญญาณเตือนสีแดงตรงหน้าจอนี่คืออะไร?”
”เฮ้ย!พลังงานกำลังจะหมด!”
ซางจิ่วตี้ขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเจ้าวัตถุตรงหน้าลอยนิ่งอยู่กลางอากาศไม่ขยับเขยื้อนอยู่พักใหญ่แล้วแถมยังไม่มีเจตนาจะโจมตีหรือการส่งสัญญาณตะพยายามติดต่อสื่อสารกับพวกเธอเลย
มันคืออะไรกันแน่?
ถ้าชาวบ้านรู้ขึ้นมา…
ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่สบายใจมากเท่านั้นตอนนี้ทุกอย่างมันอ่อนไหวมาก ทั้งกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่กำลังดิ้นรนอย่างยากลำบากและข่าวการมีชีวิตอยู่ของชูฮันที่พึ่งจะเริ่มกระจายไปได้ไม่ทันไร จู่ๆพวกเธอก็ถูกเจ้าวัตถุที่ไม่สามารถระบุตัวตนบุกมาอีก
เธอไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้?แล้วอนาคตของค่ายเขี้ยวหมาป่าจะเป็นยังไง? ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนอยู่ที่ทางตัน
”จิ่วตี้จัดกาารอพยพชาวบ้านเรียบร้อยแล้ว” หยางเทียนเข้ามารายงานอย่างรวดเร็ว จางโควเป็นคนรายงานสถานการณ์ปัจจุบันมายังหยางเทียน เขาสามารถจัดการอพยพชาวบ้านในบริเวณเขตรอบๆได้ด้วยความเร็วสูง ซึ่งมันได้แสดงให้เห็นถึงการบริหารจัดการค่ายเขี้ยวหมาป่าที่อยู่ในระดับสูงจนน่าทึ่ง
แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่ทำให้อารมณ์ของซางจิ่วตี้ดีขึ้น และยังไม่ทันที่เธอจะได้อ้าปากพูด เจ้าวัตถุที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ก็ค่อยๆส่งเสียงกระหึ่มเบาๆขึ้นมา และต่อหน้าที่ระดับสายตาของซางจิ่วตี้และหยางเทียน เจ้ายานนี้ก็ค่อยลงจอด
”สถานการณ์เป็นยังไง?”หยางเทียนรู้สึกหวาดกลัว “มันหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ เพื่อหาที่ลงจอดงั้นเหรอ?”
”มันสายเกินไปที่จะคิดถึงเรื่องนั้นแล้ว!”ซางจิ่วตี้เองก็ไม่คิดเลยว่ามันจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เจ้าวัตถุที่ไม่สามารถระบุได้ที่ก่อนหน้านี้เร่งความเร็วจนจะพุ่งชนพวกเธอทำไมจู่ๆถึงลงจอด?
ในใจของซางจิ่วตี้มีความรู้สึกแปลกๆบางอย่างก่อตัวขึ้นยานตรงหน้านี้เป็นวัตถุเทคโนโลยีชั้นสูงที่คนสร้างขึ้นหรือเป็นเอเลี่ยนกัน? ถ้าเป็นคน…แล้วอีกฝ่ายไปหาวัตถุแบบนี้มาจากไหน?
ท่ามกลางสถานการณ์แปลกประหลาดเจ้าวัตถุที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ในขณะนี้ถูกล้อมไว้ด้วยเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของค่ายรวมถึงเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายที่ก่อนหน้านี้เคยประชุมกันอยู่ในห้อง ทุกคนประหลาดใจอย่างมากกับการปรากฏตัวของวัตถุแปลกประหลาดตรงหน้า
”ไม่มีใครออกมา?”ซางจิ่วตี้ถามทันทีที่เดินมาถึง
”อาวุธเตรียมพร้อมแล้วรอดูว่าจะมีสัตว์ประหลาดอะไรโผล่ออกมา” หยางเทียนตอบทันที
”พรึบ!”
เสียงของอาวุธที่จัดเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้เรียบร้อยของเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพวกเขาเองก็มาจากกองทัพเขี้ยวหมาป่า ถูกฝึกฝนมาด้วยกันแถมยังได้รับการฝึกพิเศษของหยางเทียนแยกที่เป็นคนโหดเหี้ยมอยู่แล้วอีก
อย่างเช่นในตอนนี้หยางเทียนกำลังคิดหาวิธีจัดการฆ่าสิ่งที่อยู่ในยานและชิงยานนั้นมาเป็นของค่าย…
ในที่สุดขณะที่ทุกคนเตรียมพร้อมเรียบร้อย วัตถุที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ก็ส่งเสียง “ฟ่า!” ออกมา ทุกคนมองเห็นด้านซ้ายและขวาของวัตถุค่อยๆมีการเคลื่อนนไหว ทันใดนั้นมันก็เผยให้เห็นประตูทั้งสองฝั่งที่เปิดออก ตามมาด้วยเสียงบทสนทนาที่เหนือความคาดหมายของทุกคนดังลั่นออกมาจากด้านในวัตถุ มีเสียงรองเท้าสองคู่เหยียบลงพื้นตามมาติดๆ
”ตึก!ตึก!”
หัวใจของทุกคนหยุดเต้น!
แต่ก่อนที่ทุกคนจะได้ทันมีปฏิกิริยาเสียงก่นด่าดังลั่นของเกาช้าวฮุ่ยก็ดังลั่นออกมาจากในยาน
”ให้ตายสิ!ชูฮัน! เพราะนายคนเดียวทำให้พลังงานหมดจนเจ้านี้บินต่อไม่ได้แล้ว!” เกาช้าวฮุ่ยแหกปากดังลั่น แถมพุ่งเข้าใส่ชูฮันที่ออกมาจากอีกฝั่งของ Amaterasu 3000 ทันทีด้วยความเดือดดาล
มันเป็นภาพที่หาดูได้ยากบรรยากาศรอบๆเงียบสนิทราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิต
ทุกคนนิ่งตัวแข็งเป็นหินภาพที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา…รองเท้าคู่สีดำที่คุ้นเคย เสื้อผ้าที่ดูธรรมดา ผมตัดสั้นธรรมดาๆ นัยน์ตาสีดำสนิทที่เป็นเอกลักษณ์ และขวานยักษ์ซิ่วโหลที่หลัง…
ชื่อที่คุ้นเคยที่ได้ยินไม่ต่างอะไรกับถูกพายุโหมกระหน่ำใส่สมองของพวกเขาว่างเปล่าคิดอะไรไม่ออก!
ชูฮัน!
และทันทีที่ได้เห็นใบหน้าของชูฮันปรากฏสู่สายตาทุกคนก็ชะงักจนเกือบลืมหายใจ แม้ว่าเกาช้าวฮุ่นจะดูโดดเด่นและมีรัศมีอำนาจมากกว่า ทว่าสำหรับทุกคนในขณะนี้ พวกเขาเหมือนกลายเป็นคนตาบอดที่มองเห็นแค่ชูฮันเพียงคนเดียว ไม่สังเกตเห็นเกาช้าวฮุ่ยที่อยู่ข้างๆเลยแม้แต่น้อย
เหลือเชื่อ!
เป็นไปได้ยังไง!มันคือปฏิหาริย์!
ชูฮันกลับมาแล้ว!
ความกังวลที่สั่งสมอยู่ในใจของทุกคนมานานสลายหายไปทันทีที่ได้เห็นหน้าชูฮันนัยน์ตาของทุกคนแดงก่ำ คำรามลั่นในลำคอ หายใจฟืดฟาด ทุกคนพยายามควบคุมอารมณ์ที่กำลังจะระเบิดออกมาของตัวเอง ความตื่นเต้นที่ไหลทะลักราวกับถูกคลื่นสึนามิซัดเข้าใส่
”หัวหน้าชูฮัน!”
”หัวหน้า!”
”ท่านพลเอก!ท่านพลเอกกลับมาแล้ว!”
”ยินดีต้อนรับกลับมาครับ!ค่ายเขี้ยวหมาป่ารอดแล้ว!”
อารมณ์หลากหลายผสมกันท่ามกลางกลุ่มคนบางคนก็ยิ้มไม่หยุด บางคนก็ดีใจจนน้ำตาไหล บางคนก็แหกปากลั่นไม่เป็นคำ ทุกอย่างยุ่งเหยิงไปหมด แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ นัยน์ที่แดงก่ำจับจ้องไปที่ชูฮันเป็นหนึ่งเดียวและแววตาของทุกคนมันสะท้อนความตื่นเต้นดีใจออกมา
เพราะชูฮันกลับมาแล้ว!