ถ้าอย่างนั้นไม่วางสายแล้วกัน

ไป๋ซู่เย่วางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ ไม่รอฟังเขาพูดอะไรก็พลิกตัวนอนต่อ

เย่เซียวที่อยู่อีกฟากของสาย ‘ฮัลโหล’ สองเสียงแต่ไม่ได้รับเสียงตอบรับ มีเพียงเสียงหายใจเข้าออกที่ไม่เป็นจังหวะให้เขาย่นคิ้ว

จากนั้นเก็บโทรศัพท์คว้ากุญแจรถมุ่งหน้าออกไปข้างนอก

“เย่เซียว” น่าหลันเพิ่งวางสัมภาระเสร็จเดินออกมาจากห้อง “คุณจะออกไปเหรอ?”

“อืม”

“แต่ตอนนี้ดึกมากแล้วนะ”

“คุณเองก็รีบพักผ่อน”

“นั่งเครื่องบินมาทั้งวัน คุณไม่เหนื่อยเหรอ?”

เย่เซียวกลับสับเท้าเดินต่อไปโดยไม่สนใจเธออีก น่าหลันคอยมองแผ่นหลังนั่นจนอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้ เขารีบออกไปขนาดนี้เพราะไปหาใคร? หรือว่า…เกี่ยวข้องกับไป๋ซู่เย่อีกแล้ว?

เดิมทีสัมมนาสี่วันแต่หลังจากเมื่อวานจู่ๆ เขาก็บอกว่าเลื่อนเวลาเสร็จก่อนกำหนด โต้รุ่งทำงานเพราะจะได้รีบกลับมา

น่าหลันอยากถามจริงๆ ว่าที่เขารีบกลับมาขนาดนี้เพราะไป๋ซู่เย่ใช่ไหม แต่ทำได้แค่เก็บคำถามเหล่านั้นไว้ในใจ

“คุณคะ ทำไมมายืนเหม่อตรงนี้ล่ะคะ? ออกไปเที่ยวกับนายท่านนานขนาดนี้ ไม่สนุกเหรอคะ?”

อาชิงยิ้มล้อเธอ

เธอดึงสติกลับมาแย้มปากยิ้ม “ไม่ได้ไม่สนุก สนุกมาก”

“นายท่านให้ของขวัญคุณด้วยสินะคะ?”

“แน่นอน”

เพียงแต่…นั่นไม่ใช่ของขวัญที่เขาไปเลือกเอง ขณะที่หยูอันมอบให้เธอนั้นยังดูออกถึงความผิดหวังของเธอได้ ปลอบเธอว่าเย่เซียวงานยุ่งเกินไปถึงได้วานให้เขาทำแทน

เธออดคิดไม่ได้ว่าเมื่อก่อนตอนวันเกิดไป๋ซู่เย่ เขาฉลองให้เธออย่างไร?

“พวกคุณอยู่โรงแรมเดียวกัน นอนห้องเดียวกันใช่ไหมคะ?” อาชิงยิ้มถามต่อ

น่าหลันหน้าแดง “เธอถามมากไปแล้ว”

“ดิฉันเป็นห่วงคุณไงคะ” อาชิงยิ้มคิกคัก “คุณว่าถ้าคุณอยู่ด้วยกันกับนายท่านแล้วฉวยโอกาสตอนนี้มีลูกของนายท่านสักคนก็ดีสิคะ! จากนิสัยของนายท่านจะต้องแต่งงานกับคุณทันทีแบบไม่ลังเลแน่!”

“เธอยิ่งอยู่ยิ่งไม่ระวังคำพูดนะ คำพูดแบบนี้พูดได้แค่ต่อหน้าฉัน ห้ามไปพูดต่อหน้าเย่เซียว” เธอดุกลบเกลื่อนไปที แม้จะมีรอยยิ้มบนใบหน้าแต่ในใจกลับรู้สึกขมขื่นอย่างบอกไม่ถูก

นอนห้องเดียวกัน?

ย่อมไม่มีทางเป็นอย่างนั้น

เย่เซียวมักรักษาระยะห่างกับเธอเสมอต่อให้หลายวันนี้เธอบอกใบ้อย่างชัดเจนตลอดแต่เขากลับทำเหมือนไม่เข้าใจอย่างเคย

……………………

ไป๋ซู่เย่หลับไม่ได้สติ เมื่อได้ยินเสียงกริ่งประตูก็ได้แต่ย่นคิ้ว ไม่ได้ลุกไปเปิดประตูแค่ดึงผ้าห่มขึ้นสูงคลุมโปงเพื่อปิดเสียงน่ารำคาญนั่น

แต่ยังดีที่กริ่งประตูไม่ได้ดังต่อหลังจากดังไปแค่สองครั้งก็ไร้การเคลื่อนไหวใดๆ เธอพรูลมหายใจออกหลับตานอนต่อ

เย่เซียวหยิบกุญแจไขประตูเดินตรงไปยังห้องนอน

แวบเดียวเห็นเธอที่หลับอยู่บนเตียง

นึกถึงเรื่องที่เธอวางสายเขาเพราะดูหนังกับผู้ชายคนอื่นไฟโทสะก็ยิ่งลุกโชน หมายจะคิดบัญชีกับเธอสักหน่อยแต่พอเลิกผ้าห่มออก เผยใบหน้าเล็กแดงซ่านเพราะอาการป่วยให้เห็น เขาใจกระตุกวูบ ไฟโทสะแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอื่นทันที

“ไป๋ซู่เย่?” เขาเรียกเธอเป็นการลองเชิง

เธอเหมือนไม่พอใจที่มีคนมารบกวนตัวเอง คิ้วสวยขมวดน้อยๆ

เขาแตะหน้าผากเธอหยั่งเชิงก่อนนึกโกรธไม่ได้ “คุณเป็นไข้มานานเท่าไหร่แล้ว?”

เสียงนี้…

แพขนตาเธอกะพริบปริบๆ ม่านตาค่อยๆ เปิดออก เพราะถูกไข้เล่นงานเข้าทำให้ภาพตรงหน้าเหมือนเคลือบด้วยหมอกจางๆ แต่ก็พอจะเห็นร่างสูงใหญ่ที่กำลังยืนอยู่ข้างเตียงตัวเอง

“…เย่เซียว?”

เสียงแหบแห้งเรียกขานเบาๆ คิดว่าตัวเองกำลังฝัน

เย่เซียวตอนนี้อยู่ต่างประเทศ อืม…กำลังอยู่กับน่าหลัน…

อาจเป็นเพราะเวลาป่วยขึ้นมาทำให้ป้อมปราการของหัวใจอ่อนแอกว่าปกติ แค่นึกถึงเรื่องนี้หัวใจเธอเจ็บแปล๊บขึ้นที “เย่เซียว ฉันเกลียดคุณจริงๆ นะ…”

เสียงของเธอแหบพร่าแทบไม่เป็นคำ

เย่เซียวก็ได้ยินชัดเจนอยู่ดี

มือที่ถือโทรศัพท์อยู่ชะงักไปครู่ ก้มหน้ามองเธอด้วยแววตาล้ำลึกน้อยๆ “เช่นกัน”

เสียงของเขาไม่ดังมากคล้ายพึมพำกับตัวเองมากกว่า

จากนั้นแค่เดินไปโทรศัพท์ที่ข้างหน้าต่าง

ถังซ่งที่ขณะนี้กำลังนอนหลับฝันดีอยู่ หงุดหงิดอย่างมากเมื่อถูกเสียงเรียกเข้าจากเขาปลุกให้ตื่น

“พี่ใหญ่ คงไม่ได้มาถามเรื่องสูตินรีเวชกับฉันอีกแล้วใช่ไหม? ฉันจะฆ่าคนได้เอานะ”

“ไข้ขึ้น ทำยังไง?”

“อะไรทำยังไง? ยัดตัวเองลงไปนั่งในตู้เย็นเพื่อลดอุณหภูมิหน่อยก็ได้แล้วนี่”

“ฉันจะลองเอานายไปแช่ตู้เย็นดูบ้าง” เย่เซียวกล่าวเสียงเย็นชา “นายมานี่ เดี๋ยวส่งตำแหน่งที่อยู่ไปให้”

“เดี๋ยวๆๆๆ นายโทรหาฉันดึกขนาดนี้แล้วยังจะส่งตำแหน่งที่อยู่อีก คนที่ไข้ขึ้นคือซู่ซู่ของนายเหรอ?”

‘ซู่ซู่ของนาย’ คำสั้นๆ ที่ปรับสีหน้าเย่เซียวให้ผ่อนคลายลงบ้างแม้แต่เขาเองยังไม่รู้ตัว หันกลับมามองหญิงสาวที่นอนคู้ตัวบนเตียงเป็นก้อนแวบหนึ่ง กล่าว “น่าจะไข้สูง เลยสติเลอะเลือนนิดหน่อย”

“ที่บ้านต้องมีกล่องยาแน่ๆ ในกล่องยาก็ต้องมียาลดไข้สิ นายลองค้นบ้านเธอดูแล้วให้เธอกินตามฉลากก็พอ อ้อ เอาถุงน้ำแข็งวางไว้บนหน้าผากเธอ ถ้าไม่ดีขึ้นค่อยตามฉัน” เขาหาววอดที “ฉันนอนละนะ”

“อืม”

“ว่าแต่เย่เซียว ไม่ใช่ว่าฉันพูดว่าอะไรนายนะ ดูท่าทางของนายแบบนี้ หนทางที่ตกหลุมอีกครั้งก็ไม่ไกลแล้วล่ะ”

“…ไสหัวไป”

เย่เซียวกดตัดสายทันที

นึกถึงถ้อยคำของถังซ่งเมื่อสักครู่ก่อนมองหญิงสาวบนเตียงอีกที อยู่ๆ ความหงุดหงิดพุ่งแล่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ตกหลุม?

นอกจากเขาโง่ แล้วยังเป็นประเภทโง่ดักดานแบบนั้น

ตอนนี้ดูแลเธอแค่ไม่อยากให้เธอได้เปรียบ ไม่อย่างนั้นเธอต้องหาข้ออ้างหนีเขาอีก

ฝันไปเถอะ!

คิดดังนี้ความหงุดหงิดที่สุมในอกก็มลายหายไปมากทีเดียว

เจอกล่องยาจากตู้อย่างราบรื่น แต่พอเปิดออกเขากลับนิ่งค้างไปชั่วขณะ

ในกล่องยามียาหลากหลายประเภททั้งขวดทั้งโหลล้วนเคยถูกเปิดใช้งานมาก่อนแล้ว เขาสุ่มหยิบแบบขวดมาดู

ยาหลายอย่างที่มีคุณสมบัติต้านโรคซึมเศร้าและรักษาอาการนอนไม่หลับ รวมถึงยาแก้ปวดกับยาบำรุงหัวใจ

หัวคิ้วขมวดแน่น

เย่เซียวปรายตามองหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงวูบหนึ่ง ยาพวกนี้เธอเคยกินมัน? ถ้าอย่างนั้น…นี่หมายความได้ว่าสิบปีมานี้…ความจริงเธอก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาเลย?

ความจริงนี่คือคำตอบที่เขาอยากได้มาตลอด ก่อนจะเจอเธอเขาหวังให้เธอจมอยู่กับความเจ็บปวดในช่วงสิบปีนี้อยู่ทุกเวลาที่หนึ่งวันนานเหมือนปี

แต่…

ณ เวลานี้ ยาในมือเหล่านี้กลับไม่ได้ให้ความสะใจเพราะได้แก้แค้นแก่เขา

วางยาไว้ที่เดิมแล้วค้นยาลดไข้ออกมาก่อนจะพบว่าเธอไม่ได้ต้มน้ำร้อนด้วยซ้ำ เขาจำต้องเดินอ้อมไปต้มน้ำร้อนที่ห้องครัวให้เธอ

ขณะที่ต้มน้ำอยู่ได้แต่คิดว่าตัวเองควรทิ้งเธอไป นี่เขาวิ่งโร่มาปรนนิบัติผู้หญิงคนนี้อย่างน่าแปลกแบบนี้? เขาบ้าไปแล้ว

………………………………..