บทที่ 1056 พิธีเปิดบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่น

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

วันที่8 เดือน 8..
  ตามศาสตร์ของตัวเลขนั้นเลข 8 นับเป็นเลขมงคลเหมาะแก่การเปิดกิจการ และจะทำให้ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง เงินทองไหลมาเทมา..
  และโม่วู๋เตาเองก็ได้บอกไว้ว่า..วันนี้นับเป็นวันนักษัตรที่ดีที่สุดในปีนี้อีกด้วย อีกทั้งวันนี้ท้องฟ้าก็ยังแจ่มใสยิ่งนัก..
  หลังจากฝึกวิชาดาราคุ้มกายเสร็จแล้วหลิงหยุนก็ได้ไปอาบน้ำแต่งตัว และสวมเสื้อผ้าที่เกาเฉินเฉินเตรียมไว้ให้ เมื่อเดินเข้าไปในห้องรับแขกทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน..
  “หล่อและภูมิฐานมากจริงๆ!”
  หลิงหยุนหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี“ฮ่า.. ฮ่า.. วันนี้ทุกคนพูดจาเป็นมงคล! เอาล่ะรีบๆกินข้าวจะได้รีบออกเดินทาง”
  เวลาเจ็ดโมงครึ่งหลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้วหลิงหยุน และผู้ที่เกี่ยวข้องก็ออกเดินทางไปที่อาคารหลิงหยุนทันที
  หลิงหยุนนั่งรถMaybach 62 ของเสี่ยวเม่ยหนิงไป และเมื่อเข้าไปใกล้อาคารหลิงหยุน เขาก็ถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างอัศจรรย์ใจ
  “ถังเมิ่งจัดงานได้ยิ่งใหญ่อลังการมากถึงเพียงนี้เชียวรึ!”
  วันนี้สำนักงานใหญ่ของบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นไม่เพียงเปิดให้สาธารณชนได้เข้าชม แต่ยังเปิดต้อนรับแขกเหรื่อจากทั่วโลกอีกด้วย..
  ที่สวนด้านนอกอาคารหลิงหยุนนั้นมีซุ้มครึ่งวงกลมตกแต่งด้วยสีแดงงดงาม พร้อมกับเขียนไว้ว่า ‘พิธีเปิดบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่น’
  ด้านข้างของซุ้มครึ่งวงกลมนั้นก็มีธงนานาชาติหลากหลายสีปักเรียงรายอยู่และกำลังโบกสะบัดอย่างสวยงาม นอกจากนั้นแล้วทั้งสองฝั่งของซุ้มยังประดับประดาไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ เป็นภาพที่งดงามอลังการยิ่งนัก
  นอกเหนือจากมวลดอกไม้ก็ยังมีปะทัดสีแดงกองโตที่เตรียมไว้สำหรับจุดเฉลิมฉลอง เพียงแค่รอให้พิธีเปิดมาถึงเท่านั้น แต่ยังไม่หมดแค่นั้น.. ถังเมิ่งยังได้จ้างมังกร และสิงโตมาเชิดภายในงานอีกด้วย
  ระยะทางจากซุ้มด้านหน้าตรงไปทางเข้าอาคารนั้นปูด้วยพรมแดงทอดเป็นทางยาวกว่าสิบแปดเมตร และสองข้างทางก็ตกแต่งไว้ด้วยมวลพฤกษชาติงดงาม..
  ที่จุดลงทะเบียนตรงซุ้มทางเข้าก็ยังมีนางแบบหน้าตางดงามอีกถึงเจ็ดสิบสองคนที่ถังเมิ่งจ้างมา และทั้งหมดก็อยู่ในชุดกี่เพ้าสีแดงยืนยิ้มต้อนรับแขกเหรื่อที่จะเข้ามาในงาน..
  ตลอดสองข้างพรมแดงนั้น..มีนักข่าวจากสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ และจากสื่อต่างๆ มารอทำข่าวกันอยู่มากมาย..
  แต่ทุกอย่างทั้งหมดที่พูดมานั้นล้วนแล้วแต่ต้องใช้เงินทั้งสิ้น หลิงหยุนจึงได้แต่พึมพำออกมา
  “เฮ้อ..จำเป็นต้องผลาญเงินขนาดนี้เชียวรึ”
  ทันทีที่รถMaybach 62 เคลื่อนเข้าไปจอดที่ซุ้มสีแดง เฉียนหยูไห่กับเฉินเจี้ยนเตาก็ได้พาพนักงานสิบกว่าคนมายืนเรียงแถวรอต้อนรับหลิงหยุน..
  “ท่านประธานใหญ่มาถึงแล้ว..ทุกคนปรบมือต้อนรับ!”
  หลิงหยุนเดินลงมาจากรถพร้อมกับยิ้มให้พนักงานที่มายืนรอแล้วพูดขึ้นว่า “วันนี้ทุกคนคงต้องเหนื่อยหน่อยนะ!”
  “เอาล่ะ..ตามผมเข้าไปในห้องประธานก่อน แขกมาแล้วค่อยลงมาต้อนรับ”
  ……….
  ระหว่างที่นั่งฟังเกาเฉินเฉินรายงานช่วงเวลาของแต่ละขั้นนตอนในพิธีภาพของถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋ก็ได้ปรากฏขึ้นในรัศมีจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนซึ่งเวลานี้นั่งอยู่ในห้องทำงานของประธานบริษัท..
  และทันทีที่ถังเมิ่งเข้ามาในห้องหลิงหยุนก็รีบถามถึงงบประมาณที่ใช้ไปกับการจัดงานในครั้งนี้ และเมื่อรู้คำตอบหลิงหยุนก็ถึงกับอึ้งไปทันที แต่ในเมื่อบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นนั้น เปรียบเสมือนความสำเร็จของตัวเขากับถังเมิ่ง หลิงหยุนจึงได้แต่นิ่งเงียบ..
  จนกระทั่งเวลาแปดโมงห้าสิบนาที..หลิงหยุนก็ได้เดินนำถังเมิ่ง ตี้เสี่ยวอู๋ อาปิง และคนอื่นๆ ลงไปเตรียมตัวต้อนรับแขกที่กำลังจะมาถึง
  ระหว่างนั้นถังเมิ่งก็ได้กระซิบบอกกับหลิงหยุนว่า“พี่หยุน.. วันนี้ท่านผู้ว่าการจะมาร่วมงานด้วยนะ! เขาชื่อซูเจิ้งหมิง.. เป็นพ่อของซูหลิงเฟย!”
  หลิงหยุนได้ฟังถึงกับตกใจและรีบหันไปถามถังเมิ่งทันที “ห๊ะ! นี่พ่อของเธอใหญ่โตขนาดนี้เชียวเหรอ?”
  แต่ถังเมิ่งกลับย้อมถามกลับมายิ้มๆ“พี่ว่าไงล่ะ”
  และในเวลาเก้าโมงตรง..จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนก็จับภาพรถสีดำหลายคันที่กำลังวิ่งตรงมายังอาคารหลิงหยุน และทั้งหมดก็คือรถของหลี่ยี่เฟิงและคณะ
  ทันทีที่หลี่ยี่เฟิงลงจากรถก็รีบเดินตรงเข้าไปทักทายหลิงหยุนทันที..
  “หลิงหยุน..ยินดีด้วย!”
  “ขอบคุณลุงหลี่ที่ให้การสนับสนุน!”
  บรรดานักข่าวจากสำนักต่างๆที่มารอทำข่าว เมื่อเห็นหลี่ยี่เฟิงมา ก็รีบกรูกันเข้าไปถ่ายรูปทันที..
  “หลิงหยุน..ยินดีด้วย!” เสียงร้องตะโกนของถังเทียนห่าวดังมาแต่ไกล
  หลิงหยุนรีบโค้งศรีษะลงเล็กน้อยพร้อมตอบกลับไปว่า “ขอบคุณครับลุงถัง..”
  หลังจากทักทายหลิงหยุนแล้วถังเทียนห่าวก็เดินไปรวมกลุ่มกับหลี่ยี่เฟิงที่กำลังพาหลิงหยุนไปรู้จักกับข้าราชการระดับสูงที่มาด้วยกัน หลี่ยี่เฟิงไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าจะมีใครเห็นความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างเขากับหลิงหยุนหรือไม่
  ผ่านไปราวยี่สิบนาที..รถยนต์คันหนึ่งก็เล่นตรงเข้ามายังอาคารหลิงหยุน ถังเมิ่งหันไปมอง และทันทีที่เห็นป้ายทะเบียนเขาก็รีบกระซิบข้างหูหลิงหยุน
  “พี่หยุน..รถของท่านผู้ว่า!”
  เมื่อรถคันนั้นแล่นมาจอดที่ซุ้มด้านหน้าหลิงหยุนก็เห็นชายชราอายุราวห้าสิบปีก้าวลงมาจากรถ ชายชราผู้นี้อยู่ในชุดเสื้อสูทคอจีนเรียบง่าย หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสแสดงออกถึงความเป็นมิตร เขาเดินลงจากรถและตรงเข้าไปหาหลิงหยุนทันที..
  “ท่านผู้ว่าซู..นี่ท่านก็มาด้วยรึ”
  หลี่ยี่เฟิงเห็นเข้าจึงรีบเดินตรงออกไปทักทายทันทีซูเจิ้งหมิงยิ้ม และทักทายหลี่ยี่เฟิงอีกสองสามคำ แล้วจึงหันไปทางหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
  “หลิงหยุน..ขอโทษที่ฉันมาโดยไม่ได้รับเชิญ เธอคงจะแปลกใจมากเลยสินะ!”
  หลิงหยุนตอบกลับทันที“ท่านผู้ว่าซูให้เกียรติกับผมเช่นนี้ ผมจะกล้าคิดแบบนั้นได้อย่างไรกันครับ!”
  ซูเจิ้งหมิงสำรวจมองหลิงหยุนอย่างละเอียดเขายิ้มกว้างพร้อมกับพูดขึ้นว่า “อืมม.. เธอเป็นเด็กหนุ่มที่มีมารยาทดี ใจกว้าง แล้วก็เป็นคนเก่ง!”
  “ท่านผู้ว่าชมผมเกินไป..”หลิงหยุนตอบกลับอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
  “ไม่เกินไปหรอก!หลิงหยุนฉันได้ยินเรื่องของเธอมานานแล้ว แต่เพิ่งจะได้เจอตัวจริงวันนี้ ในทีวีครั้งนั้นเธอยังแกะสลักน้ำแข็งเป็นรูปหลิงเฟยด้วยเลย!” ผู้ว่าซูพูดขึ้นพร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนด้วยตาเป็นประกาย
  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับตอบไปว่า“วันนั้นผมผลีผลามทำอะไรไม่คิดให้รอบคอบ ท่านผู้ว่าซูอย่าได้ถือโทษ!”
  ซูเจิ้งหมิงยกมือขึ้นตบบ่าหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ไว้ว่างๆ เธอก็ไปเยี่ยมเยียนฉันกับหลิงเฟยที่บ้านได้..”
  “ครับลุงซู..ผมจะไปเยี่ยมเยียนอย่างแน่นอน!”
  หลิงหยุนเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกซูเจิ้งหมิงทันทีหลังจากที่เขาเอ่ยปากชวน
  จากนั้นหลี่ยี่เฟิงกับซูเจิ้งหมิงก็เดินคุยกันไปในระหว่างที่เดินเข้าไปในห้องประชุมในขณะที่หลิงหยุนก็ออกไปต้อนรับมู่หลงเวิ่นฉี ซ่งเจิ้งหยาง เซียนหยก เถ้าแก่ซัน แล้วก็แขกคนอื่นๆ ที่กำลังทยอยมา
  จนกระทั่งเวลาเก้าโมงห้าสิบ..แขกคนสำคัญต่างก็ทยอยกันมาเกือบสามร้อยคนแล้ว ระหว่างนั้นหลิงหยุนก็บ่นกับถังเมิ่งว่า
  “นี่นายเชิญแขกมาทำไมมากมายขนาดนี้ฉันยิ้มจนเหงือกจะแห้งอยู่แล้ว..”
  จากนั้น..เหมี่ยวเสี่ยวเหมาซึ่งมากับท่านหมอเสี่ยว หลินเมิ่งหานที่มาพร้อมกับท่านปู่หลิน และหนิงหลิงยู่ที่มากับฉินฉางชิงก็มาถึงพอดี
  และในเวลาสิบโมงตรง..เหล่ากุ่ยกับหลิงซิ่วที่นั่งมาในรถคันเดียวกับเกาเทียนหลงก็มาถึงเช่นกัน
  ทันทีที่เดินลงมาจากรถบรรดานักข่าวก็กรูกันเข้ามาถ่ายรูป แต่หลิงซิ่วและเกาเทียนหลงกลับก็ไม่สนใจกับแสงแฟลชจากกล้องที่กระหน่ำยิงไม่หยุด และเดินตรงเข้าไปหาหลิงหยุนทันที..
  “เจ้าตัวแสบ..นับว่าพิธีเปิดใหญ่โตไม่แพ้บริษัทใหญ่ๆในปักกิ่งเลยทีเดียว!”
  หลิงหยุนทักทายพร้อมกับโอบกอดหลิงซิ่วต่อหน้าสาธารณชนจากนั้นเกาเทียนก็พูดขึ้นว่า
  “ยินดีด้วยหลิงหยุน!”
  “ข้าในฐานะตัวแทนของตระกูลเกาขอแสดงความยินดีกับการเปิดบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่น และของขวัญที่ข้านำมามอบให้กับเจ้าในวันนี้ก็คือเงินสดหนึ่งหมื่นล้าน!”
  “ห๊ะ!หนึ่งหมื่นล้าน!”
  สิ้นเสียงประกาศของเกาเทียนหลงนักข่าวต่างๆ ก็พากันร้องอุทานออกมาพร้อมกัน..
  แม้แต่ถังเมิ่งเองยังถึงกับอึ้งไปเช่นกันแต่คำตอบของหลิงหยุนกลับทำให้ทุกคนในงานนั้นอึ้งยิ่งกว่า “ขอบคุณท่านพี่ภรรยา..”
  จากนั้นจึงหันไปสั่งเกาเฉินเฉินที่ยืนหน้าแดง“เฉินเฉิน.. คุณช่วยพาพี่หลิงซิ่วกับพี่ใหญ่ของคุณไปที่ห้องประชุมก่อน!”
  ……….
  “พี่หยุน..แขกสำคัญๆ ก็มากันหมดแล้ว ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเฉินเจี้ยนเตาก็แล้วกัน!”
  แต่ในระหว่างนั้น..สาวงามคนหนึ่งที่มีรูปร่างเย้ายวนก็ปรากฏขึ้นในจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุน และมีหรือที่หลิงหยุนจะจำไม่ได้ว่าเป็นใคร
  เสี่ยวเม่ยเม่ย..!
  เสี่ยวเม่ยเม่ยสวมแว่นกันแดดสีดำอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีแดง กำลังขับรถตรงเข้ามายังอาคารหลิงหยุน..
  ระหว่างที่หลิงหยุนกำลังอยู่ในอาการตกใจนั้นเสี่ยวเม่ยเม่ยก็ได้ขับรถเข้ามาจอดอยู่ที่ซุ้มด้านหน้าเรียบร้อยแล้ว..
  เธอลดกระจกลงและค่อยๆ ยกมือขึ้นถอดแว่นกันแดดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงาม และผมยาวสลวย เสี่ยวเม่ยเม่ยจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “หลิงหยุน..ไม่ได้พบกันเสียนาน!”
  หลิงหยุนจ้องมองเสี่ยวเม่ยเม่ยที่เวลานี้งดงามกว่าเดิมถึงสองเท่าเขาถึงกับกลืนน้ำลาย และยิ้มให้ก่อนจะตอบไปว่า
  “ใช่แล้ว..เจ้ากับข้าไม่ได้พบกันนานเหลือเกิน!”
  หลิงหยุนคิดไม่ถึงว่าจู่ๆเสี่ยวเม่ยเม่ยจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่! และได้แต่คิดว่า ‘เวลานี้นางน่าจะอยู่ที่พรรคมารไม่ใช่รึ’
  หลิงหยุนยังจำได้ว่า..เมื่อครั้งที่เขาถามเรื่องของเสี่ยวเม่ยเม่ยจากธิดาพรรคมาร – เย่ซิงเฉินนั้น นางได้บอกกับเขาว่าเสี่ยวเม่ยเม่ยนับเป็นผลงานชิ้นเอกของพรรคมาร นางจะปล่อยตัวเสี่ยวเม่ยเม่ยกลับมาก็ต่อเมื่อเสี่ยวเม่ยเม่ยเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้แล้วเท่านั้น..
  เสี่ยวเม่ยเม่ยฝึกฝนก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วนั้นหลิงหยุนไม่นึกประหลาดใจ แต่เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเย่ซิงเฉินจะยอมปล่อยตัวนางกลับมาจริงๆ!
  รูปลักษณ์ภายนอกของเสี่ยวเม่ยเม่ยนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเดิมนักนอกจากผิวที่ขาวขึ้น และดูเหมือนจะอ่อนโยนกว่าก่อนเท่านั้น แต่นางยังคงมีเสน่ห์ยั่วยวนในแบบที่ผู้หญิงคนอื่นยากที่จะเลียนแบบได้..
  “เจ้าไม่ต้อนรับข้าแล้วงั้นรึหรือว่าลืมข้าไปหมดแล้ว?” novel-lucky
  เสี่ยวเม่ยเม่ยยังคงนั่งในรถและจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุข..
  หลิงหยุนก้าวเท้าเข้าไปหาและรีบเปิดประตูรถให้กับเสี่ยวเม่ยเม่ยพร้อมกับยื่นมือขวาออกไปพยุงนางให้ลุกขึ้นจากรถทันที และตอบกลับไปด้วยความปิติยินดี
  “ข้าต้องยินดีต้อนรับอยู่แล้ว..และยินดีต้อนรับอย่างที่สุด!”
  “พี่เม่ยเม่ย.. เป็นพี่จริงๆด้วย! พี่กลับมาได้ยังไง แล้วก็ยังสวยเหมือนเดิมด้วย!”
  ถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋เห็นเข้าก็ถึงกับตกใจจนแทบช็อคและถังเมิ่งก็ร้องตะโกนออกไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
  จะไม่ให้ทั้งคู่ตื่นเต้นดีใจได้อย่างไรกันในเมื่อเสี่ยวเม่ยเม่ยก็เคยร่วมเป็นร่วมตายกับพวกเขาทั้งคู่มาก่อน..
  เสี่ยวเม่ยเม่ยตอบกลับยิ้มๆ“ใช่.. ข้ากลับมาแล้ว!”
  “พี่เม่ยเม่ยกลับมาได้เวลาพอดี..วันนี้เป็นวันเปิดบริษัทเทียนตี้คอร์ปอรเรชั่น ความสุขในวันนี้ก็จะต้องเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า..”
  และก็ไม่มีใครปากดีเช่นถังเมิ่งอีกแล้ว..
  ระหว่างนั้นหลิงหยุนก็ได้เปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจรอบๆแต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของเย่ซิงเฉิน เขาจึงได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ
  หลิงหยุนเข้าใจได้ทันทีว่าการที่เสี่ยวเม่ยเม่ยกลับมาในวันเปิดบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นอย่างพอดีเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญ! แต่นี่คือของขวัญที่เย่ซิงเฉินได้มอบให้กับตนเอง..
  “เอาล่ะ..นี่ก็สิบโมงกว่าแล้ว พวกเราเข้าไปในห้องประชุมกันดีกว่า คิดว่าแขกทุกคนคงจะรออยู่แล้ว..”
  เช้านี้..ทุกอย่างได้ตระเตรียมไว้เป็นขั้นเป็นตอนหมดแล้ว หลิงหยุนจึงไม่มีแม้แต่เวลาจะพูดคุยกับเสี่ยวเม่ยเม่ย และเสี่ยวเม่ยเม่ยเองก็เข้าใจดี ระหว่างทางทั้งคู่จึงอาศัยเวลาช่วงสั้นๆนี้พูดคุยกัน..
  “เจ้าเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้แล้วนี่เก่งมากทีเดียว!” หลิงหยุนเอ่ยชม
  แต่เสี่ยวเม่ยเม่ยนั้นต้องการจะถามถึงเฉิงเม่ยเฟิงแต่คิดได้ว่าไม่น่าจะใช่เวลาที่เหมาะสมจึงเลือกที่จะนิ่งเงียบไปก่อน..
  หลิงหยุนกับถังเมิ่งเดินตรงเข้าไปในห้องประชุมซึ่งเวลานี้มีแขกเหรื่อนั่งกันอยู่เต็มไปหมดและทันทีที่หลิงหยุนเดินเข้าไป บรรดาผู้สื่อข่าวต่างก็ยิงแฟลชกันไม่หยุด และตั้งคำถามกันมากมาย แต่หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้ม และเดินตรงไปยังที่นั่งของตนเอง..
  จากนั้นพิธีกรชื่อดังสองคนก็ขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับเชื้อเชิญผู้ว่าการมณฑลเจียงหนาน– ซูเจิ้งหมิงให้ขึ้นไปกล่าวบนเวที
  “สวัสดีครับท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน– ผมซูเจิ้งหมิงผู้ว่าการมณฑลเจียนหนาน รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ขึ้นมากล่าวเปิดพิธีของบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นในครั้งนี้..”
  “บริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นนับเป็นกลุ่มบริษัทที่ใหญ่โตมากแม้จะทำเรื่องธุรกิจเกี่ยวกับยาเป็นหลัก แต่ก็ยังมีธุรกิจในเครืออีกมากมาย ทั้งโรงแรม อุปรกรณ์ก่อสร้าง การชนส่ง ซุปเปอร์มาร์เก็ต และอีกมากมาย…”
  ซูเจิ้งหมิงนั้นไม่ได้วางท่าเป็นข้าราชการระดับสูงเลยแม้แต่น้อยหลี่ยี่เฟิงเองก็เช่นกัน นั่นเพราะเวลานี้มีภายในห้องประชุมมีทั้งหลินหงจวิน และฉินฉางชิงนั่งอยู่ในงานด้วย มีหรือที่ทั้งซูเจิ้งหมิงและหลี่ยี่เฟิงจะไม่รู้จัก..
  จากนั้นก็ตามมาด้วยหลี่ยี่เฟิงที่ขึ้นมากล่าวเปิดพิธีต่อหลังจากกล่าวจบ พิธีกรก็กล่าวเชิญหลิงหยุนขึ้นไปพูด..
  หลิงหยุนเดินขึ้นไปบนเวทีเขายิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ผู้ใหญ่ทั้งสองท่านก็ได้กล่าวไปหมดแล้ว.. ผมจึงมีเพียงเรื่องเดียวที่จะประกาศต่อหน้าทุกคน..”
  “นับจากนี้ไปอีกสามเดือน..กิจการทุกอย่างของบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่น จะทำการลดราคาสินค้า และบริการให้กับทุกท่านสิบเปอร์เซ็นต์!”
  ………
  หลังจากกล่าวเพียงแค่สั้นๆเท่านั้นหลิงหยุนก็เดินกลับมานั่งประจำที่ และถังเมิ่งก็ได้แต่รำพึงรำพันออกมา..
  “เฮ้อ..พี่หยุน! พี่รู้มั๊ยว่าคำพูดประโยคนั้น ทำให้ผลกำไรของฉันลดลงเป็นพันล้านเลย!”
  แต่หลิงหยุนไม่ตอบอะไรเขาขมวดคิ้วพร้อมกับกระซิบถามถังเมิ่งว่า “ฟ่านลู่ปิงก็มาด้วยงั้นเหรอ นี่เธอมาได้ยังไงถังเมิ่ง?!”
  ถังเมิ่งตอบยิ้มๆ“พี่หยุน.. ซูหลิงเฟยเชิญมาเองล่ะ!”
  ………..
  เวลาสิบเอ็ดโมงตรง..หลังจากพิธีกล่าวเปิดงานจบ ทุกคนก็เดินออกจากห้องประชุมเพื่อเตรียมตัวเข้าร่วมในพิธีตัดริบบิ้น..
  เมื่อถึงเวลาสิบเอ็ดนาฬิกาสิบเจ็ดนาที..หลิงหยุน ฉินฉางชิง หลินหงจวิน ซูเจิ้งหมิง หลี่ยี่เฟิง ท่านเสี่ยวหมอเทวดา และถังเมิ่ง ต่างก็ยืนเรียงแถวหน้ากระดาน และในมือถือผ้าแพรสีแดงกับกรรไกรสีทอง..
  กรรไกรสีทองทั้งเจ็ดเล่มยื่นออกไปตัดผ้าแพรสีแดงพร้อมๆกันระหว่างนั้นปะทัดก็ถูกจุดขึ้นจนเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ และลูกโป่งที่หน้าซุ้มหนึ่งพันแปดร้อยแปดสิบลูกก็ถูกปล่อยขึ้นฟ้า ทีมเชิดสิงโตและมังกรก็เริ่มเชิดอีกครั้ง..
  เสียงตีกลองผสมผสานกับเสียงประทัดเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว..
  หลิงหยุนยืนมองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งพร้อมรำพึงรำพันกับตัวเอง..
  “ท่านพ่อ..ข้าจะไปตามหาท่าน!”
  “ท่านแม่..ข้าจะไปช่วยท่านออกมา!”
  “เม่ยเฟิง..หลงหวู่.. ข้าจะไปช่วยพวกเจ้า รอข้าด้วย!”
  “ข้าพร้อมที่จะพาตระกูลหลิงขึ้นมาผงาดอีกครั้งแล้ว!”