ราชาแห่งเกรย์คาสเซิล (1) โดย Ink Stone_Fantasy

ในขณะเดียวกัน

ณ เมืองกลอรี

ฮอฟอร์ด ควินน์ที่ได้ยินเสียงนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงวันวางปากกาขนนกในมือลง พร้อมกับมองออกไปทางตะวันตกเฉียงใต้

ข่าวการขึ้นครองราชย์ของวิมเบิลดันที่สี่นั้นไม่เพียงแต่จะแพร่กระจายไปทั่วทั้งเกรย์คาสเซิล แต่ในอาณาจักรดอว์นก็มีคนเอาเรื่องนี้มาป่าวประกาศเรื่องนี้เป็นจำนวนมากเหมือนกัน จากกำหนดการที่ได้แจ้งไว้บนประกาศ ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด ในเวลานี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ราชาหนุ่มคนนั้นจะขึ้นสวมมงกุฎแล้ว

ช่างเร็วจริงๆ

ฮอร์ฟอร์ดอดทอดถอนใจออกมาไม่ได้ เขาอายุน้อยกว่าแอนเดรียสองสามปี แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นราชาที่ไม่อาจต่อกรได้ อิทธิพลของเขาได้แผ่ขยายจนมาถึงอาณาจักรเพื่อนบ้านเรียบร้อยแล้ว

หลังจากที่ทำศึกกับตระกูลโมยาไป เหล่าขุนนางภายในอาณาจักรดอว์นมีอยู่หลายคนที่ไม่รู้จักชื่อจริงของวิมเบิลดันที่สาม แล้วก็มีบางคนที่ไม่รู้จักชื่อโรแลนด์ วิมเบิลดัน ตอนแรกข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับราชาแห่งเกรย์คาสเซิลแพร่กระจายอยู่แต่ในกลุ่มหอการค้าใต้ดิน จนภายหลังข่าวลือต่างๆ ก็ได้แพร่กระจายออกมาสู่โลกภายนอกเหมือนกับไฟลามทุ่ง

เมื่อสามปีก่อนเขายังเป็นเพียงผู้ปกครองเมืองเล็กๆ ที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง แล้วก็เป็นคนที่โดนดูถูกมากที่สุดในตระกูลวิมเบิลดัน

การที่เขาขยายอำนาจขึ้นมาได้รวดเร็วขนาดนี้เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก ถ้าจะใช้คำว่าสัตว์ประหลาดมานิยามก็ดูจะไม่มากเกินไป ซึ่งการกระทำหลายๆ อย่างของเขาก็ทำให้หลายๆ คนรู้สึกไม่เข้าใจ อย่างเช่นงานราชาภิเษกในครั้งนี้ นับแต่อดีตมา ไม่เคยมีราชาองค์ไหนที่เลือกจัดงานราชาภิเษกในเดือนแห่งปีศาจเหมือนอย่างเขามาก่อน

ปกติราชาแบบนี้มักจะปรากฏตัวขึ้นในช่วงที่บ้านเมืองกำลังวุ่นวาย แต่เมื่อคิดโยงไปถึงสงครามแห่งโชคชะตาแล้ว ฮอฟอร์ดแอบรู้สึกนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือของโลกใบนี้

“ฝ่าบาท” คำพูดขององครักษ์คนหนึ่งขัดจังหวะความคิดเขา “ท่านฮิลล์ ฟ็อกซ์ส่งจดหมายมาฉบับหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”

“อ้อ?” ฮอฟอร์ดได้สติกลับมา “เปิดออกอ่านให้ข้าฟังซิ”

“พ่ะย่ะค่ะ”

‘ฝ่าบาท’ ช่างเป็นคำเรียกที่ทำให้คนลุ่มหลงได้ง่ายเสียจริง เขาเป็นหัตถ์พระราชามาเกือบ 20 ปี พูดคำว่าฝ่าบาทมาแล้วนับพันนับหมื่นครั้ง เดิมเขานึกไว้แล้วว่าตัวเองจะไม่รู้สึกหวั่นไหวกับคำๆ นี้ แต่ในตอนที่ถูกคนอื่นเรียกตัวเองแบบนี้ เขายังคงรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างในใจมันพองโตขึ้นมา

อย่างนั้นก็แสดงความยินดีกับราชาแห่งเกรย์คาสเซิลแล้วกัน

ฮอฟอร์ดรู้ว่าที่เขาสามารถนั่งอยู่บนบัลลังก์นี้และทำให้พวกขุนนางคนอื่นไม่กล้าโต้แย้งได้นั้นเป็นเพราะว่าเขามีอาณาจักรเพื่อนบ้านคอยสนับสนุนอยู่ พวกตระกูลใหญ่โตเหล่านั้นไม่ได้กลัวมีดดาบในมืออัศวินตระกูลควินน์ แต่พวกเขากลับหวาดกลัวเสียงฟ้าผ่าที่สามารถถล่มทุกสิ่งให้เป็นหน้ากลองได้ ในช่วงที่สถานการณ์กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ การเอาชะตาชีวิตของตระกูลไปผูกเอาไว้กับรถของเกรย์คาสเซิลถือเป็นวิธีที่ฉลาดที่สุด

“บนจดหมายบอกว่าทีมค้นหาแร่ของเกรย์คาสเซิลกำลังเดินทางเข้ามาในอาณาจักรดอว์นพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือและสนับสนุนจากพระองค์”

“แจ้งเรื่องนี้กับทางเอิร์ลโลซี ให้เขาพาอัศวินออกไปต้อนรับ” ฮอฟอร์ดสั่งการออกไปอย่างรวดเร็ว “ส่วนเจ้าก็ไปแจ้งกับเจ้าเมืองต่างๆ ให้พวกเขาให้ความช่วยเหลือกับหน่วยค้นหาหน่วยนี้อย่างเต็มที่”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”

…..

เกาะอาร์ชดยุค เขตทะเลของวูล์ฟฮาร์ท

ถึงแม้ที่นี่จะห่างไกลจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเดือนแห่งปีศาจ แต่ลมทะเลที่ชื้นและเย็นที่พัดผ่านขึ้นมาบนฝั่งก็ยังทำให้เมืองมีความหนาวเย็นอยู่ บนถนนที่เฉาะแฉะมีคนแค่ไม่กี่คนเดินสัญจรไปมา มีเพียงตรงท่าเรือเท่านั้นที่พอจะให้เห็นคนทำงานอยู่บ้าง

ด้วยเหตุนี้เพิงขายเหล้าที่ตั้งอยู่ข้างโกดังตรงท่าเรือจึงค่อนข้างสะดุดตา ส่วนใหญ่แล้วลูกค้าของร้านจะเป็นพวกลูกเรือที่มากินเหล้าราคาถูกเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น เมื่อเทียบกับร้านเหล้าที่สามารถบังลมหนาวได้แล้ว แขกที่แวะมาที่นี่ปกติก็แค่มากินเหล้าแก้อยากกับไล่ความเย็นที่อยู่ในกระเพาะ น้อยคนนักที่ดื่มเหล้าเสร็จแล้วยังนั่งต่ออยู่ในร้าน แต่ในเวลานี้ตรงหน้าเพิงขายเหล้ากลับมีคนมารวมตัวกันเกือบร้อยคน

ผู้หญิงที่ใส่ชุดเก่าๆ คนหนึ่งก็ถูกดึงดูดสายตาเอาไว้เหมือนกัน

“ฟาร์รีนา?” มีคนพูดเสียงเบาๆ ขึ้นมา “เจ้าดูอะไรน่ะ? พวกเราต้องไปแล้วนะ”

“ปีศาจ” เธอตอบ

“อะไรนะ…” อีกฝ่ายหน้าเปลี่ยนสีไปทันที

“ข้าได้ยินคนพูดถึงปีศาจ” หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าฟาร์รีน่าพูดทวนอีกครั้ง “รออีกเดี๋ยวค่อยไป โจ”

ผู้ชายคนนั้นลังเลเล็กน้อย สุดท้ายจึงก้มหัวลงมาแล้วพูดเสียงเบาๆ ว่า “พระ…สังฆราชเหรอ””

“นี่ไม่ใช่คำสั่ง” ฟาร์รีน่าโบกมือปฏิเสธ จากนั้นจึงก้าวเท้าเข้าไปหากลุ่มคนเพื่อที่จะได้ฟังชัดขึ้น

“ข้าไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวขนาดนั้นมาก่อน อีกของพวกมันยาวกว่าตัวคนเสียอีก เขี้ยวก็ใหญ่เท่ามือ กำแพงเมืองเรียกได้ว่าเป็นสิ่งไร้ค่าสำหรับพวกมัน!” ต้นกำเนิดเสียงเหมือนจะมาจากพ่อค้าคนหนึ่ง การที่ถูกผู้คนรุมล้อมเอาไว้ทำให้เขาดูคึกคักเป็นพิเศษ เสียงของเขายิ่งพูดยิ่งดัง “แต่ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด บนตัวปีศาจพวกนั้นยังมีปีศาจอีกชนิดหนึ่งนั่งอยู่ ดูแล้วเหมือนคน แต่รูปร่างใหญ่กว่ามาก หอกที่ปาออกมาเหมือนมีลูกตางอกออกมา ทั้งเร็วและแรง เกราะไม่สามารถกันพวกมันเอาไว้ได้เลย! ตอนนั้นข้ากลัวจนเกือบเยี่ยวรดกางเกงตัวเองแหนะ”

ภายในกลุ่มคนมีเสียงอุทานตกใจออกมา

“จริงเหรอ? อย่างนั้นก็เท่ากับว่าไม่มีใครทำอะไรมันได้น่ะสิ?”

“ถ้าอยู่แต่บนฟ้า เราก็ทำอะไรมันไม่ได้เลย!”

แล้วก็มีบางคนที่แสดงความดูถูกออกมา

“เจ้าขี้คุยมากกว่ามั้ง ปีศาจอะไร เจ้าแยกความต่างของสัตว์อสูรกับปีศาจออกเหรอ?”

“นั่นสิ ลองไปเดินเล่นที่เฮอร์มีสดูไป ที่นั่นสัตว์ประหลาดอะไรก็มีหมด แต่เจ้าฉี่ราดง่ายขนาดนี้ ระวังน้องชายเจ้ามันจะแข็งจนหลุดออกมาล่ะ”

“ถุย พวกเจ้ามันจะไปรู้อะไร!” พ่อค้าคนนั้นตะโกนขึ้นมา “นั่นมันเป็นชื่อที่่ฝ่าบาทโรแลนด์ วิมเบิลดันทรงเป็นคนตั้งขึ้นมา พระองค์ทรงอยู่ที่ดินแดนตะวันตกมาหลายปีแล้ว แล้วพระองค์จะไม่รู้ถึงความต่างของสัตว์อสูรกับปีศาจได้ยังไง? ถ้าจะให้ข้าพูดนะ พวกสัตว์อสูรมันก็เป็นเหมือนพวกผู้อพยพที่เร่ร่อนไปมา ส่วนปีศาจมันคือกองทัพที่รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี! เจ้าเคยเห็นสัตว์อสูรมันเป็นกลุ่มบุกโจมตีเมืองเหรอ?”

“ถ้าที่เจ้าพูดมาเป็นความจริง อย่างนั้นเกรย์คาสเซิลจะกันไหวเหรอ?”

“เรื่องนี้เจ้าไม่เข้าใจ จริงอยู่ที่ตอนนั้นมันอันตรายอย่างมาก แต่จู่ๆ บนกำแพงเมืองก็มีเปลวไฟกับสายฟ้าสว่างขึ้นมาพร้อมกับเสียงปังๆๆ เหมือนกับลูกเห็บตก!” น้ำลายเขากระเด็นว่อน “แค่พริบตาปีศาจก็ระเบิดกลางอากาศ เศษเนื้อกระจัดกระจายไปทั่ว แถมยังมีปีศาจตัวหนึ่งตกลงมาหน้าโรงแรมที่ข้าพักอยู่ บนหน้าอกมันเป็นรูโหว่ขนาดเกือบเท่าชาม ไม่รู้ว่าพวกเขาทำได้ยังไง!”

“รถหน้าไม้ยังทำแบบนั้นไม่ได้เลย จากที่เจ้าว่ามา อย่างนี้ราชาองค์นั้นก็แข็งแกร่งไม่ต่างกับพระเจ้าน่ะสิ?”

“ฮ่าๆ ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าพระองค์ทรงกำจัดศาสนจักรได้ยังไงล่ะ?”

เมื่อได้ฟังคำพูดประโยคนี้ ฟาร์รีน่าพลันกำหมัดขึ้นมาทันที

“…..” โจกดไหล่ของเธอเอาไว้ ก่อนจะส่ายหัวไปทางเธออย่างเงียบๆ

“ข้ารู้” เธอสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะคลายมือออก “เรื่องนี้เจ้าคิดว่ายังไง?”

“พระจันทร์สีแดงยังไม่ปรากฏขึ้นบนโลก ตามหลักแล้วปีศาจน่าจะยังไม่สามารถปรากฏตัวขึ้นมาบนแผ่นดินรกร้างได้ แต่คำอธิบายเรื่องปีศาจของเขาคล้ายสิ่งที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่เหมือนเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาแรก ดังนั้นข้าเองก็…ก็ไม่อาจแยกแยะได้เหมือนกัน” โจชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะทำสีหน้ากังวลขึ้นมา “แต่ว่าเรื่องพวกนี้มัน…”

“ไม่เกี่ยวกับพวกเราอีกแล้ว” ฟาร์รีน่าพูดต่อ “เจ้าพูดถูก โจ พวกเราต้องแก้ไขปัญหาของตัวเองก่อน”

หลังจากที่ทัคเกอร์ ธอร์ที่เป็นรักษาการณ์พระสันตะปาปาเสียชีวิตลง เธอก็ทำตามคำสั่งเสียของอีกฝ่ายด้วยการกองทหารพิพากษาส่วนที่เหลือหนีออกมาจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ เพื่อไปสร้างศาสนจักรแห่งใหม่ขึ้นที่เกาะอาชดยุคของวูล์ฟฮาร์ท ที่นั้นเคยเห็นสถานที่ตั้งของสมาคมบลัดแฟงค์ หลังจากถูกศาสนจักรทำลายไป ศาสนจักรก็ได้ส่งคนไปประจำอยู่ที่นั่นเพื่อป้องกันเหล่าแม่มดกลับมาใหม่ ที่นั่นจึงเหมาะที่จะเป็นจุดที่พวกเธอจะหนีไปตั้งหลักอย่างมาก

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าข่าวศาสนนจักรล่มสลายจะแพร่กระจายมาเร็วกว่าฝีเท้าของพวกเขา หลังจากรู้ว่าฮอร์มีสพ่ายแพ้แล้ว มุขนายกบนเกาะอาชดยุคก็ไม่ยอมรับสถานะที่ศาสนจักรมอบให้อีก หากแต่หันไปร่วมมือกับพวกขุนนาง แล้วกลายเป็นเอิร์ลของเกาะอาชดยุค แถมยังจับทูตของศาสนจักรที่ถูกส่งไปเอาไปแขวนคออยู่ที่นอกเมืองด้วย

การหักหลังในครั้งนี้ได้ทำร้ายจิตใจของเหล่าทหารพิพากษาอย่างรุนแรง หลังจากนั้นก็มีทหารหลายๆ คนที่ถอนตัวหนีออกจากกลุ่มไป ตอนนี้พวกเขามาอยู่ที่เกาะอาชดยุคได้ครึ่งปีแล้ว แต่พวกเขากลับต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ เหมือนพวกโจรใต้ดิน ถ้าหากไม่สามารถชูธงของศาสนจักรขึ้นมาได้อีก เกรงว่าศาสนจักรคงต้องจบสิ้นลงในมือของเธอแล้ว

ทางเดียวที่จะช่วยศาสนจักรจากสถานการณ์ที่ล่อแหลมนี้ได้คือกำจัดพวกทรยศนั้นให้หมด

แต่สิ่งที่ยากก็คือในมืออีกฝ่ายนั้นมีทหารอาญาสิทธิ์อยู่

นี่คงเป็นศึกหนักอย่างแน่นอน

“พวกเราไปกันเถอะ” ฟาร์รีน่าดึงหมวกขึ้นมาคลุมศีรษะ ก่อนจะมองไปที่เพิงขายเหล้าเป็นครั้งสุดท้าย

พ่อค้าคนนั้นยังคงพูดไม่หยุด “ที่นั่นมีเรื่องที่น่าสนใจเยอะแยะมากมาย! อย่างเช่นเรือเหล็กสีดำที่ใหญ่เหมือนภูเขาขนาดย่อมๆ เทียบกับหอคอยสวรรค์แล้วยังสูงกว่าไม่รู้ตั้งเท่าไร ขอเพียงได้ไปซักครั้งต้องไม่มีทางลืมแน่นอน!”

“เจ้าเล่ามาให้หมด เดี๋ยวข้าเติมเหล้าให้เจ้าเอง!”

“ทั้งหมดนี่เป็นฝึมือของเจ้าชายลำดับที่สี่องค์นั้นเหรอ?”

“อือ แน่นอน แต่เจ้าไม่สามารถเรียกพระองค์ว่าเจ้าชายได้อีกแล้ว เพราะตอนที่ข้าออกมาจากเมืองเนเวอร์วินเทอร์ พระองค์ได้ตัดสินพระทัยที่จะขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการแล้ว! ส่วนวันที่ก็…เดี๋ยวข้าคิดก่อนนะ เอ่อ…ก็น่าจะเป็นวันนี้นี่แหละ!”

“โอ้ว? อย่างนั้นตอนนี้พระองค์ก็เป็นราชาแห่งเกรย์คาสเซิลแล้วน่ะสิ?”

“ฮ่าๆๆๆ ถูกต้อง” พ่อค้ายกแก้วเหล้าที่มีเหล้ารินอยู่เต็มขึ้นมา “ในเมื่อบังเอิญขนาดนี้ อยางนั้นข้าขอคารวะให้ราชาแห่งเกรย์คาสเซิลหนึ่งแก้วแล้วกัน!”

“แด่ราชาแห่งเกรย์คาสเซิล!” ทุกคนต่างพากันชูแก้วเหล้าขึ้นมา

ราชา…แห่งเกรย์คาสเซิลอย่างนั้นเหรอ? ฟาร์รีน่ายิ้มเยือกเย็นขึ้นมา เจ้าสร้างอาณาจักรที่ดูหรูหราของเจ้าต่อไปเถอะ ในตอนที่สงครามแห่งโชคชะตามาถึง โลกนี้ก็จะเหลือแต่เพียงเศษซาก ช้าเร็วพวกเราจะต้องได้เจอกันในนรกที่แท้จริงแน่นอน สิ่งที่เดียวที่ต่างกันคือใครจะไปก่อนไปหลังเท่านั้น ถ้าครั้งนี้ไม่สามารถเอาชนะพวกทรยศได้ ข้าก็จะไปก่อน แต่ถ้าข้าชนะ อย่างนั้นข้าก็จะอยู่ที่นี่และรอฟังข่าวที่เจ้าจะตกลงไปยังขุมนรก

ฝ่าบาทโรแลนด์ วิมเบิลดัน