ราชาแห่งเกรย์คาสเซิล (2) โดย Ink Stone_Fantasy

ปลายสุดของซิลเวอร์สตรีม ณ ทะเลทรายในดินแดนทางใต้สุด

ไบรอันนั่งรอฟังข่าวจากแนวหน้าอยู่ในเต็นท์อย่างเงียบๆ ส่วนคนที่อยู่ตรงหน้าเขาก็คือกูเอลส์ เบิร์นเฟลมซึ่งเป็นหัวหน้าของเผ่าไวลด์เฟลมและทูรามซึ่งเป็นผู้เฒ่าในเผ่าพราวด์แซนด์

ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนเป็นตัวแทนของเผ่าโมเกน

บวกกับหัวหน้ากองพันปืนของชีค เรียกได้ว่าบุคคลที่สามารถกำหนดชะตาชีวิตของชาวทะเลทรายได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว

ลมหนาวที่อยู่ด้านนอกพัดแรงจนเต็นท์ส่งเสียงดังพึบพับๆ แต่ภายในเต็นท์กลับอบอุ่นอย่างมาก เหมือนทะเลทรายผืนนี้ตั้งอยู่บนเตาไฟขนาดใหญ่ ไม่ว่าบนพื้นจะหนาวเย็นแค่ไหน แต่ถ้าเอาเท้าฝังไปในพื้นทราย ก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเครื่องทำความร้อนในเมืองเนเวอร์วินเทอร์เลย

คนในพื้นที่ได้ประดิษฐ์สิ่งที่เรียกว่า ‘เตียงทราย’ ขึ้นมาด้วยการขุดพื้นทรายขนาดเท่าคนหนึ่งคน จากนั้นเปลี่ยนทรายสีขาวๆ เป็นทรายละเอียดที่ผ่านการกรองมาแล้ว เมื่อเอาตัวฝังลงไปในนั้นก็จะสามารถรักษาอุณภูมิในร่างกายเอาไว้ได้ ส่วนสัมผัสนุ่มๆ ของทรายละเอียดนั้นก็ทำให้ร่างกายรู้สึกสบายกว่าผ้าปูเตียงที่ทอขึ้นมาจากผ้าปอเสียอีก ถ้าด้านบนมีเต็นท์กางคลุมเอาไว้ เรียกได้ว่าสามารถผ่านฤดูหนาวไปได้สบายๆ

เสียดายที่ความร้อนตรงนี้ได้ทำลายสิ่งมีชีวิตในพื้นที่นี้ไปจนหมด น้ำทะเลระเหยไปจนทำให้มีเกลือปรากฏออกมาเรื่อยๆ ทำให้ทะเลทรายที่ยาวเป็นร้อยกิโลเมตรกลายเป็นสีขาว อย่าว่าแต่ต้นไม้ใบหญ้าเลย แม้แต่หนอนทะเลทรายกับแมงป๋องก็ยากที่จะพบเห็นได้

เมื่อไม่มีโอเอซิส ก็ไม่มีแหล่งอาหาร ที่ราบขนาดใหญ่นี้ไม่ได้ต่างอะไรกับดินแดนแห่งความตาย ถ้าพูดถึงความรกร้างแล้ว ในดินแดนทางใต้สุดคงจะมีแต่แบล็กสวอมเท่านั้นที่จะรกร้างกว่าที่นี่

ในเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา ชาวโมเกนได้สร้างกระท่อมไม้เอาตามแนวดินเค็มด่าง เพื่อให้คนที่มาเก็บเกลือได้ใช้พักอาศัยชั่วคราว แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว

“เจ้าดูจะไม่กังวลใจเลยนะ พ่อหนุ่ม” จู่ๆ กูเอลส์ก็พูดทำลายความเงียบขึ้นมา “เผ่าไวลด์เวฟกับเผ่าคัทโบนนั้นเป็นเผ่าใหญ่ที่มีความแข็งแกร่งอย่างมากในเมืองไอรอนแซนด์ ถึงแม้ชีคจะสามารถบดขยี้พวกเขาได้สบายๆ แต่มันไม่ได้หมายความว่าเผ่าเล็กๆ พวกนั้นจะทำได้ เจ้าเชื่อใจพวกเขาขนาดนั้นเลยเหรอ?”

เมื่อมีคนพูดเปิดประเด็นขึ้นมา ทูรามจึงรีบพูดเสริมขึ้นมาบ้าง “ในหนึ่งปีมานี้ เมืองไอรอนแซนด์ไม่มีเผ่าใหม่เผ่าไหนได้ขยับขึ้นมาเป็นหกเผ่าใหญ่เลย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาควบคุมทรัพยากรที่จะเข้าไปในเมืองเอาไว้หมดแล้ว และในดินแดนทางใต้สุด ขอเพียงมีอาหารเพียงพอ เผ่าก็จะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ เกรงว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าตอนก่อนที่ท่านจะมาที่นี่อีกนะ”

“เชื่อใจ? ไม่…” ไบรอันส่ายหัว “ข้าไม่ได้มีความเชื่อใจให้พวกเขาเลย”

“อย่างนั้น….ทำไมท่านถึงไม่ใช่กองทัพของชีคล่ะ?” ทูรามถามอย่างแปลกใจ “ขอเพียงเลือกคนออกมาซักร้อยคน บวกกับนักรบของเผ่าไวลด์เฟลมกับพราวด์แซนด์ พวกโอหังพวกนั้นจะต้องไม่กล้าก้าวออกมาจากโอเอซิสเล็กแม้แต่ก้าวเดียวแน่”

“แล้วหลังจากนั้นล่ะ? ให้กองทัพที่หนึ่งคอยลาดตระเวนตามซิลเวอร์สตรีม แล้วก็คอยเป็นผู้ปกป้องเผ่าเล็กๆ พวกนั้นไปตลอดเหรอ?” ไบรอันมองไปทางเขา “เจ้าคิดว่าฝ่าบาททรงอยากจะเห็นภาพแบบนั้นเหรอ?”

“เอ่อ มันก็…” ทูรามพูดไม่ออกไปทันที

หลังแผนอพยพเริ่มดำเนินการไปได้ไม่นาน แผนงานต่างๆ ของดินแดนทางใต้สุดก็เริ่มดำเนินงานตามมาด้วย นอกจากการสร้างท่าเรือเรฟเวลรี่ขึ้นมาตรงแหลมเอนด์เลสแล้ว งานสำคัญอีกงานหนึ่งก็อยู่ที่พื้นที่ดินเค็มด่างตรงปลายสุดของซิลเวอร์สตรีม เนื่องจากที่นี่ไม่มีแม้น้ำ ถ้าอยากจะขนเอาทรัพยากรทางอุตสาหกรรมสีขาวเหล่านี้ออกไปนอกทะเลทราย ก็มีแต่ต้องใช้แรงงานคนและสัตว์ รถลากคันแล้วคันเล่าถูกลากไปยังแม่น้ำสายย่อยของแม่น้ำแดงที่อยู่ใกล้ที่สุด

ด้วยเหตุนี้ทางสันเขาฟอลเลนดราก้อนและท่าเรือเคลียร์วอเทอร์จึงให้ข้อเสนอที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดชาวทะเลทรายให้มาทำงานขนเกลือมากขึ้น

ในระยะเวลาสั้นๆ แค่หนึ่งปี ตรงชายขอบของดินเค็มด่างก็มีเต็นท์และผู้คนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก

หลุมลึกหลุมแล้วหลุมเล่าถูกขุดขึ้นมา น้ำจืดที่ถูกสูบขึ้นมาจากซิลเวอร์สตรีมถูกนำมาใช้ดื่มกิน ขณะเดียวกันก็ใช้กรองและทำให้เกลือบริสุทธิ์

โรงงานแบบง่ายๆ ถูกตั้งขึ้นมา มันไม่มีทั้งไอน้ำที่ถูกพ่นออกมา แล้วก็ไม่มีเสียงร้องของเครื่องจักร ทุกอย่างล้วนแต่ใช้แรงงานคน ขั้นตอนทุกอย่างเหมือนกับการร่อนทอง ผู้คนรวบรวมเอาเกลือที่กระจัดกระจายอยู่ในทรายมาทำให้มันตกผลึกเป็นก้อนๆ จากนั้นจึงบรรทุกใส่รถแล้วขนออกไปยังดินแดนตะวันตกเพื่อเอาไปทำการแปรรูปอีกทีหนึ่ง งานที่จำเจและน่าเบื่อนี้ได้กลายเป็นท่วงทำนองใหม่ของพื้นที่ดินเค็มด่าง

ถึงแม้จะไม่มีโอเอซิส หนอนทะเลทรายและแมงป่อง แต่ที่นี่กลับค่อยๆ คึกคักขึ้นมาทีละน้อย

ค่าตอบแทนอันน่าเย้ายวนไม่เพียงแต่ดึงดูดผู้อพยพเท่านั้น แต่มันดึงดูดเผ่าเล็กๆ ที่ยังไม่ทำการตัดสินใจเหล่านั้นด้วย พวกเขามักจะเดินทางมาเป็นกลุ่มแล้วใช้แรงงานเพื่อแลกกับข้าวสาลี เนื้อแห้งและผ้า คนบางส่วนก็เอาอาหารกลับไปโอเอซิสด้วยความดีใจ คนบางส่วนก็อยู่ทำงานต่อ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของผู้อพยพ

เรื่องนี้ได้ทำให้เผ่าใหญ่ในเมืองไอรอนแซนด์เกิดความไม่พอใจ ยิ่งมีเผ่าเล็กๆ เดินทางออกมาจากโอเอซิส ก็หมายความว่าพวกเขาจะได้ทรัพยากรน้อยลง สุดท้ายความขัดแย้งนี้ก็ปะทุขึ้นมาเมื่อสองเดือนก่อน เผ่าไวลด์เวฟกับเผ่าคัทโบนพาทหารออกไปฆ่าพวกเผ่าเล็กๆ ที่เดินทางออกจากโอเอซิส ก่อนจะโยนหัวของพวกเขาเอาไว้บนทางที่ทุกคนต้องเดินผ่าน เพื่อใช้มันเตือนชาวโมเกนเผ่าอื่นๆ ที่ต้องการเดินทางออกจากโอเอซิส

เผ่าใหญ่นั้นไม่กล้าเป็นศัตรูกับราชาแห่งเกรย์คาสเซิล พวกเขาจึงหันคบดาบไปหาพวกเผ่าเล็กๆ แทน บางทีพวกเขาอาจจะคิดว่าการทำแบบนี้จะไม่ทำให้ชีคโกรธ เพราะไม่เคยมีราชาของอาณาจักรทางเหนือคนไหนที่จะสนใจความเป็นความตายของชาวทะเลทรายอย่างแท้จริงมาก่อน แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงว่าการทำแบบนี้จะเป็นการจี้จุดเมืองเนเวอร์วินเทอร์โดยตรง

ไบรอันนั้นรู้ดีว่าการทำให้ประชากรลดลงโดยไม่มีเหตุผลนั้นคือสิ่งที่ฝ่าบาทโรแลนด์ทรงห้ามมากที่สุด

หัวหน้ากองพันปืนได้เตรียมพร้อมตอบโต้เอาไว้เรียบร้อยตั้งแต่ก่อนที่จดหมายของกูเอลส์จะส่งมาถึงแล้ว

“แล้วถ้าเกิดพวกเขาล้มเหลวจะทำยังไง?” กูเอลส์ เบิร์นเฟลมนวดขมับ “ถ้าข้าจับไม่ผิดล่ะก็ คนพวกนั้นเพิ่งจะได้รับการฝึกใช้ปืนได้ไม่ถึง 3 เดือนเลยไม่ใช่เหรอ?”

“เช่นนั้นพวกเขาก็จะถูกฆ่า ชาวเผ่าที่เหลือก็จะตกเป็นทาสของเมืองไอรอนแซนด์” ไบรอันหลับตา “ก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทางไป ข้าได้บอกกับพวกเขาแล้วว่าศึกครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อข้า หากแต่เพื่อตัวของพวกเขาเอง ข้าได้มอบอาวุธที่ใช้ต่อสู้ให้พวกเขาไปแล้ว ถ้าพวกเขายังไม่สามารถปกป้องคนของตัวเองจากคมดาบของศัตรูได้ อย่างนั้นพวกเขาก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นคนของกองทัพเกรย์คาสเซิล สำหรับข้าแล้ว ข้าก็แค่ต้องฝึกคนขึ้นมาใหม่เท่านั้น”

“….” กูเอลทำสีหน้าจริงจังออกมาเป็นครั้งแรก ราวกับพยายามมองนายทหารหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ใหม่

“ยิ่งไปกว่านั้นท่านลืมอะไรไปอย่างหนึ่ง ช่วงเวลา 3 เดือนนี้เป็นแค่การฝึกใช้ปืนเท่านั้น” เขาพูดต่อว่า “นอกจากปืนแล้ว พวกเขายังมีดาบ มีมีดสั้น มีกำปั้น มีเท้าและฟัน ซึ่งอาวุธพวกนี้ก็เป็นอาวุธที่พวกชาวทะเลทรายฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กใช่ไหมล่ะ?”

ชาวทะเลทรายที่ไบรอันเลือกมาเป็นทหารก็คือพวกชาวเผ่าเล็กๆ ที่อพยพมาอยู่ที่ท่าเรือเคลียร์วอเตอร์ พวกเขาไม่เหมือนกับเผ่าใหญ่ๆ อย่างเผ่าไวลด์เฟลม ถึงแม้พวกเขาจะเลือกมาอยู่กับทางฝั่งเกรย์คาสเซิล แต่พวกเขาก็ยังคิดถึงพวกพ้องเผ่าเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ในโอเอซิสอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงเหมาะที่จะเป็นทหารประจำท้องถิ่นมากที่สุด และอาวุธปืนรุ่นเก่าที่ถูกโละทิ้งก็กลายเป็นอาวุธประจำกายพวกเขา

ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ด้านนอกเต็นท์พลันมีเสียงฝีเท้าที่ดูเร่งรีบดังขึ้นมา

“หยุดก่อน!” ทหารที่เฝ้าอยู่หน้าเต็นท์ดังขึ้นมา

“ข้าคือโจเดลจากหน่วยสอดแนม ข้ามีเรื่องจะมาแจ้งท่านหัวหน้ากองพัน!”

“ให้เขาเข้ามา” ไบรอันลืมตาขึ้นมาทันที

ผ้าคลุมเต็นท์ด้านหน้าถูกเลิกออก ชายหนุ่มที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดคนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามา เขาเดินโซซัดโซเซไปไม่กี่ก้าว สุดท้ายก็คุกเข่าลงไปกับพื้นราวกับหมดแรงที่จะยืนแล้ว ถึงแม้เขาจะหอบหายใจ แต่ในดวงตาเขากลับสองประกายเหมือนดวงดาว

“ท่านหัวหน้า พวกเราชนะแล้วขอรับ!”