บทที่ 376
ทำผิดตรงไหน
จนกระทั่งดวงอาทิตย์ลับตา เหล่านางสนมก็ทนต่อไม่ไหวอีกแล้ว ความเจ็บปวดที่เข่าเกินจะทนและใบหน้าที่ขาวนวลก็เริ่มที่จะไม่พอใจ
“องค์จักรพรรดิ เหล่านางสนมยังนั่งคุกเข่าอยู่ข้างนอกอยู่เลยพ่ะย่ะค่ะ” ตู้เข่อหลิวโค้งตัวมากระซิบ ตอนที่พวกนางมาถึงเขาเองก็เป็นคนที่เข้ามาแจ้งแต่องค์จักรพรรดิกลับเฉยเมยและพูดเพียงแค่ว่าปล่อยให้พวกนางนั่งคุกเข่าไป
ถึงแม้เขาจะเป็นพ่อตาที่ใกล้ชิดองค์จักรพรรดิ แต่เขาก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสั่งสอนอะไรองค์จักรพรรดิ ในอดีตพ่อตาที่มีการศึกษาจะมีสิทธิในการอบรมสั่งสอนองค์จักรพรรดิด้วย แต่องค์จักรพรรดิพระองค์นี้ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
องค์จักรพรรดิที่ยอมให้เขากดขี่เป็นผู้รับใช้ที่แย่ที่สุดจนทำให้พวกเขาต้องหาทางรอดแบบเดิมๆ แต่กับองค์จักรพรรดิองค์นี้เขาทำได้เพียงคาดเดาความคิดอย่างระวังเท่านั้น
หลินหยางเงยหน้าขึ้นมามองท่านหลิวและพูดออกมาเสียงอ่อน “ให้พวกนางเข้ามา”
ท่านหลิวถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่ต้องบอกเลยว่าสิ่งที่องค์จักรพรรดิทำเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
ไม่งั้นเหล่านางสนมที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างนอก มั่นใจได้เลยว่าพรุ่งนี้พวกนางจะต้องกระจายข่าวนี้ออกไปนอกวังแน่ๆ พวกนางสนมทุกคนต่างก็เป็นพวกครอบครัวชั้นสูงของเหล่าขุนนาง ถ้าถึงเวลานั้นคงจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ
นี่อาจจะก่อให้เกิดการรวมตัวกันเพื่อยกเลิกตำแหน่งพ่อตาอันดับหนึ่งของเขาแน่ๆ แม้ว่ามันจะเหตุผลที่เขาขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้ก็ตาม
ท่านหลิวเดินออกไปและประกาศออกไปด้วยเสียงเย็นชา “เข้าพบได้”
เหล่าสนมที่กำลังคุกเข่าอยู่ด้านนอกรู้สึกหวาดกลัวอยู่ทั้งวันและเกือบที่จะเป็นลมไปอยู่หลายครั้ง พวกเธอไม่คิดว่า องค์จักรพรรดิจะปล่อยให้พวกเธอคุกเข่าอยู่ตลอดทั้งวัน
ถ้าสุดท้ายแล้วองค์จักรพรรดิไม่ยอมเจอพวกเธอ ก็เกรงว่านี่คงจะเป็นเรื่องที่น่าอับอายของพวกเธออย่างมาก พวกเธอกลัวว่าพระมเหสีคงจะไม่ปล่อยพวกเธอไปแน่ๆ
การกระทำวันนี้ของพวกเธอเป็นเรื่องที่กล้าหาญมากและพระมเหสีคงจะต้องรู้เรื่องแล้วแน่ๆ
พวกเธอต่างก็คิดว่าในเมื่อพวกเธอไม่สามารถที่จะเข้ามาในเขตวังหลวงได้งั้นพระมเหสีก็คงจะเข้ามาไม่ได้ด้วยเช่นกัน
โชคดีที่พระมเหสีไม่ได้เข้ามารบกวนที่ตำหนักของ องค์จักรพรรดิ ไม่งั้นพวกเธอก็คงไม่มีโอกาสได้บอกแน่ๆ
หลังจากที่นั่งคุกเข่ามาทั้งวัน เมื่อลุกขึ้นมาท่วงท่าการเดินของพวกนางก็ไม่เหลือความสง่างามอีกแล้วเพราะเมื่อเดินเข่าก็จะรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
“องค์จักรพรรดิ กรุณาพิจารณาเรื่องพระมเหสีด้วยเพคะ” หนึ่งในนางสนมที่คุกเข่าพูดขึ้นมา พร้อมน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม
“องค์จักรพรรดิ ข้า…”
หลินหยางเงยหน้าขึ้นมาพร้อมขมวดคิ้วด้วยความปวดหัว สีหน้าของเขาไม่ได้โกรธแต่ดูทรงอำนาจ “มีเรื่องอะไรก็พูดมา”
“องค์จักรพรรดิ พระมเหสี พระนาง…” นางสนมกัดริมฝีปากแน่นซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่พูดได้ยาก
เหล่าสนมพวกนี้ต่างก็เอาแต่ร้องไห้
หลินหยางชอบผู้หญิงที่เข้มแข็ง, คล่องแคล่วและทำงานเก่ง เขาไม่ชอบผู้หญิงที่ท่าทางดูอ่อนแอ บอบบาง
เหล่านางสนมเห็นคิ้วที่ขมวดขององค์จักรพรรดิ สีหน้าพวกนางก็กลายเป็นซีดเผือดทันที เมื่อกี้เธอยังไม่ได้พูดอะไรเลยแล้วจะทำให้องค์จักรพรรดิไม่พอใจได้ยังไงกัน
ส่วนคนที่เหลือเองก็เอาแต่ร้องไห้ พูดได้เพียงแค่ว่าความชอบในเรื่องงานอดิเรกของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่เมื่อมองไปที่ท่านหลิว เธอก็รู้สึกว่าสายตาที่เขามองมาที่เหล่านางสนมเป็นความสงสาร ราวกับว่าเป็นแมลงในหมู่มวลดอกไม้
“เกิดอะไรขึ้นกับพระมเหสี? นางก็ทำตัวปกติดีนี่ ทั้งดื่ม ทั้งกินปกติ หรือนางทำร้ายพวกเจ้าหรือไง? พวกเจ้าจำเป็นต้องสร้างความวุ่นวายให้พระมเหสีขนาดนี้เลยงั้นเหรอ” หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไม่จำเป็นต้องพูดเลยว่าเขารู้อยู่แล้วว่านี้มันเรื่องอะไร
ผู้หญิงพวกนี้นี่เหลือเกินจริงๆแต่พวกนางกำลังอยู่ในห้วงความรัก ไม่แปลกใจที่ไม่มีใครช่วยเรื่องนี้ได้
เขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้มากเหมือนกับองค์จักรพรรดิในยุคโบราณคนอื่นๆ
หลังจากที่ได้ยินสีหน้าของเหล่านางสนมก็ไม่ดีเท่าไรและถึงขนาดที่บางคนเริ่มที่จะหน้าถอดสีแล้วด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าพวกเธอจะนึกภาพชะตากรรมที่น่าเศร้าของตัวเองได้แล้ว
น้ำเสียงขององค์จักรพรรดิทำให้พวกเธอไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก แต่พวกเธอจะรู้สึกพอใจกับเรื่องนี้ได้ยังไง
ผู้หญิงอย่างพระมเหสีไม่คู่ควรกับองค์จักรพรรดิ แต่ทำไมองค์จักรพรรดิถึงได้รักผู้หญิงอย่างพระมเหสีได้ ผู้หญิงแบบพระมเหสีอยากที่จะเก็บองค์จักรพรรดิไว้คนเดียว ถ้าพวกเธอไม่สู้ พวกเธอก็คงจะไม่มีที่ยืนในวังหลังแน่ๆ แล้วแบบนี้พวกเธอจะไม่สู้ได้ยังไงกัน พวกเธอยอมที่จะตายดีกว่าต้องอยู่ในวังหลังอย่างไร้ความหมาย
“องค์จักรพรรดิ พระมเหสีลอบคบชู้กับผู้ชายคนอื่นเพคะ” หนึ่งในพวกนางพูดออกมา ส่วนสนมที่เหลือเริ่มที่จะตัวสั่นขึ้นมาแล้ว พูดออกไปแล้ว องค์จักรพรรดิจะโกรธหรือเปล่า พระองค์จะทรงลงโทษพระมเหสียังไงกันนะ?
บางคนก็รู้สึกกลัวขึ้นมา บางคนก็ตั้งตารอที่จะได้เห็นผลลัพธ์และบางคนก็แวบประกายตื่นเต้นขึ้นมาในดวงตา
หลินหยางขมวดคิ้วและรู้ดีว่าเรื่องนี้จะต้องสร้างปัญหาให้เขาอย่างแน่นอน บางทีเขาน่าใช้โอกาสนี้เพื่อไล่ผู้หญิงพวกนี้ออกไปจากวังซะ การอยู่ที่ตำหนักด้านหลังเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมาก
ถ้าเขาต้องไปๆมาๆแบบนี้ทุกวัน เขาก็คงจะไม่ต้องทำงานทำการอะไรแล้ว เขายังต้องหาคนที่จะมาเป็นพระมเหสีอีก
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องได้พระมเหสีที่เสียสละ ถ้าจะอยู่ในวังหลังจะเห็นแก่ตัวไม่ได้ มู่หรงเสวี่ยเป็นคนแบบที่เขาต้องการแต่ว่าเธออยากที่ไปจากที่นี่
“ออกไปให้หมด ข้ารู้เรื่องแล้ว” หลินหยางพูดเสียงเรียบ
เหล่านางสนมต่างก็มองหน้ากัน แค่นี้งั้นเหรอ องค์จักรพรรดิไม่โกรธจนรีบตรงไปลากพระมเหสีออกมายิงเป้างั้นเหรอ?! อย่างน้อยก็ควรที่จะไปที่ตำหนักพระมเหสีเพื่อที่จะหาความจริงสิ ต่อให้ไม่เชื่อแต่ก็ควรที่จะทำอะไรบ้างสิ แต่กลับมาไล่พวกเธอออกไปได้ยังไง แล้วถ้าพวกเธอกลับไปจะเกิดอะไรขึ้น? พระมเหสีอยากที่จะเล่นงานพวกเธออยู่ไม่ใช่งั้นเหรอ?!
“ยังไม่ไปอีก!” หลินหยางจ้องมาที่พวกนางด้วยสายตาดุดัน
“องค์จักรพรรดิ พวกเรากลัวว่าพระมเหสีจะลงโทษพวกเราเพคะ” สนมอีกคนพูดขึ้นมาด้วยเสียงแผ่วเบา
“บางทีองค์จักรพรรดิน่าจะให้ความยุติธรรมกับพวกเราได้เพคะ”
“ขอร้องล่ะเพคะ…”
สายตาของหลินหยางเย็นชา ความยุติธรรมงั้นเหรอ?! ผู้หญิงพวกนี้มาร้องขอความยุติธรรมจากเขาได้ยังไงกัน เขาเงียบไปชั่วขณะแล้วจึงพูดออกมา “ท่านหลิว ถ้าพวกนางไม่ยอมกลับออกไป งั้นก็จับพวกนางขังคุกไปได้เลย” หลินหยางพูดออกมาเสียงเรียบแล้วกลับไปอ่านรายงานต่อ
ช่วงนี้มีภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดขึ้นมากมาย แล้วเขาจะมัวมาสนใจเรื่องความรู้สึกของผู้หญิงพวกนี้ได้ยังไงกัน
เหล่านางสนมต่างก็หน้าซีดเผือดกันทันที ไม่มีใครกล้าที่จะพูดอะไรอีกและรีบลุกขึ้นวิ่งออกมาจากตำหนักของ องค์จักรพรรดิทันที
องค์จักรพรรดิที่นั่งอยู่ในตำแหน่งที่สูงสุด พระองค์ทรงโหดร้ายราวกับสัตว์ร้าย องค์จักรพรรดิทำแบบนี้ได้ยังไง พวกเธอเกือบที่จะต้องตายนะ
ตู้เข่อหลิวเข้าใจสถานะของผู้หญิงพวกนี้ขึ้นมาทันที รวมทั้งสถานะของพระมเหสีที่ไม่มีวันจะสั่นคลอนด้วย เดิมทีเขาคิดว่าพระมเหสีจะต้องตายแล้วแต่องค์จักรพรรดิกลับไม่แม้แต่จะโกรธ ตรงกันข้าม พระองค์แค่รู้สึกเบื่อหน่ายกับพวกเหล่าสนมที่มานั่งคุกเข่าอยู่ที่ตำหนัก
เหล่าสาวงามนับสิบไม่กล้าแม้ที่จะหยุดพัก พวกนางต่างก็รีบวิ่งกลับไปที่ตำหนักของตัวเองที่วังหลังทันที
องค์จักรพรรดิไม่ใช่คนอย่างที่พวกเธอคิดไว้ พระองค์แตกต่างจากที่เหล่าแม่นมบอกพวกเธอไว้มาก ถ้าองค์จักรพรรดิรับเรื่องนี้ได้และไม่จัดการอะไรกับพระมเหสี งั้นพวกเธอจะพึ่งพาอะไรได้อีกล่ะ เมื่อกี้พระองค์มองมาที่พวกเธอด้วยสายตารังเกียจ พวกเธอทำอะไรผิดงั้นเหรอ?!
พวกเธอก็แค่ทำเพื่อองค์จักรพรรดิเอง พวกเธอจะไปเหยียบย่ำศักดิ์ศรีขององค์จักรพรรดิได้ยังไง
พวกเธอต่างก็วิ่งกลับมาที่ตำหนักและรีบสั่งให้สาวใช้ปิดประตูทันที ไม่ว่าใครจะมาถามหาหรือเชิญไปไหนก็ให้บอกไปว่าพวกนางไม่สบาย
ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ดีเลิศ สิ่งที่พวกเธอได้รู้คือการพูดเรื่องอะไรแบบนี้เป็นการเอาที่ชีวิตเข้าไปเสี่ยง พวกเธอไม่ได้โง่ พวกเธอรู้ว่ามีคนอื่นที่เฝ้ารอให้พวกเธอพลาดและจะเข้ามาใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ ฝันไปเถอะที่จะฆ่าพวกเธอน่ะ
พวกเธอจะไม่แย่งชิงตำแหน่งพระมเหสี การที่ต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในวังหลังมันก็ไม่ได้แย่มากเท่าไร อย่างน้อยพวกเธอก็ยังมีสาวใช้, มีเสื้อผ้าดีๆให้ใส่, มีอาหารดีๆให้กิน แล้วจะยังมีอะไรให้ไม่พอใจอีกล่ะ
ถึงแม้พวกเธอจะไม่ใช่คนโปรดขององค์จักรพรรดิแต่เดิมทีองค์จักรพรรดิก็เป็นของดินแดนอยู่แล้ว แล้วทำไมจะต้องไปต่อต้านเรื่องอะไรพวกนี้ด้วยล่ะ
เมื่อคิดได้แบบนี้ ความตื่นตระหนกในหัวใจของเหล่านางสนมก็สงบลงทันที องค์จักรพรรดิไม่ได้สนใจเรื่องนี้และพระองค์ก็ไม่ได้อยากที่จะหาความจริงด้วย ตราบใดที่พวกเธอเก็บตัวเงียบอยู่แบบนี้ พระมเหสีก็ไม่น่าที่จะต้องรู้สึกอับอายอะไร
เพียงแค่ต้องหลบอยู่เงียบๆไปสักพัก ทันใดนั้นพวกเธอก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรที่จะต้องกังวลอีกแล้ว เพียงแต่ว่าคนอื่นๆที่เหลือกลับไม่ได้รู้สึกแบบนี้
คนที่เหลืออยู่ในวังหลัง เจ้านายที่คิดว่าตัวเองฉลาดซึ่งตอนนี้เริ่มที่จะไม่สงบแล้ว
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?!
องค์จักรพรรดิมีปฏิกิริยายังไงบ้าง?
ทำไมพวกนางสนมกลับมาง่ายๆแบบนั้นล่ะ?
แล้วพระมเหสีล่ะ?
ถูกลงโทษยังไงบ้าง?
คำถามพวกนี้ทำให้นางสนมที่รออยู่ในวังหลังถึงกับนั่งไม่ติด “เกิดอะไรขึ้นท่านแม่นมหลิว? ทำไมองค์จักรพรรดิยังไม่จับนังนั่นอีกล่ะ?” หลิวจือหลิงกระทืบเท้าด้วยความโกรธ
แม่นมหลิวเองก็มีท่าทีสับสนและยากที่จะเข้าใจเหมือนกัน ตามกฎแล้ว องค์จักรพรรดิจะเพิกเฉยต่อข่าวใหญ่แบบนี้ไม่ได้
“คุณหนู ไม่ต้องกังวลนะคะ” แม่นมหลิวพูดปลอบใจ
“ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกังวล นี่มันก็วันหนึ่งแล้วนะ นังพวกโง่พวกนั้นบอกเรื่องนี้กับองค์จักรพรรดิหรือยัง? ข้าไม่คิดงั้นนะ” หลิวจือหลิงโกรธมากจนเธอถึงกับปัดแจกันที่อยู่บนโต๊ะจนตกลงมา
เสียงของแตกดังสนั่นจนทำให้แม่นมหลิวตกใจและพยายามที่จะห้ามหลิวจือหลิง
“คุณหนู องค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้รักษาของนะเพคะ ข้าคิดว่าพระองค์คงไม่ค่อยพอใจกับเรื่องนี้เท่าไรแน่”
หลิวจือหลิงที่รู้สึกอยากจะโยนแจกันอีกใบแต่ทำได้เพียงหยุดมือที่กำลังโกรธเมื่อได้ยินว่าองค์จักรพรรดิจะไม่พอใจกับเรื่องนี้
“ไม่ต้องห่วงนะเพคะ ข้าจะส่งคนไปสืบ” แม่นมหลิวพูด
สิ่งแรกเลยคือต้องไปถามเหล่านางสนมว่าเกิดอะไรขึ้น
หลิวจือหลิงพยักหน้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร เธอไม่อยากที่จะรอแม้แต่อีกวินาทีเดียว เธออยากที่จะไปดูว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับพระมเหสีบ้าง
เฟิงอู๋ซีที่อยู่ในตำหนักเองก็ได้ยินข่าวแต่เธอสงบมากกว่าหลิวจือหลิง ยังไงซะเธอก็คิดอยู่แล้วว่าเรื่องนี้ต้องไม่สำเร็จ ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้น
องค์จักรพรรดิไม่มีความรู้สึกอะไรกับพระมเหสีเลยสักนิด บางทีพระองค์อาจจะแค่ของให้นางมาดูแลพวกผู้หญิงในวังหลังก็เท่านั้น
ตระกูลราชวงศ์ทำให้เธอรู้สึกอยากจะขำจริงๆ ถ้าเป็นพี่ชายของเธอ เขาก็คงจะทำได้ดีกว่านี้มาก พูดง่ายๆเธอไม่สนใจหรอกว่าโลกจะเป็นยังไง เธอแค่ต้องการที่จะแก้แค้น องค์จักรพรรดิ หลินหยางสมควรที่จะต้องตาย
ไม่นานหลังจากนั้นแม่นมหลิวก็กลับมาที่ตำหนักของหลิวจือหลิงพร้อมด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หลิวจือหลิงรีบเข้ามาถามทันที “ท่านแม่นม เป็นยังไงบ้าง?”
แม่นมหลิวส่ายหัว “ไม่ได้อะไรเลย เหล่านางสนมต่างก็ปิดตำหนักเงียบ แม้แต่สาวใช้ก็ยังไม่ให้ตามเข้าไปด้วยเลย ดังนั้นเลยไม่มีใครเลยไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับองค์จักรพรรดิ”
น่าแปลกจริงๆ แม่นมหลิวคิด