บทที่ 2262 กู้ซีจิ่วเหยียดหยามตัวเองเล็กน้อย / บทที่ 2263 ล้างหน้าล้างตาแล้วนอนเถอะ อย่าเพ้อฝันไปเลย!

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2262 กู้ซีจิ่วเหยียดหยามตัวเองเล็กน้อย

มันคิดๆ ดูแล้ว รู้สึกว่าตนควรจะโน้มน้าวปลอบประโลม

‘เจ้านาย อันที่จริง ในเมื่อเทพศักดิ์สิทธิ์หวงถูดับสูญไปแล้ว นั่นก็คือการดับสูญอย่างแท้จริง กลับมาไม่ได้อีกแล้ว เขาเปรียบเสมือนเรื่องราวในชาติก่อนของท่าน ผู้ใดจะสามารถถนอมกายดุจหยกเพื่อคนในชาติก่อนไปได้ตลอดเล่า? ท่านนึกถึงมนุษย์ธรรมดาสิ พอกลับชาติมาเกิดใหม่ ก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ เป็นคนใหม่ มีคนรักใหม่ ไม่เกี่ยวข้องกับผู้คนหรือเรื่องราวในชาติก่อนพวกนั้นแล้ว…’

กู้ซีจิ่วหลุบตามองมัน หยกนภายังคงพยายามต่อไป

‘เจ้านาย ท่านควรจะทำตามเสียงหัวใจของท่านนะ ท่านกับฝ่าบาทเนี่ยนโม่เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้ว ท่านกับเขาไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่อย่างไรก็เป็นความเต็มใจของท่าน จริงๆ ท่านก็ชอบเขาแล้วเหมือนกัน ใช่ไหมล่ะ?’

กู้ซีจิ่วนวดจุดไท่หยางอย่างเงียบงัน

ตอนนี้เธอว้าวุ่นใจนัก แต่ก็รู้ดี ตนชอบตี้ฝูอีเข้าแล้วจริงๆ

หากว่าอยู่ที่ดินแดนเบื้องบนยังพอเป็นไปได้ว่าชอบแบบที่ชอบพอเอ็นดูชนรุ่นเยาว์ แต่ที่แดนอสุราแห่งนี้เธอมองเขาเป็นคนรักจริงๆ

แต่เธอก็ปล่อยวางหวงถูไม่ลง…

ถึงอย่างไรหวงถูก็เป็นคนที่เธอหมกมุ่นตามหามาหลายร้อยปี มิใช่บอกว่าจะปล่อยวางก็สามารถปล่อยวางได้เลย

บ้าเอ้ย แบบนี้ถือว่าเธอเหยียบเรือสองแคมหรือเปล่านะ?!

กู้ซีจิ่วเหยียดหยามตัวเองเล็กน้อย

เธอส่ายหน้า

ช่างเถอะ! ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามเวลาแล้วกัน!

ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพัวพันอยู่กับความรู้สึกส่วนตัว ถึงอย่างไรตี้ฝูอีก็ยังหายสาบสูญอยู่…

เธอนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาอีกครั้ง เอ่ยถามหยกนภา

“เสี่ยวชาง เจ้าว่าอวิ๋นชิงหลัวที่พวกเขาพูดถึงจะใช่อวิ๋นชิงหลัวจากโลกเบื้องล่างหรือไม่? หรือแค่ชื่อแซ่เดียวกัน?”

หยกนภาฉงนแล้ว

‘ท่านพูดถึงสานุศิษย์สวรรค์ของโลกเบื้องล่างที่ปองร้ายท่านในปีนั้นหรือ? ที่ต่อมาถูกลาวาสูบกลืน ตายอย่างไร้หลุมกลบฝันคนนั้นใช่ไหม?’

กู้ซีจิ่วพยักหน้า

“ใช่! จะว่าไปก็ค่อนข้างประหลาด ความทรงจำเกี่ยวกับอวิ๋นชิงหลัวของข้าไม่สมบูรณ์ยิ่ง เสมือนขาดหายไปมากมายหลายส่วน จำได้เพียงว่านางเคยเป็นสานุศิษย์สวรรค์ ตอนอยู่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ปองร้ายข้าอยู่หลายครั้ง ต่อมานางร่วมมือกับคนเลวหน้าไหนสักคนเพื่อเล่นงานข้า แต่ขโมยไก่ไม่ได้แถมยังเสียข้าวสารอีก สุดท้ายก็ร่วงหล่นตกตายในลาวา ทว่าลืมเลือนรายละเอียดไปแล้ว เจ้าว่าเรื่องของอวิ๋นชิงหลัวจะเกี่ยวข้องกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายหวงถูด้วยไหม?”

หยกนภาไม่กล้าต่อปากยืดยาว เพียงกล่าวอย่างคลุมเครือว่า

‘ถ้าท่านว่าใช่ก็ใช่นั่นแหละ’

ปีนั้นเจ้านายของบ้านตนมีเรื่องหึงหวงอวิ๋นชิงหลัวอยู่มากนัก เกือบจะแตกหักกับตี้ฝูอีเพราะอวิ๋นชิงหลัวแล้ว…

เพียงน่าเสียดายที่เจ้านายลืมเลือนเรื่องของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอีไปแล้ว เรื่องราวทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขาล้วนถูกลบทิ้งไป ดังนั้นความทรงจำของนางถึงได้ขาดหายไม่สมบูรณ์อยู่เช่นนี้

นิ้วมือกู้ซีจิ่วเคาะโขดหินเบาๆ พลางใคร่ครวญ อวิ๋นชิงหลัวที่อวิ๋นเยียนหลีพูดถึงจะใช่ฮูหยินของเย่หลิงเจ้าเมืองลั่วฮวาหรือเปล่า?

‘เจ้านาย ท่านว่า อวิ๋นชิงหลัวจะใช่พี่น้องของอวิ๋นเยียนหลีไหม? พวกเขาแซ่อวิ๋นเหมือนกันเลย’

หยกนภาก็สันนิษฐานไปด้วย

“อวิ๋นเยียนหลีมีพี่สาวร่วมสายเลือดเพียงคนเดียว ซ้ำยังพำนักอยู่จวนนอกของชั้นฟ้าที่เก้าด้วย เป็นผู้สูงส่งที่รักสันโดษยิ่งคนหนึ่ง ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ไม่น่าจะใช่นาง เขายังมีน้องสาวบุญธรรมอยู่อีกคน ตอนที่ข้าเพิ่งขึ้นสู่ดินแดนเบื้องบนเคยพบหน้าครั้งหนึ่ง เป็นแม่นางน้อยที่โอหังวางอำนาจยิ่งนัก แตกต่างจากอวิ๋นฮูหยินผู้เก็บตัวที่เล่าขานกันผู้นั้น น่าเสียดายที่ตอนอยู่เมืองลั่วฮวาข้าไม่เคยได้พบอวิ๋นฮูหยินผู้นี้เลย มิเช่นนั้นตอนนี้คงเปรียบเทียบกันได้แล้ว”

กู้ซีจิ่วรู้สึกเสียดาย

‘เจ้านาย ไม่งั้นพวกเรากลับไปขุดหลุมฝังศพนางที่เมืองลั่วฮวาดูไหม? เมื่อครู่มิใช่เจ้าวังน้อยผู้นั้นบอกไว้หรือว่านางตายแล้วไม่เน่าเปื่อย?’

หยกนภาเสนอความเห็น

“เทพศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงส่งอย่างข้าจะไปขุดหลุมฝังศพเช่นนั้นได้อย่างไร?” กู้ซีจิ่ววางท่าเคร่งขรึม จากนั้นก็พลิกลิ้นไป

“เพียงแต่ ในเมื่อหลุมศพนางถูกขุดเปิดไปแล้ว พวกเราหาเวลาไปดูสักแวบก็ไม่เป็นไรหรอก”

————————————————————————————-

บทที่ 2263 ล้างหน้าล้างตาแล้วนอนเถอะ อย่าเพ้อฝันไปเลย!

หยกนภาพูดไม่ออกเลย

กู้ซีจิ่วพูดคุยกับหยกนภาอยู่พักหนึ่ง มองไปยังทิศทางนั้นที่อวิ๋นเยียนหลีจากไปอีกครั้ง

คนชุดเขียวเมื่อครู่นั้น กู้ซีจิ่วก็รู้จัก เป็นเจ้าเมืองซุ่ยเย่

เจ้าเมืองของที่นี่เป็นลูกน้องของอวิ๋นเยียนหลี ไม่จำเป็นต้องถามแล้ว เจ้าเมืองของเมืองอื่นก็น่าจะใช่เหมือนกัน!

ขุมกำลังที่อวิ๋นเยียนหลีซ่อนไว้แข็งแกร่งยิ่ง

พิรุณโลหิตรวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่พลิกฟ้าดินของแดนอสุราแห่งนี้ จะใช่วิชามารอันใดที่อวิ๋นเยียนหลีสร้างขึ้นไหมนะ?

แล้วจุดประสงค์ในการก่อตั้งเก้าเมืองนี้ขึ้นคืออะไร?

เป็นความหวังดีจริงๆ น่ะหรือ? หรือว่าเก้ามืองก็เป็นค่ายกลดูดซับพลังวิญญาณอันใดเช่นกัน?

ระดับพลังวิญญาณของอวิ๋นเยียนหลีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนดูวิปริต จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับค่ายกลนี้ไหม?

คดีสัตว์วิญญาณหายตัวไปที่ยังตัดสินไม่ได้สักทีของดินแดนเบื้องบนจะเกี่ยวข้องกับเขาด้วยหรือเปล่า?

ข้อสงสัยนับไม่ถ้วนวนเวียนอยู่ในสมองกู้ซีจิ่ว

ทำให้เธอเหม่อลอยไปชั่วขระ

‘เจ้านาย ท่านจะตามไปดูไหม?’

หยกนภาถาม

‘ที่นี่ประหลาดมาก…’

กู้ซีจิ่วเอ่ยตอบ

“รออีกหน่อย”

‘หา? ยังต้องรออีกหรือ? ถ้ารออีกพวกเขาก็ไม่อยู่แล้วนะ ท่านจะเข้าไปได้ยังไง?’

“โง่งม ด้วยวรยุทธ์ของอวิ๋นเยียนหลีหากข้ากับเจ้าใกล้เขาในระยะสิบจั้ง เขาจะสัมผัสได้ทันที! ในเมื่อค่ายกลนั้นเป็นแหล่งหล่อเลี้ยงชีวิตเขา จะต้องดูแลยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจเป็นแน่ ถ้าข้าตามติดเกินไป ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้อีกฝ่ายตื่นตัว ผลลัพธ์ไม่งดงามแน่”

‘เช่นนั้นจะเข้าไปตอนไหน?’

กู้ซีจิ่วมองดวงจันทร์บนท้องนภา นับนิ้วคำนวณครู่หนึ่ง ยืดกายขึ้น

“ตอนนี้แหละ!”

….

กู้ซีจิ่วมั่นใจว่าตนก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลเช่นกัน ใต้ฟ้านี้ค่ายกลที่เธอไม่สามารถทำลายได้แทบจะนับนิ้วได้เลย แต่ยามที่กู้ซีจิ่วติดตามกลิ่นอายของอวิ๋นเยียนหลีไปจนถึงค่ายกลใหญ่ที่ร่ำลือกัน ก็ยังตกตะลึงอยู่บ้าง

เมื่อเธอมุดผ่านดงไผ่ไป สิ่งแรกที่เห็นคือตำหนักที่มีทิวทัศน์งามตระการตาหลังหนึ่ง

ภายในตำหนักมีโฉมงามอยู่แปดนาง โฉมงามอวบอัดสะโอดสะอง เสื้อผ้าน้อยชิ้นจนชวนหนาว ยามที่เคลื่อนไหวยักย้ายดูเย้ายวนชวนเสน่หา ยั่วใจคนยิ่งนัก

กู้ซีจิ่วย่อมไม่ถูกพวกนางยั่วใจ แต่เส้นทางการสำรวจของเธอถูกสาวงามเหล่านี้สกัดกั้น

โฉมงามบ้างก็นั่งบ้างก็ยืน บ้างดีดพิณ บ้างวาดภาพ ยังมีที่เดินหมากอยู่ด้วย

ภายในตำหนักแห่งนี้โล่งโจ้งไปหมดไม่มีที่ให้ซ่อนตัวเลย ไม่ว่ากู้ซีจิ่วจะเข้าไปจากทิศไหน ก็จะตกอยู่ในสายตาโฉมงามสักคนอยู่ดี

โฉมงามแปดนางนี้เกรงว่าจะมิได้เป็นเพียงอนุภรรยาของเจ้าเมืองซุ่ยเย่เสียแล้ว พวกนางน่าจะมีฐานะอย่างอื่นหรือก็อาจจะเป็นคนเฝ้าค่ายกล!

มองจากท่วงท่า การเดิน การเคลื่อนไหวของพวกนางแล้ว พลังวิญญาณล้วนบรรลุขั้นแปดทั้งสิ้น!

สำหรับที่นี่นับว่าเป็นยอดฝีมืออย่างแน่นอน! พลังยุทธ์ล้วนไม่ต่างจากกู้ซีจิ่วในยามนี้เท่าไหร่

ถ้าสู้กันตัวต่อตัว ด้วยประสบการณ์ต่อสู้ที่เหลือล้นของเธอ สามารถจัดการอีกฝ่ายให้หมอบได้ภายในครึ่งชั่วยาม

แต่ถ้าหนึ่งต่อแปดล่ะ?

ล้างหน้าล้างตาแล้วนอนเถอะ อย่าเพ้อฝันไปเลย!

กู้ซีจิ่วคิดเล็กน้อย แปลงกายเป็นหินก้อนหนึ่งอยู่ที่นอกหน้าต่างอีกครั้ง แล้วเก็บหินก้อนเดิมเข้ามิติเก็บของไป…

‘เจ้านาย ไม่เข้าไปแล้วหรือ?’

หยกนภาฉงน ไม่เข้าใจว่านางมานั่งจับเจ่าอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร

‘รออีกนิด เข้าไปตอนนี้ไม่ได้ จะแหวกหญ้าให้งูตื่น’

รอ? รออะไรล่ะ?

หยกนภางงงันปานน้ำเข้าสมอง

เพียงแต่ มันเข้าใจได้รวดเร็วยิ่งว่าเจ้านายกำลังรออะไรอยู่

ด้วยเหตุนี้หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม เจ้าเมืองของเมืองเย่ซุ่ยคนนั้นก็มุดออกมาจากม่านมุ้งของห้องชั้นใน

สตรีทั้งแปดนางล้วนกรูกันเข้าไปต้อนรับ บ้างก็จัดเสื้อผ้าให้เขา บ้างก็สวมกวานให้เขา…ยุ่งง่วนอยู่รอบตัวเขาปานผึ้งงานตัวน้อย

หยกนภาฉงนแล้ว

‘เจ้านาย ทำไมพวกนางไม่พูดเลยล่ะ?’

มันกับเจ้านายนั่งโยงอยู่ที่นี่มานานขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยได้ยินพวกนางส่งเสียงสักแอะเลย