บทที่ 2264 อย่ามองสื่ออนาจารนะ! / บทที่ 2265 โฉมงามสะโอดสะองทรงเสน่ห์

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2264 อย่ามองสื่ออนาจารนะ!

มันกับเจ้านายนั่งโยงอยู่ที่นี่มานานขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยได้ยินพวกนางส่งเสียงสักแอะเลย ตอนนี้เจ้านายออกมาแล้ว พวกนางก็ยังไม่เปิดปากส่งเสียงอยู่ดี เงียบเป็นเป่าสาก

‘พวกนางน่าจะเป็นใบ้ไปแล้ว หากไม่ผิดไปจากที่คิด เกรงว่าแม้แต่อักษรสักตัวพวกนางก็คงไม่รู้จักเหมือนกัน’

ดวงตากู้ซีจิ่วทอแววเห็นใจ

หยกนภาตกตะลึง

สถานที่แห่งนี้เป็นความลับยิ่งนัก คนที่มาคุ้มกันยิ่งเงียบเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น

พูดไม่ได้อ่านเขียนไม่ออก ก็ไม่สามารถเปิดเผยความลับของที่นี่ได้…

เจ้าเมืองผู้นี้นั่งเสพสุข รับการปรนนิบัติจากเหล่าวสาวงามอย่างเพลิดเพลิน สีหน้าสำเริงสำราญยิ่ง

บางครั้งก็ยื่นอุ้งเท้าหมูบีบแก้มนางนี้ ตะปบหน้าอกนางนั้น ถึงขั้นที่ตบสาวงามผู้หนึ่งไปหนึ่งทีด้วย…

‘น่าเกลียดจริงๆ!’

หยกนภาวิจารณ์

‘จริงแท้!’

กู้ซีจิ่วเห็นด้วย สายตาจ้องเขม็งอยู่ที่มือของเจ้าเมืองผู้นั้น

หยกนภาหมดคำบรรยาย

‘เจ้านาย อย่ามองสื่ออนาจารนะ!’

‘เจ้าจะไปรู้อะไร? ไม่แน่ว่าการที่เขาโอ้โลมสาวงามเช่นนี้ อาจเป็นการส่งสัญญาณลับให้สาวงามเปิดหรือปิดค่ายกลให้เขาก็ได้ ข้าจดจำขั้นตอนเอาไว้สักหน่อย’

กู้ซีจิ่วบอกกล่าว

หยกนภาเงียบไปแล้ว

ผ่านไปครู่หนึ่ง เจ้าเมืองผู้นั้นก็เดินออกมาอย่างพออกพอใจ ลอยชายจากไป

และพอเขาไปได้ไม่นาน กู้ซีจิ่วก็แปลงโฉมเป็นเจ้าเมืองชุดเขียวผู้นั้น ก้าวเข้าไปในตำหนักหลังนี้อีกครั้ง

สาวงามแปดนางนั้นคล้ายจะประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ยังเข้ามารายล้อมเช่นเดิม…

จากนั้นหยกนภาก็ได้เห็นฉากที่ทำลายสามมุมมองของมัน เจ้านายของมันลูบไล้แทะโลมสาวงามทั้งแปด ลื่นไหลช่ำชองอย่างยิ่ง

หยกนภารู้สึกว่า มันทนมองไม่ได้แล้ว…

สิ่งที่มันคาดไม่ถึงคือ การเคลื่อนไหวอย่างลื่นไหลช่ำชองนี้เป็นสัญญาณลับที่สาวงามทั้งแปดใช้ยืนยันตัวตนของผู้เป็นนายจริงๆ หลังจากลูบคลำอย่างหนำใจแล้ว สาวงามทั้งแปดล้วนดูคล้ายจะโล่งอก

สาวงามนางหนึ่งพาเธอไปที่หน้าเตียง ไม่ทราบว่ามุดเข้าไปกดกลไกอันใดในเตียงเข้า กระดานเตียงใต้ร่างกู้ซีจิ่วพลันพลิกตวัด เธอตกลงไปในอุโมงค์ยาวสายหนึ่งที่ลึกและแคบ…

อุโมงค์เป็นสีมรกต เมื่อคนยืนอยู่ด้านใน จะส่องใบหน้าคนให้เป็นสีเขียวเลือนราง…

ไข่มุกที่อยู่ด้านบนอุโมงค์คล้ายไข่มุกราตรี กระจัดกระจายกันไปดั่งดวงดารา เป็นแผนภูมิเลือนรางอย่างหนึ่ง

นอกจากไข่มุกที่อยู่ด้านบนเหล่านี้แล้ว ก็มองไม่เห็นกลไกอื่นใดในอุโมงค์อีก

อุโมงค์นี้นอกจากจะเขียวไปสักหน่อยแล้ว ก็ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติอย่างอื่นอีก

ในส่วนลึกสุดของอุโมงค์มีเสียงประหลาดแว่วออกมารางๆ

‘เจ้านาย ทำไมไม่เดินเข้าไปล่ะ? มองไข่มุกพวกนี้ทำไม?’

หยกนภาฉงน

“ไข่มุกพวกนี้คือกลไก จะต้องแก้กลไกที่นี่เสียก่อน มิเช่นนั้นอุโมงค์สายนี้จะกลายเป็นเส้นทางมรณะ!”

กู้ซีจิ่วอธิบาย สายตาไม่ละไปจากไข่มุกที่อยู่เหนือศีรษะเหล่านั้น

นิ้วมือกรีดกรายเป็นระยะๆ คล้ายจะคำนวณอะไรอยู่ ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอยื่นมือไปกดไข่มุกไม่กี่เม็ดจากทั้งหมดนั้นอย่างต่อเนื่อง…

‘วู้มมม… ’

พลันมีเสียงลมแว่วขึ้นมาในอุโมงค์ มีควันสีชมพูจางๆ ผุดออกมาจากส่วนลึกของอุโมงค์ อบอวลไปทั่วอุโมงค์ทันที

และในวินาทีที่ควันสีชมพูนี้ผุดออกมา ก็มีแมงสีครามอ่อนนับไม่ถ้วนบินออกมาจากผนังอุโมงค์ เข้าปะทะกับควันสีชมพูอ่อนรวดเร็วยิ่ง

ผ่านไปครู่หนึ่ง ควันสีชมพูสลายไป ส่วนบนพื้นก็เกลื่อนไปด้วยซากแมลงสีครามอ่อน

แมลงสีครามอ่อนเหล่านั้นจมลงไป ก้อนศิลาบนพื้นเบื้องหน้าที่เดิมทีเป็นสีมรกตทั้งหมดพลันยกตัวขึ้นมาทีละก้อนๆ ขยายตัวไปจนถึงส่วนที่ลึกที่สุด

กู้ซีจิ่วถึงได้เหยียบย่างลงบนก้อนศิลา

หยกนภาเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง!

มันจำได้แล้วว่าแมลงพวกนี้เป็นหิ่งห้อยโลกันต์ชนิดหนึ่ง ถ้าเข้าใกล้มันในระยะสามฉื่อจะถูกการร่ายรำของพวกมันดึงดูด ขอเพียงมนุษย์แตะโดนเข้าสักตัว จะเกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นมาทันที เผาคนจนกลายเป็นเถ้าธุลี…

————————————————————————————-

บทที่ 2265 โฉมงามสะโอดสะองทรงเสน่ห์

และแมลงของที่นี่ก็มีอยู่เรือนพันเรือนหมื่น หากว่ากู้ซีจิ่วบุ่มบ่ามเข้าไป จะต้องทำให้แมลงเหล่านี้ตื่นตระหนกเป็นแน่ เช่นนั้นเจ้านายของบ้านมันก็จะมิใช่โฉมงามสะโอดสะองทรงเสน่ห์อีกแล้ว กลายเป็นโครงกระดูกไปเสีย…

เมื่อเป็นเช่นนี้ ระหว่างทางกู้ซีจิ่วก็ยังต้องทำลายกลไกทำนองเดียวต่อเนื่องกันไปถึงหกอย่าง แต่ละอย่างล้วนมีพลังทำลายล้างสูงยิ่งนัก

เห็นทีว่าอวิ๋นเยียนหลีจะให้ความสำคัญกับที่นี่เป็นพิเศษจริงๆ ระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวดยิ่งกว่ากระทรวงการคลังเสียอีก!

เพียงแต่เจ้านายของมันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์กลไก ถ้าเป็นเป็นคนอื่นที่บุกเข้ามา เกรงว่าพริบตาเดียวก็คงถูกกำจัดจนไม่เหลือซากแล้ว

หลังจากผ่านพ้นกลไกทั้งหกมาได้ กู้ซีจิ่วก็เข้าสู่ห้องลับห้องหนึ่ง

ห้องลับห้องนี้คล้ายคลังเก็บของ มีพื้นที่ใหญ่โตยิ่ง

ผนังทั้งสี่ด้านมีชั้นวางหยกเขียวตั้งเรียงราย สิ่งที่วางอยู่บนชั้นทำให้กู้ซีจิ่วตาลุกวาวทันที!

ผลึกวิญญาณ!

ผลึกวิญญาณนับไม่ถ้วน!

มีนับหมื่นก้อน!

กู้ซีจิ่ววนไปทั่วห้องนี้อย่างรวดเร็วคราหนึ่ง คาดคะเนระดับผลึกวิญญาณเหล่านี้ได้ราวแปดเก้าส่วน

ผลึกวิญญาณเหล่านี้ส่วนมากเป็นระดับสาม แต่ก็มีระดับสองอยู่สองสามร้อยก้อน แถมยังมีระดับหนึ่งอยู่กว่าร้อยก้อนด้วย…

ไม่จำเป็นต้องถามเลย ที่นี่คือคลังหินผลึกวิญญาณ ผลึกวิญญาณที่นักล่าในเมื่องเหล่านั้นล่ามาได้ล้วนถูกเก็บซ่อนไว้ที่นี่…

ผลึกวิญญาณเหล่านี้มีขนาดเท่าไข่ห่าน เล็กหน่อยก็เท่าไข่นกพิราบ

กู้ซีจิ่วไม่เกรงอกเกรงใจยิ่ง เปิดมิติเก็บของตนออกทันที เก็บกวาดระดับหนึ่งระดับสองทั้งหมดเข้าไป ระดับสามก็เก็บมากว่าสองพันก้อน เมื่อเห็นว่าช่องมิติเกือบล้นแล้ว ยัดไม่ลงอีกถึงได้รามือ

ดวงตาของหยกนภาแทบจะเป็นสีเขียวแล้ว!

มันก็ปรารถนาในผลึกวิญญาณเหล่านี้เช่นกัน!

มันเปิดช่องมิติของตนออกเสียงดังแอ๊ด เกาะอยู่บนชั้นวาง พุ่งเข้าไปเขมือบกลืนปานที่โกยขยะ ระยะเวลาเพียงครู่เดียว ก็ทำให้มันเขมือบเข้าไปได้หลายร้อยก้อนแล้ว…

เดิมทีในช่องมิติของมันใส่ของกระจุกกระจิกเอาไว้ไม่น้อยเลย มันยังอยากจะยัดเข้าไปอีกหน่อย คิดจะเอาของอย่างอื่นในช่องมิติออกมาวางกองบนพื้น

ถูกกู้ซีจิ่วยับยั้งมันไว้

“พอแล้ว”

เธอไม่อยากทิ้งอะไรไว้ที่นี่เลย เศษผ้าสักชิ้นก็ไม่ได้

หยกนภายังคงเชื่อฟังเธอนัก ถึงแม้ในใจจะยังหักใจไม่ลงอย่างยิ่ง แต่สุดก็ไม่เก็บอีกแล้ว

มันยังเสนอความเห็นด้วย

‘เจ้านาย ท่านสมควรสร้างถุงเก็บของหลายๆ ใบหน่อย ถึงคราวจำเป็นทว่าน่าชังนักที่มีถุงเก็บของน้อยเกินไป’

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย

เธอไม่สนใจหยกนภาที่กลายเป็นหยกเจ้าบทเจ้ากลอนอีก เริ่มค้นหากลไกอื่นภายในห้องนี้

อวิ๋นเยียนหลีมาเพื่อจัดการค่ายกลอันใดกัน เธอยังหาค่ายกลนั้นไม่เจอเลย…

งมหาอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเธอก็หากลไกที่อยู่ด้านบนพบอีกครั้ง คิดจะลองเปิดดู แต่มือยังไม่ทันได้สัมผัสกลไกนั้น จู่ๆ ก็ชักมือกลับ

‘ทำไมหรือ?’

หยกนภาฉงน

“กลไกนี้ต้องมีพลังวิญญาณขั้นเก้าขึ้นไปถึงเปิดได้”

หยกนภานิ่งไปแวบหนึ่ง ‘

…แล้วจะทำยังไงดี?’

กู้ซีจิ่วยังไม่ทันพูดอะไร ก็ได้ยินเสียงเปิดปิดกลไกเสียงก้องสะท้อนแว่วมาจากในส่วนลึกของกำแพง…

แย่แล้ว! มีคนกำลังจะออกมา!

กู้ซีจิ่วไม่สนใจอย่างอื่นแล้ว ยื่นมือไปลบกลิ่นอายของตนที่หลงเหลืออยู่ที่นี่ทิ้งไป จากนั้นก็หมุนกายใช้วิชาเคลื่อนย้าย หายลับไปทันที

ร่างของเธอเพิ่งจะเลือนหายไปได้ไม่นาน พื้นของห้องลับนี้ก็ค่อยๆ แยกออกเป็นสองฟาก มีคนสองคนโผล่ออกมาจากด้านใน

สองคนนี้สวมชุดสีเขียว ฝีเท้าหนักแน่นทรงพลัง นัยน์ตาที่กวาดมองไปทั่วห้องเสมือนคมดาบที่ส่องประกาย

“ครั้งนี้นายท่านต้องการผลึกวิญญาณมากขึ้นนะ”

“ใช่แล้ว ครั้งนี้สั่งให้พวกเรามาเอาผลึกวิญญาณระดับหนึ่งไปสิบก้อนในครั้งเดียว…”

พูดมาถึงตรงนี้จู่ๆ ก็ชะงักไป สายตาสองคู่มองไปที่ชั้นวางประหนึ่งจะเป็นลมชัก…