ตอนที่ 478 พวกหลานสองคน / ตอนที่ 479 อย่าโทษว่าผมโหด

หมอยาหวานใจท่านประธาน

ตอนที่ 478 พวกหลานสองคน 

 

 

เดิมสีหน้านายท่านผู้เฒ่าดูกลัดกลุ้ม พอได้ยินเช่นนี้คิ้วที่ขมวดอยู่ก็คลายออกอย่างไม่รู้ตัว สีหน้ากระอักกระอ่วน “ก็…ใครใช้ให้พวกหลานไม่ปิดประตูล่ะ อีกอย่างที่หน้าประตูก็ไม่ได้ติดป้ายห้ามไม่ให้ปู่เข้ามา” 

 

 

“ช่างเถอะ พวกหลานยุ่งกันต่อเถอะ เหลนปู่สำคัญกว่า” อนาคตของเฉวียนกรุ๊ปอะไรนั่น จะสำคัญกว่าเหลนเขาหรือ คำตอบคือไม่ ดังนั้นสำหรับเฉวียนสือเวลานี้แล้ว เหลนเขาสำคัญที่สุด 

 

 

นายท่านผู้เฒ่าพูดจบก็ยื่นมือจะช่วยปิดประตู กลับทำให้อีลั่วเสวี่ยและเฉวียนหมิงพูดอะไรไม่ออก 

 

 

“ปู่ครับ ผมตกใจจนหมดอารมณ์แล้ว” เฉวียนหมิงท่าทางน้อยใจ ราวกับปู่ตนทำเรื่องผิดพลาดอย่างร้ายแรง ส่วนอีลั่วเสวี่ยแอบหยิกแขนเขา 

 

 

หมดอารมณ์? จะบอกว่าเธอสวยไม่พอหรือไง พอมีคนอื่นเขาเลยหมดอารมณ์ต่อเธอหรือ คนโกหก! 

 

 

เฉวียนหมิงทนเจ็บ สีหน้าเรียบเฉย แต่รู้สึกจนใจ เด็กสาวอย่างเธอจู่ๆ ก็อารมณ์เสีย เขารู้สึกไม่คุ้นเคย 

 

 

นายท่านผู้เฒ่าทั้งหงุดหงิดทั้งน้อยใจ “ปู่ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย เรื่อง ก็เกิดขึ้นแล้ว งั้นปู่ไม่รบกวนพวกหลานแล้ว” พูดจบจึงค่อยๆ หันหลังกลับไป 

 

 

ท่าทางเหมือนฉันไม่ได้มองเห็นอะไรทั้งนั้น พวกหลานไม่เห็นฉัน เราไม่ได้พูดอะไรกัน ท่าทางดูน่าขำและน่ารัก เหมือนผู้เฒ่าใจดี 

 

 

อีลั่วเสวี่ยเอามือกุมหน้าผาก เวลาที่นายท่านผู้เฒ่าไม่โมโห ก็ดูดีมาก 

 

 

“ปู่ครับ มีเรื่องอะไรก็พูดมาได้เลย เรื่องของเราสองคนค่อยทำเมื่อไหร่ก็ได้ จริงไหมอาเสวี่ย” เฉวียนหมิงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วยื่นมือออกไปโอบเอวอีลั่วเสวี่ยไว้ 

 

 

อีลั่วเสวี่ยรู้สึกอาย ถลึงตาใส่เฉวียนหมิง แล้วผลักมือเขาออก “อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ รักษามารยาทหน่อยค่ะ” ทำอย่างนี้เธอก็อายแย่สิ 

 

 

นายท่านผู้เฒ่าเห็นเช่นนี้จึงเลิกโทษตัวเอง เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าขึงขัง ทั้งสามนั่งลงที่โซฟาด้านข้าง 

 

 

“หลานนะหลาน ดูสิ ระยะนี้หลานทำอะไรไปบ้าง เดิมปู่คิดว่าจะวางใจได้ คิดไม่ถึงว่าจะทำให้ปู่ไม่สบายใจขนาดนี้ ปู่ไม่รู้ว่า…ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี” 

 

 

เฉวียนหมิงพูดอย่างเนิบนาบ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยครับ เป็นพวกเขาที่อิจฉาธุรกิจของเรา จะโทษผมได้ยังไง?” ตรงกับคำพูดที่ว่าคนเราพอโดดเด่นก็กลายเป็นเป้าสนใจ ธุรกิจของเฉวียนกรุ๊ปทำกำไรได้มาก ย่อมมีคนไม่น้อยที่อิจฉาตาร้อน 

 

 

อีลั่วเสวี่ยอยู่ข้างๆ ยกชาที่ชงเสร็จแล้วให้นายท่านผู้เฒ่า คงเพราะเขานึกถึงเรื่องเหลน สีหน้าจึงดูไม่แย่ เขารับชามา เป่าให้เย็นแล้วจิบคำหนึ่ง 

 

 

ชาอุ่นแฝงด้วยความเย็นชุ่มคอ ทำให้คลายความโมโหอย่างไม่รู้ตัว ไม่หงุดหงิดนักแล้ว 

 

 

“ว่ามา หลานไปทำอะไรให้แม่หนูสกุลฟางไม่พอใจ หลานไม่รู้หรือว่าตาเฒ่าฟางรักหลานสาวคนนี้มากแค่ไหน ต่อให้หลานจะไม่ชอบเธอ ก็ไม่ควรปฏิเสธอย่างตรงเกินไปแบบนั้น” แม้เขาจะอยู่ข้างนอก แต่ระหว่างทางก็สอบถามข้อมูลสำคัญได้ไม่น้อย  

 

 

อีลั่วเสวี่ยได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว “ปู่พูดอย่างนั้นไม่ถูกหรอกค่ะ ถ้าเฉวียนหมิงไม่ปฏิเสธให้ชัดเจน เท่ากับเปิดโอกาสให้กับฝ่ายนั้น ถึงตอนนั้นจะยิ่งเข้าใจผิดกันใหญ่” 

 

 

“ยายหนูอย่างเธอจะเข้าใจอะไร เรื่องในแวดวงธุรกิจนั้น ต่างฝ่ายต่างหลอกล่อกัน ใครจริงจังย่อมเป็นฝ่ายแพ้” เดิมเขาคิดว่าตัวเองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตาเฒ่าฟาง ที่จริงที่ยิ้มเข้าหากันเพราะสองฝ่ายมีความร่วมมือกันทางธุรกิจเท่านั้น 

 

 

“ฉันไม่เข้าใจหรอกค่ะ แต่ลองนึกดูใจเขาใจเรา ถ้าเปลี่ยนเป็นฉัน ถ้าฉันไม่ปฏิเสธผู้ชายที่มาชอบให้ชัดเจน ไม่เท่ากับทำร้ายเฉวียนหมิงหรือคะ ปู่ว่าจริงไหมคะ?” 

 

 

ระหว่างที่อีลั่วเสวี่ยพูดอบรมนายท่านผู้เฒ่า เฉวียนหมิงนิ่งเงียบตลอด บางครั้งคงต้องให้ปู่ตนได้เห็นด้านที่แข็งแกร่งของอีลั่วเสวี่ยบ้าง เธอจะได้ไม่ถูกเขาคอยข่มเหง 

 

 

นายท่านผู้เฒ่ามองดูอีลั่วเสวี่ยแล้วหันมามองเฉวียนหมิง ท่าทางเหมือนไม่ได้ดั่งใจ “พวกหลานสองคน เฮ้อ! 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 479 อย่าโทษว่าผมโหด 

 

 

ทำไมไม่หารือปัญหากับเขาดีๆ แม้เขาจะไม่เห็นด้วยที่ทั้งสองอยู่ด้วยกัน แต่ในเมื่อทั้งคู่รักกันเช่นนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรเขาเองก็ไม่อาจทำให้คู่รักคู่นี้ต้องแยกจากกัน 

 

 

ที่จริงเขาไม่ได้ทำเรื่องโง่ๆ บังคับให้ทั้งคู่แยกกัน 

 

 

แน่นอนว่าเรื่องฟางจื่อชิวเขาเองก็มีส่วนรับผิดชอบ แต่นั่นเพราะฝ่ายนั้นหลงรักเฉวียนหมิงจึงก่อให้เกิดเรื่องขึ้น 

 

 

“ปู่ครับ เรื่องนี้ปู่ไม่ต้องวิตกหรอก มีผมกับอาเสวี่ยอยู่ ปู่เพียงดูแลตัวเองให้ดี ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขก็พอครับ” เฉวียนหมิงยิ้ม ปู่ตนวุ่นวายมามากพอแล้ว 

 

 

“จะไม่วิตกได้ยังไง เฉวียนกรุ๊ปเป็นธุรกิจของครอบครัวเรา ถ้าไม่มีบริษัทเหล่านี้แล้ว เราจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร?” ถ้าไม่มีอิทธิพลของเฉวียนกรุ๊ป แล้วหลานตนจะรักษาอาการป่วยได้หรือ? 

 

 

ถ้าไม่คำนึงถึงเรื่องนี้ เริ่มแรกที่ก่อตั้งเฉวียนกรุ๊ปพวกเขาผิดใจกับผู้คนไม่น้อยทั้งที่ผิดกฎหมายและถูกกฎหมาย ถ้าตึกสูงของพวกเขาล้มลงแล้ว ศัตรูเหล่านี้จะเล่นงานพวกเขาให้ตายเหมือนจัดการกับมดปลวก! 

 

 

อีลั่วเสวี่ยเห็นสีหน้านายท่านผู้เฒ่าหม่นหมอง จึงพูดว่า “ปู่คะ เฉวียนหมิงพูดถูกแล้ว ฉันกับเฉวียนหมิงจัดการเรื่องนี้ได้ ปู่ไม่ต้องกังวลหรอก ที่สำคัญที่สุด ปู่อย่าดูถูกหลานชายตัวเองค่ะ” 

 

 

เฉวียนหมิงเป็นคนที่มีความสามารถสูงมาก เขาที่เป็นปู่จะไม่รู้เลยหรือ 

 

 

“ไม่ใช่ปู่ไม่เชื่อในความสามารถของเจ้าหนู แต่สกุลฟางต่างจากคนอื่น พอพวกนั้นลงมือ ก็ไม่ต่างจากสุนัขป่าที่หิวโซ จะกัดเหยื่อไม่ยอมปล่อย” นี่คือเหตุผลที่ตระกูลฟางยังเป็นเพียงกลุ่มธุรกิจ ไม่ได้ก่อตัวเป็นกลุ่มธุรกิจใหญ่ แต่ได้รับการปฏิบัติเทียบเท่ากลุ่มธุรกิจใหญ่อื่นๆ 

 

 

เฉวียนหมิงได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มอย่างเย็นชา “ปู่ครับ อย่าดูเบาผมเกินไป พวกนั้นเป็นเหมือนสุนัขป่าหิวโซ แต่ผมเฉวียนหมิงก็ไม่ใช่เป็นคนใจดี ถ้าพวกนั้นก่อกวนผมจริงๆ ถึงตอนนั้นใครกันแน่ที่จะลงมืออย่างโหดร้ายก็ยังไม่แน่” 

 

 

ใครๆ ก็ลงมืออย่างโหดร้ายได้ แต่ต้องดูว่ามาแตะถูกเส้นตายของเขาหรือไม่ แต่บริษัทสกุลฟางโชคร้ายแล้วที่ค่อยๆ ก้าวเข้ามาใกล้เส้นตายของเขาแล้ว เตรียมจะย่ำลงมาอย่างรุนแรง 

 

 

ที่เฉวียนหมิงมีความมั่นใจเช่นนี้ทำให้นายท่านผู้เฒ่าประหลาดใจ “เจ้าหนู การประเมินข้าศึกต่ำไปเป็นข้อห้ามในสนามรบนะ!” หลานคนนี้ ยังไม่ทันเริ่มต้นก็ประมาทแล้ว ไม่ได้ ไม่ได้ 

 

 

เฉวียนหมิงจนปัญญา “ปู่ครับ ถ้าผมไม่มั่นใจบ้าง หรือปู่จะให้ผมกลัวการคุกคามของอีกฝ่าย แล้วข่มความฮึกเหิมของตัวเองลงไปหรือ? นั่นถึงจะเป็นข้อห้ามในสนามรบใช่ไหมครับ?” ตรงกับคำกล่าวที่ว่าโคอ่อนไม่กลัวพยัคฆ์ 

 

 

เขาก็เป็นเช่นนั้น มีแต่ผู้กล้าที่ไม่มีความหวั่นเกรง จึงจะไปถึงยอดสูงสุดได้ 

 

 

“ได้ ได้ เจ้าหนูโตแล้ว ปีกกล้าแล้ว วิธีการทำธุรกิจของปู่เมื่อก่อนไม่เหมาะกับสมัยนี้แล้ว หลานตัดสินใจเองเถอะ” เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นายท่านผู้เฒ่าตกลงใจที่จะไม่แทรกแซงการตัดสินใจของเฉวียนหมิงอีก 

 

 

อย่างไรเสียเมื่อมาถึงรุ่นหลานชายของตน เขาเป็นเพียงทายาทคนเดียว ใครจะรู้ว่าเฉวียนกรุ๊ปยังจะมีอนาคตหรือไม่ ถ้าต้องยอมแพ้ สู้ทำเรื่องใหญ่ไปเลยจะดีกว่า ต่อให้ต้องพ่ายแพ้ แต่ได้แสดงฝีมือในสนามรบธุรกิจ 

 

 

ด้วยศักยภาพของเฉวียนกรุ๊ปแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างแพ้ยับเยิน จะส่งผลสะเทือนอย่างรุนแรง ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ใช่จะดีเท่าไร 

 

 

เวลานี้ต้องประเมินในแง่ร้ายที่สุด เฉวียนกรุ๊ปต้องทุ่มเทสุดกำลัง ต่อให้พ่ายแพ้ก็ต้องทำให้ศัตรูย่อยยับไปด้วย ต่อให้ไม่ได้ดั่งใจ ก็ต้องสังหารข้าศึกสามพัน ฝ่ายตนเสียหายแปดร้อย 

 

 

คิดทบทวนดูแล้ว สำหรับพวกเขาที่ไม่เห็นความสำคัญในอนาคตของบริษัท ยังต้องลองเสี่ยงดู ไม่มีเงิน ยังหาใหม่ได้ ที่สำคัญที่สุดคือประสบการณ์ พวกเขาต้องการสิ่งนี้