บทที่ 536 อยากจะเห็นแสนรักคลานอยู่ตรงหน้าของฉัน!

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 536 อยากจะเห็นแสนรักคลานอยู่ตรงหน้าของฉัน!
เปลี่ยนคณะผู้ถือหุ้นของหิรัญชากรุ๊ป พร้อมทั้งประกาศผู้บริหารสูงสุดคนใหม่!

เรื่องเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ภายในประเทศหลายปีมานี้เป็นเรื่องที่ทำให้วงการธุรกิจสั่นสะเทือนมากที่สุด หลังจากข่าวแพร่ออกไป นอกจากสื่อในพื้นที่แล้ว ยังมีสื่ออันดับหนึ่งของประเทศก็มาแล้ว ยังไม่เพียงเท่านั้นรวมทั้งหนังสือพิมพ์กระแสหลักของต่างประเทศอีกด้วย

งานแถลงข่าวครั้งนี้พูดได้ว่าผู้คนแน่นหนา

เนติยังไม่เข้ามาในงาน

แต่ว่า เธออยู่ที่ชั้นบนของโรงแรมมองเห็นทุกอย่างในงาน หลังจากนั้นพอใจเป็นอย่างมาก

“คุณผู้หญิง ด้านโน้นมีข้อความส่งมาแล้ว แสนรักออกมาแล้ว”

“ดี!”

เนติมีความสุขเป็นอย่างมาก

หลังจากนั้น เธอถือกระเป๋าขึ้นมา เหมือนอย่างราชินี แล้วย่างกายออกจากโรงแรม

ตอนเช้าเก้าโมงตรง ในที่สุด คนของหิรัญชากรุ๊ปก็ต่างมาถึงงานแถลงข่าว

“ปรับเปลี่ยนแล้วจริงๆด้วย คนในนั้น ไม่รู้จักแม้แต่คนเดียว”

“นั้นสิ เมื่อก่อนหุ้นส่วนตั้งมากมาย แต่ตอนนี้ บนเวทีมีเพียงสองคนที่นั่งอยู่ นี่หมายความว่าอย่างไร หรือว่าหิรัญชากรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่ ตอนนี้เหลือหุ้นส่วนเพียงสองคนแล้วเหรอ”

“ไม่น่าจะใช่นะ เงินทุนของหิรัญชากรุ๊ปมากมายถึงหลักหลายล้านล้าน!”

“ช่างเถอะ รอแสนรักมาแล้วค่อยว่ากันอีกที นี่คุณชายรองของตระกูลหิรัญชา ก็คงไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ฉันว่ารอประธานแสนรักมาจะดีกว่า”

“……”

หลังจากที่เหล่านักข่าวมากันแล้ว จากเริ่มพูดคุยถกเถียงกันขึ้นมา

เพราะว่า พวกเขาเห็นคนที่เข้ามานั้น นอกจากคณาธิปที่พึ่งจะถูกตระกูลหิรัญชายอมรับ ยังมีคนญี่ปุ่นที่เป็นตัวแทนจากซาจากรุ๊ป บนเวทีแห่งนี้ก็ไม่มีใครอื่นแล้ว

กำลังพลแบบนี้ ใครจะเชื่อว่าบริษัทของตระกูลที่ยิ่งใหญ่จะเปลี่ยนคณะผู้ถือหุ้น?

ดังนั้น โดยความเคยชินของพวกเขาแล้วพวกเขาเอาความหวังวางไว้กับแสนรักที่ยังมาไม่ถึงในงาน อีกทั้งยังคงเรียกเขาว่าประธานแสนรัก

เนติเข้ามาในงานแถลงข่าวแล้ว จึงนั่งพักผ่อนอยู่ที่ห้องรับรองด้านหลัง

มองภาพในงานผ่านกล้องวงจรปิด เธอโมโหมาก แล้วยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น

“แสนรัก? ดี งั้นพวกแกก็รอไปเถอะ อีกสักพักจะให้พวกแกได้เห็น ที่พวกแกต่างเรียกร้องหาประธานแสนรักนั้น จากบนฟ้าอันสูงส่ง กลายเป็นหมาข้างถนน!”

ในทุกๆคำ ต่างแฝงไปด้วยความโกรธเกลียดเข้ากระดูก และยังมีความรู้สึกของการอยากแก้แค้น

คณาธิปไม่ได้แปลกใจอะไร

เขามองเห็นเหล่านักข่าวไม่ได้สนใจเขาแม้แต่น้อย เขากำมือแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดนูนขึ้นมาอย่างชัดเจน

นี่คือความแตกต่างระหว่างเขากับผู้ชายคนนั้น

ทั้งๆที่เขาก็เป็นลูกชายแท้ๆของธนากร แต่ว่า หลายปีมานี้ เขาเป็นคนที่ถูกเมินมาตลอด ไม่มีคนที่เคารพนับถือเขาจริงๆ

แม้แต่พ่อของเขาเอง ก็ไม่เคยสนใจเขาเลย

ดังนั้น วันนี้เขาเองก็ต้องการงานที่ยิ่งใหญ่อลังการในครั้งนี้ เขาต้องการพิสูจน์ตัวเอง ต้องการสิ่งนี้มาเป็นสิ่งที่บ่งบอกสถานะของเขาหลังจากนี้

คณาธิปนั่งรออย่างเงียบๆ

อีกทั้งสิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงคือ งานแถลงข่าวเริ่มขึ้นมาเกือบถึงครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่แสนรักกลับยังไม่มา

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ แสนรักทำไมยังไม่มาอีก”

“ไม่ใช่ว่าไม่มาแล้วนะ งั้นงานแถลงข่าวในครั้งนี้ ความจริงก็คือคุณชายรองที่กลับมาเข้ามาในตระกูลหิรัญชาได้ไม่นานเป็นคนจัดงานขึ้นมาเองงั้นเหรอ เขากำลังล้อพวกเราเล่นหรือเปล่า”

เมื่อเห็นว่านานแล้วแสนรักยังไม่มา นักข่าวที่อยู่ในงานต่างเริ่มจะหมดความอดทนลงแล้ว

คณาธิปได้ยิน สีหน้าจึงเปลี่ยนไป

“ยังไม่ไปดูอีกว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมยังไม่มา”เขาเปล่งเสียงโทนต่ำออกคำสั่งกับผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างทันที

ผู้ช่วยถึงกับเหงื่อตกแล้ว

เขาจะไปรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร เดิมทีได้รับข้อความคือมาออกมาแล้ว แต่ว่าทำไมตอนนี้ยังมาไม่ถึง เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

ผู้ช่วยรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา เตรียมโทรไปถามถึงสถานการณ์ในตอนนี้

แต่นึกไม่ถึงว่า เขายังไม่ทันได้โทรออก นักข่าวที่อยู่ในงานแถลงตอนนี้ ทันใดก็ได้ยินเสียงความโกลาหล

หลังจากนั้น เขายังไม่ทันได้เงยหน้าขึ้นมา ก็พบว่ามีคนกำลังเข้ามาจากด้านนอก

“สมเดช! เป็นผู้ถือหุ้นรายเดิมของหิรัญชากรุ๊ป พวกเขามาแล้ว!!”

“ใช่ใช่ใช่ ผู้ถือหุ้นรายเดิมมาแล้ว หิรัญชากรุ๊ปมีการปรับเปลี่ยนใหม่แล้วไม่ใช่เหรอ ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนี่”

“……”

เสียงตกใจดังขึ้น ทันใด นักข่าวมากมายก็ล้อมเข้าไปถ่ายรูปพวกเขา

คนที่อยู่บนเวทีมองเห็นแล้ว สีหน้าเปลี่ยนไปทันที รวมทั้งเนติที่หลบพักผ่อนอยู่ด้านหลัง

พวกเขาเหล่านั้นมาที่นี่ทำไม?

แต่เวลานี้ สมเดชและคนอื่นๆได้มาถึงแล้ว ต่างเริ่มทักทายเหล่านักข่าวอย่างเป็นกันเอง

“สวัสดีทุกท่านครับ ได้พบกันอีกแล้ว”

“ท่านรองสมเดชสวัสดีค่ะ ในที่สุดคุณก็มา นึกว่าครั้งนี้หิรัญชากรุ๊ปเปลี่ยนคณะผู้ถือหุ้นใหม่ เปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเสียอีก”

“หึหึ……”

สมเดชไม่ได้รีบร้อนที่จะตอบคำถามอะไร แต่หัวเราะออกมาสองเสียง หลังจากนั้นก็พาคนสองสามคนที่ตามหลังเข้ามาด้วยกัน ขึ้นมาบนเวที

“คุณชายรอง ต้องขอโทษด้วย พวกเรามาช้าหน่อย คุณไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ”

สมเดชก็เหมือนจิ้งจอกแก่ตัวหนึ่ง

หลังจากผ่านไปสักพัก เห็นคณาธิปยังมีตัวแทนของซาจากรุ๊ปต่างจ้องเขม็งมาท่ีเขา เขาจึงยิ้มออกมาทักทายพวกเขาอีกครั้ง

พูดแบบนี้แล้ว แม้ว่าในใจของคณาธิปจะแปลกใจและโมโหเพียงใด ก็ทำได้เพียงอดทนเอาไว้

“ไม่ว่าอะไร เชิญนั่งครับ”เขาชี้ไปที่ตำแหน่งด้านข้าง