ตอนที่ 1700 หมาป่าเวหาหน้าทอง

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1700 หมาป่าเวหาหน้าทอง

จางเซวียนนำพู่กันออกมาเล่มหนึ่ง จากนั้นก็สะบัดพู่กันอย่างรวดเร็วและเขียนถ้อยคำกลางอากาศ ‘นี่คือสถานที่ที่ห้องโถงลำดับแรกตั้งอยู่’ โดยเขียนลงไปในแปดทิศทาง

จากนั้นเขาก็แตะตัวอักษร

วิ้ง!

จางเซวียนรีบใช้หอสมุดเทียบฟ้า แต่ไม่มีหนังสือเล่มไหนได้รับการประมวลขึ้นมา

“….” เขาหน้าดำคร่ำเครียด

ไม่มีหนังสือเกิดขึ้น หรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือหอสมุดเทียบฟ้าไม่สามารถช่วยเขาค้นหาที่ตั้งของห้องโถงลำดับแรกได้!

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้

วิหารแห่งขงจื๊อซ่อนอยู่ในมิติลี้ลับมาหลายหมื่นปีแล้วยังไม่เคยมีผู้หยั่งรู้คนไหนทำนายตำแหน่งที่ตั้งของมันได้เป็นไปได้ว่าปรมาจารย์ขงคงใช้วิธีการบางอย่างเพื่อปกปิดมันไว้

มีผู้เชี่ยวชาญมากมายนับไม่ถ้วนทั้งในหมู่เผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์ปีศาจ มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงที่ปรมาจารย์ขงทิ้งไว้นั้นเป็นของล้ำค่าซึ่งเป็นที่ปรารถนาของผู้คนมากมาย แต่ส่วนมันจะอยู่ที่ไหน ก็ยังคงเป็นความลับแม้จะผ่านมาหลายหมื่นปีแล้ว เห็นได้ชัดว่าเทคนิคการต่อต้านคำทำนายบางอย่างถูกนำมาใช้ปกปิดมันไว้แม้แต่จากสายตาของสวรรค์

ดังนั้น จึงเป็นธรรมดาที่หอสมุดเทียบฟ้าจะไม่อาจทำนายตำแหน่งของมันได้

ความสามารถของหอสมุดเทียบฟ้าถูกจำกัดโดยขอบเขตของสวรรค์ หากสวรรค์ไม่อาจเข้าถึง หอสมุดเทียบฟ้าก็ไร้ความสามารถเช่นกัน

เห็นได้ชัดว่าวิหารแห่งขงจื๊อเป็นแบบนั้น

จางเซวียนเคาะนิ้ว จากนั้นก็นำเครื่องรางน้อยออกมาและตั้งคำถาม “เครื่องรางน้อย ผมต้องไปที่ไหนถึงจะเข้าถึงห้องโถงลำดับแรก?”

ในเมื่อความคิดของเขาใช้การไม่ได้ ก็คงต้องพึ่งพาเครื่องรางน้อย

เครื่องรางน้อยลอยตัวขึ้นสู่กลางอากาศแล้วสั่นสะท้านเบาๆก่อนจะตอบว่า “ผมจะรู้สึกได้ถึงตำแหน่งของห้องโถงลำดับแรกก็ต่อเมื่อเราอยู่ภายในรัศมี 20 ลี้จากวิหารแห่งขงจื๊อ สำหรับที่ที่เราอยู่ตอนนี้ ผมก็ไม่แน่ใจ…”

มันสามารถรับรู้ตำแหน่งของวิหารแห่งขงจื๊อได้ แต่ก็มีขีดจำกัดของระยะทาง ถ้าอยู่ห่างจากเป้าหมายมากเกินไป เครื่องรางก็ไม่อาจรับรู้ถึงมันได้เช่นกัน

“ถ้าอย่างนั้น ถ้าคุณรับรู้หรือรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ส่งโทรจิตบอกผมได้ตลอดเวลานะ” เมื่อเห็นว่าแม้แต่ความคิดสุดท้ายของเขาก็ใช้ไม่ได้ผล จางเซวียนถอนหายใจอย่างจนปัญญา

ในฐานะผู้ทรงพลังคนหนึ่งของทวีปแห่งปรมาจารย์ จางเซวียนไม่คิดว่าเขาจะลงเอยด้วยการอับจนหนทางในมิติลี้ลับแห่งนี้

“รับทราบ! แต่ถ้าคุณไม่เลือกหนทางที่นำไปสู่วิหารแห่งขงจื๊อให้ดีล่ะก็ อาจจะหลุดจากเส้นทางไปเลยก็ได้นะ” เครื่องรางลำดับแรกให้คำแนะนำ

“ก็จริง ผมต้องพิจารณาทิศทางที่จะมุ่งหน้าไปให้ดี อยู่ที่นี่จะทำอะไรหุนหันพลันแล่นไม่ได้…” จางเซวียนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม ครู่ต่อมาเขาก็ตาโตขณะอุทาน “ใช่แล้ว!”

“คุณเกิดความคิดอะไรบางอย่างแล้วหรือ?” เครื่องรางถาม

“หอกสวรรค์กระดูกมังกร!” จางเซวียนหัวเราะเบาๆขณะชักหอกสวรรค์กระดูกมังกรออกมาอีกครั้ง

“มันสามารถระบุทิศทางที่นี่ได้หรือ?” เครื่องรางรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าครั้งใหญ่ “คุณแน่ใจหรือว่ามันจะค้นหาตำแหน่งของวิหารแห่งขงจื๊อได้ ในขณะที่แม้แต่ผมยังทำไม่ได้?”

มันเป็นของล้ำค่าที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อการค้นหาตำแหน่งของวิหารแห่งขงจื๊อโดยเฉพาะ ถ้าแม้แต่ตัวมันยังหาตำแหน่งของวิหารไม่ได้ ก็ไม่ควรมีใครอื่นทำได้เช่นกัน แล้วจะนำหอกสวรรค์กระดูกมังกรออกมาตอนนี้เพื่ออะไร?

ครู่ต่อมา เครื่องรางน้อยก็เห็นจางเซวียนสะบัดข้อมือ แล้วหอกสวรรค์กระดูกมังกรก็หมุนติ้วอยู่กลางอากาศ

มันใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะหยุด เมื่อมองทิศทางที่หอกสวรรค์กระดูกมังกรชี้ไป จางเซวียนพยักหน้า “ไปทางนั้นก็แล้วกัน!”

จากนั้น เขาก็มุ่งหน้าไปด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจเต็มเปี่ยม

“….” เครื่องรางน้อย

“….” หอกสวรรค์กระดูกมังกร

พวกมันยังคงสงสัยอยู่ว่านายท่านจะใช้วิธีการอันชาญฉลาดแบบไหน ใครจะไปคิดว่าเขาจะวัดดวงกันดื้อๆแบบนี้

คุณมาที่นี่เพื่อค้นหาวิหารแห่งขงจื๊อนะไม่ใช่หมุนกงล้อแห่งโชคลาภ!

จางเซวียนไม่ใส่ใจของล้ำค่าทั้งสอง เขาเก็บเครื่องรางลำดับแรกเข้าสู่แหวนเก็บสมบัติและนำหอกสวรรค์กระดูกมังกรรัดรอบเอวของเขาไว้อีกครั้งก่อนจะก้าวยาวๆไป

ในเมื่อเขาไม่มีเงื่อนงำเลยสักนิดว่าควรจะมุ่งหน้าไปทางไหน ก็ควรจะเดินสำรวจดูให้ทั่ว

มิติลี้ลับแห่งนี้มีพลังจิตวิญญาณเข้มข้น การเดินทางของจางเซวียนจึงไม่สร้างความเหน็ดเหนื่อยให้เขามากนัก ไม่ช้าเขาก็มาถึงลำธารสายหนึ่ง เมื่อเพ่งดูใกล้ๆ จางเซวียนอดอุทานด้วยความยำเกรงไม่ได้

สิ่งที่ล่องลอยอยู่ในลำธารนั้นไม่ใช่น้ำ แต่เป็นหยดน้ำทิพย์!

พูดอีกอย่างก็คือ พลังจิตวิญญาณที่อบอวลอยู่ในอากาศนั้นเข้มข้นเสียจนสามารถกลั่นตัวเป็นน้ำที่ก่อเกิดเป็นลำธารสายหนึ่งขึ้นได้

ครั้งหนึ่ง เหล่าอสูรที่สันเขาปุยเมฆเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาเพราะหยดน้ำทิพย์ของพวกมันหายไป ไม่นึกเลยว่าจะมาพบหยดน้ำทิพย์มากมายที่นี่

“เก็บ!”

แม้หยดน้ำทิพย์ในระดับขั้นนี้จะไม่เป็นประโยชน์สำหรับจางเซวียนอีกแล้ว แต่สัญชาตญาณของเขาก็สั่งการทันควัน เขาไม่อาจปล่อยให้ของดีๆแบบนี้เสียเปล่าได้ จึงเก็บหยดน้ำทิพย์ทั้งหมดเข้าสู่รังนางพญามดเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เสียมันไปโดยเปล่าประโยชน์แม้แต่หยดเดียว

จางเซวียนเดินข้ามพื้นที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นลำธาร เขาเดินหน้าต่อไป และเห็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ทางยาอยู่มากมาย แม้แต่สมุนไพรที่อายุน้อยที่สุดก็มีอายุราว 1000 ปี ส่วนที่มีอายุมากที่สุดนั้นตกราวหลายหมื่นปีเลยทีเดียว แม้มองจากระยะไกล เขาก็ยังได้กลิ่นอบอวลล้ำลึกจากสมุนไพรที่เติบโตเต็มที่

ช่างเป็นโลกที่เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติจริงๆ…จางเซวียนคิดขณะเก็บสมุนไพรบางส่วนอย่างตื่นเต้น

วิหารแห่งขงจื๊อช่างเป็นสถานที่ที่น่าทึ่ง มีทรัพย์สมบัติกระจัดกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง

ไม่น่าแปลกใจแล้วที่ผู้เชี่ยวชาญทุกคนในทวีปแห่งปรมาจารย์จะอยากมาที่นี่ มีทั้งพลังจิตวิญญาณเข้มข้น สภาวะครูบาอาจารย์ที่อยู่ในระดับสูง และทรัพย์สมบัติล้ำค่าอีกมากมาย ล้วนแต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการยกระดับวรยุทธอย่างรวดเร็ว ด้วยของพวกนี้ นักรบจะไม่ต้องออกไปดิ้นรนต่อสู้อย่างสิ้นหวังอยู่ข้างนอก

เคร้งงงง! เคร้งงงง!

ระหว่างที่กำลังสำรวจ จางเซวียนก็พลันได้ยินเสียงกระทบกันของโลหะดังมาจากที่ไกลๆ เขาพุ่งไปตามทิศทางนั้นโดยไม่ลังเล

แต่ก่อนจะถึงต้นเสียงที่เกิดการกระทบกันของโลหะ จางเซวียนก็ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์หน้าตาของตัวเองเรียบร้อยแล้ว

ในฐานะหัวหน้า 3 ตระกูลชั้นนำและหัวหน้าปูชนียสถานนักปราชญ์ สำหรับตอนนี้ ไม่มีทางที่จะไม่มีใครรู้จักเขา อีกอย่าง ครั้งหนึ่งเขายังเคยเป็นผู้ต้องหาที่สภาปรมาจารย์ต้องการตัวด้วย ไม่ยากเลยที่ผู้คนจะจดจำเขาได้ ในเมื่อตัวตนของเขาเปราะบางแบบนี้ จึงจำเป็นที่จะต้องปลอดภัยไว้ก่อน

จางเซวียนเดินวนรอบเนินเขา และในที่สุดก็มาถึงบริเวณที่เกิดเสียงโลหะกระทบกัน มีชาย 5 คนกับหญิง 2 คน กำลังตีวงล้อมอสูรตัวหนึ่งไว้และสู้กับมัน

มันคือหมาป่าเวหาหน้าทองซึ่งสวรรค์ประทานให้มีพละกำลังเทียบเท่ากับนักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติตั้งแต่เกิด เมื่อโตเต็มวัย มันจะมีพละกำลังเทียบเท่ากับนักรบขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณ

ในบรรดาคู่ต่อสู้ทั้ง 7 ของมัน, 3 คนเป็นนักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติ ขณะอีก 4 คนที่เหลือเป็นนักรบขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณ พวกเขาไม่ได้สวมเสื้อคลุมปรมาจารย์และไม่มีตราสัญลักษณ์อยู่บนเสื้อผ้าด้วย ยากที่จะบอกได้ว่าคนกลุ่มนี้มาจากไหน

เมื่อเจอกับการผนึกกำลังกันของผู้เชี่ยวชาญ 7 คน หมาป่าเวหาหน้าทองก็ถูกต้อนให้ล่าถอยไปครั้งแล้วครั้งเล่า มันอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบและกำลังจะเพลี่ยงพล้ำ

โดยทั่วไป เหล่าอสูรจะมีประสิทธิภาพการต่อสู้ที่เหนือชั้นกว่านักรบที่มีวรยุทธระดับเดียวกัน แต่เพราะรู้ดีว่าวิหารแห่งขงจื๊อเต็มไปด้วยอันตราย เหล่านักรบที่มาที่นี่จึงนำของล้ำค่ามาด้วยหลายชิ้น พวกเขาโยนของล้ำค่าทั้งหมดเข้าใส่มันราวกับไม่มีราคาค่างวดอะไรเลย และในขณะเดียวกัน ก็ดูเหมือนหมาป่าเวหาหน้าทองใกล้จะหมดสภาพเต็มที

ด้วยเหตุนี้ เพียงไม่กี่อึดใจ หมาป่าเวหาหน้าทองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส

เมื่อเห็นว่าหมาป่าใกล้จะถึงขีดสุดของความอดทนแล้ว ชายหนุ่มคนหนึ่งตวาดก้อง “ทำตามคำสั่งของผม! พวกเราจะเข้าโจมตีมันพร้อมๆกัน”

“ได้เลย!”

ทั้งกลุ่มตาโต พริบตาต่อมา อาวุธทุกชนิดก็พุ่งเข้าใส่หมาป่าเวหาหน้าทองตัวนั้น

เมื่อเจอกับการโจมตีอย่างต่อเนื่อง หมาป่าเวหาหน้าทองก็ทรุดฮวบลงกับพื้นและขาดใจตาย

“เราฆ่ามันได้แล้ว!”

ทั้งกลุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก พวกเขากำลังจะฉลอง ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงฝีเท้า ทุกคนรีบชูอาวุธขึ้นอีกครั้ง

“คุณเป็นใคร?” สมาชิกคนหนึ่งในกลุ่มตั้งคำถามอย่างหวาดระแวง

“ผมแค่บังเอิญผ่านมา” จางเซวียนตอบ

“บังเอิญผ่านมา?”

คนกลุ่มนั้นจ้องมองจางเซวียนอย่างสงสัย ดูเหมือนจะกลัวว่าอีกฝ่ายจะขโมยหมาป่าเวหาหน้าทองที่พวกเขาเพิ่งสังหารไป

จางเซวียนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกนั้น เขาเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น จึงรีบโบกมือ “ผมไม่สนใจอสูรตัวนั้นหรอก พวกคุณไม่ต้องระแวง”

ในเมื่อเขามาปรากฏตัวหลังจากที่คนกลุ่มนี้เพิ่งสังหารหมาป่าเวหาหน้าทองไป ก็ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะสงสัย

“ฮึ่มมม! ผมก็ยังสงสัยอยู่ว่าคุณจะกล้าหรือเปล่า…”

เมื่อเห็นว่าจางเซวียนเป็นแค่นักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติ ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก ชายหนุ่มที่เป็นผู้สั่งการเมื่อครู่นี้หันกลับไปที่ศพของหมาป่าเวหาหน้าทอง เขาสะบัดข้อมือ จากนั้นก็ชักกริชด้ามหนึ่งออกมาและเริ่มชำแหละศพของมัน

ไม่ช้า เขาก็ได้เขี้ยวและกรงเล็บของหมาป่าไป

“ผมมีบทบาทมากที่สุดในการสังหารเจ้าตัวนี้ เพราะฉะนั้นพวกคุณคงไม่ขัดข้องนะที่ผมจะนำเขี้ยวกับกรงเล็บของมันไป, ใช่ไหม? ส่วนที่เหลือน่ะ พวกคุณจะทำอะไรกับมันก็ตามใจ!” ชายหนุ่มพูด