ตอนที่ 1699 เข้าสู่อาณาเขตรอบนอกของวิหารแห่งขงจื๊อ

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1699 เข้าสู่อาณาเขตรอบนอกของวิหารแห่งขงจื๊อ

หลัวลั่วชิงรับเครื่องรางลำดับแรกมาและใช้ปลายนิ้วลูบมันอย่างแผ่วเบา ครู่ต่อมาก็ยื่นมันคืนให้จางเซวียน

“ทำไมคุณไม่รับมันไว้ล่ะ? ผมรอคุณที่ทางเข้าวิหารแห่งขงจื๊อก็ได้ แล้วเราสองคนก็เข้าไปด้วยกัน” จางเซวียนเสนอพร้อมกับยิ้มให้

เขาไม่คิดจะแยกจากหลัวลั่วชิงที่วิหารแห่งขงจื๊อ และไว้ใจเธอด้วย ดังนั้น ใครจะถือเครื่องรางลำดับแรกไว้ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

“ไม่ต้องหรอก ถ้าได้ไปกับคุณก็ดี ฉันแค่อยากดูมันเท่านั้น” หลัวลั่วชิงส่ายหน้าขณะยื่นเครื่องรางและสร้อยเส้นนั้นให้

“อย่างนั้นก็ได้…คงจะดีถ้าเราสามารถใช้ตราหยกสื่อสารหลังจากที่เข้าสู่วิหารแห่งขงจื๊อแล้ว แต่ถ้าเราติดต่อกันไม่ได้ ก็พบกันที่ทางเข้าห้องโถงลำดับแรกก็แล้วกัน ผมจะรอคุณอยู่ที่นั่น” จางเซวียนพูด

“ได้สิ” หลัวลั่วชิงพยักหน้าพร้อมกับยิ้มน้อยๆ

ทั้งคู่เดินฝ่าฝูงชนคลาคล่ำพร้อมกับสนทนาเรื่องสัพเพเหระ จางเซวียนอดหวนนึกถึงวันที่เขาสารภาพรักกับเธอที่เมืองหลวงต้นเพลิงไม่ได้ ในตอนนั้น ราวกับโลกทั้งโลกหมดความสำคัญไป เพียงแค่มีเธออยู่ข้างกายเขา มันเป็นความรู้สึกสงบสุขและอิ่มใจอย่างที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน

เขาไม่รู้ว่าเธอรู้สึกกับเขาอย่างไร แต่เธอให้ความรู้สึกสนิทสนมและคุ้นเคยกับเขามาก เขารู้ดีว่ามันออกจะไม่ค่อยมีเหตุผลที่จะคิดแบบนี้ แต่ก็ดูราวกับว่าโชคชะตาของทั้งคู่ถูกผูกไว้ด้วยกัน การได้อยู่ข้างเธอเหมือนเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติที่สุดสำหรับเขา จนถึงขนาดที่เขาไม่อาจเข้าใจโลกนี้อีกต่อไปหากไม่มีเธอ

ช่วงเวลาที่ใช้กับผู้เป็นที่รักนั้นโบยบินอย่างรวดเร็วเสมอ ยังไม่ทันจะรู้ตัว หนึ่งวันก็ผ่านไป

ทั้งคู่กลับสู่ที่พัก

จางเซวียนกำลังจะร่ำลาหลัวลั่วชิง ก็พอดีกับที่พื้นดินสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างกะทันหัน แรงกดดันมหาศาลแผ่ลงมาทั่วเมืองชูฝู่ อาคารโบร่ำโบราณที่ก่อสร้างขึ้นเป็นเมืองนั้นถูกแรงกดดันกระแทก จนพังทลายไปหลังแล้วหลังเล่า

“เกิดอะไรขึ้น?” จางเซวียนชะงัก

นี่คือเมืองที่ปรมาจารย์ขงเคยพักอยู่ชั่วระยะหนึ่งในชีวิตของเขา มันจึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่ปูชนียสถานนักปราชญ์ก็ยังไม่เคยเผชิญกับแผ่นดินไหวมาก่อน แล้วทำไมชูฝู่ถึงเกิดการสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างกะทันหันแบบนี้?

หลัวลั่วชิงเงยหน้าขึ้นขณะพูดอย่างเคร่งเครียด “วิหารแห่งขงจื๊อกำลังจะเปิด!”

ได้ยินคำนั้น จางเซวียนรีบเงยหน้ามองท้องฟ้า ดวงอาทิตย์ดวงที่ 2 ที่อยู่กลางอากาศดูเหมือนจะกระพริบไม่หยุด เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ากำลังจะมีบางอย่างเกิดขึ้นเร็วๆนี้

จากนั้น รังสีที่มีสีสันหลากหลายก็แผ่ลงมาโอบล้อมชูฝู่ สร้างเส้นทางที่เชื่อมระหว่างโลกทั้งสอง ยิ่งรังสีแผ่ลงมามากขึ้นเท่าไหร่ แรงกดดันที่โถมทับเข้าใส่พื้นดินก็ดูจะรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

“แบบนี้ไม่ดีแน่…”

เมื่อรู้สึกได้ถึงอันตรายจากแรงกดดันที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ บรรดานักรบที่ยังไม่ได้สำเร็จวรยุทธขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ต่างรีบนำเครื่องรางและของล้ำค่าออกมาเพื่อคุ้มกันตัวเอง

แม้แต่จางเซวียนก็ขนลุกขนชันไปทั่วทั้งร่างเพราะแรงกดดันนั้น เขารีบขับเคลื่อนพลังปราณเพื่อขับไล่พละกำลังมหาศาลที่กำลังโถมเข้าใส่

ครืดดดดด!

เกิดรอยแยกบนพื้นดิน พลังจิตวิญญาณที่อยู่โดยรอบก่อตัวขึ้นเป็นพายุทอร์นาโดขนาดใหญ่ที่กวาดทุกสิ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

ท่ามกลางเสียงคำรามและเสียงหวีดหวิวรอบตัว จางเซวียนรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่มือของเขา-หลัวลั่วชิง

เธอมีสีหน้าบางอย่างที่จางเซวียนไม่เคยเห็นมาก่อน

“จางเซวียน ถ้าฉันปิดบางอย่างไว้จากคุณ…คุณจะเกลียดฉันไหม?”

จางเซวียนไม่เข้าใจว่าทำไมหลัวลั่วชิงถึงตั้งคำถามปุบปับขึ้นมาในเวลาแบบนี้ เขาตอบว่า “ไม่มีวันหรอก ผมรู้ว่าคุณมีความจำเป็นที่จะต้องปกปิดความลับบางอย่างไว้จากผม และผมก็เข้าใจ ผมจะรอจนถึงวันที่คุณเต็มใจพูด…”

“ถ้า…แล้วถ้าฉัน…”

หลัวลั่วชิงยังพูดไม่ทันจบ เสียงระเบิดดังสนั่นก็ดังขึ้นจากท้องฟ้า จากนั้น ทั้งเมืองชูฝู่ก็เจิดจ้าไปด้วยลำแสงสีขาว

“ลั่วชิง!”

ภาพตรงหน้าจางเซวียนพร่าเลือนไปชั่วขณะ ความรู้สึกอบอุ่นที่มือของเขาหายวับไป เขาเห็นโลกรอบตัวหมุนติ้ว ก่อนจะหน้ามืดและสลบ

…..

เมื่อจางเซวียนลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็มาอยู่ท่ามกลางสันเขาขนาดใหญ่ รอบตัวมีแต่ต้นหญ้าสูงที่ดูเหมือนจะทอดตัวยาวไปสุดขอบฟ้า

“ลั่วชิง!”

จางเซวียนรีบลุกขึ้นยืนและสำรวจพื้นที่โดยรอบ แต่ก็ไม่มีใครให้เห็น

ถึงเขาจะตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่ก็นึกได้ในทันที

ดูเหมือนวิหารแห่งขงจื๊อเปิดออกแล้วและเราก็ถูกส่งทะลุมิติเข้ามาแบบสุ่ม

เมื่อครู่นี้เองที่เขายังอยู่ในที่พักของตระกูลจางที่ชูฝู่ แต่ในชั่วพริบตา ก็มาอยู่ท่ามกลางสันเขา ตอนนี้ สาวน้อยที่เคยจับมือกับเขาไว้แน่นก็หายตัวไปด้วย ชัดเจนว่าเขาถูกส่งทะลุมิติเข้ามาด้วยพละกำลังอันน่าทึ่งบางอย่าง

ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันต้องเป็นผลงานของวิหารแห่งขงจื๊อ

ทุกคนที่เข้ามาที่ชูฝู่จะถูกส่งทะลุมิติเข้ามาแบบสุ่ม โดยมีจุดหมายที่อาณาเขตของวิหารแห่งขงจื๊อ เมื่อรู้ว่าพวกเขาแค่ถูกส่งทะลุมิติเข้ามายังตำแหน่งที่ต่างกันเท่านั้น สุดท้ายจางเซวียนก็ระงับสติอารมณ์ได้ เขาปลดปล่อยการรับรู้จิตวิญญาณออกมาเพื่อสัมผัสพื้นที่โดยรอบ สุดท้ายก็พยักหน้า

*‘สภาวะครูบาอาจารย์’*ในบริเวณนี้เข้มข้นกว่าที่ชูฝู่มาก

ไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนอยากเข้าสู่วิหารแห่งขงจื๊อเพื่อค้นหา ‘ส้มหล่น’ อย่าว่าแต่สิ่งอื่นเลย ลำพังแค่สภาวะครูบาอาจารย์ก็เข้มข้นกว่าที่ชูฝู่แล้ว ปรมาจารย์ที่ได้ฝึกฝนวรยุทธที่นี่จะพบว่าระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วมาก

พลังจิตวิญญาณบริเวณนี้ก็เข้มข้นมากเช่นกันเราไม่เคยเห็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีอะไรดีๆขนาดนี้มาก่อน!

การที่ ‘สภาวะครูบาอาจารย์’ จะเข้มข้นกว่าที่ชูฝู่ก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่แม้แต่พลังจิตวิญญาณก็ยังเข้มข้นจนถึงขนาดที่แทบจะจับต้องได้ แม้ไม่ใช้หินวิเศษขั้นสูงสุด นักรบผู้หนึ่งก็สามารถยกระดับวรยุทธอย่างรวดเร็วเมื่อได้ฝึกฝนที่นี่

จางเซวียนรู้ดีว่าตัวเขามาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต่างออกไป จึงรีบตรวจสอบสภาวะร่างกายของเขา และหลังจากแน่ใจแล้วว่าประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาไม่ได้ลดลงเมื่ออยู่ในวิหารแห่งขงจื๊อ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

จากนั้น จางเซวียนก็สะบัดข้อมือและนำตราหยกสื่อสารออกมา เขาพยายามเปิดใช้งานมัน แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าไม่อาจติดต่อใครได้เลย

เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ ไม่มีทางใช้ตราหยกสื่อสารได้ในอาณาเขตของวิหารแห่งขงจื๊อ ดูเหมือนจะมีปราการบางอย่างปิดกั้นอยู่โดยรอบเพื่อกีดกันการสื่อสารทุกรูปแบบ

จากนั้น เขาก็ชักหอกสวรรค์กระดูกมังกรออกมาและจ้วงแทงมิติที่อยู่ตรงหน้า มิตินั้นสั่นสะท้านเล็กน้อย แต่ก็ไม่ปรากฎรอยแยกแห่งมิติ

ดูเหมือนเราจะใช้การกระโจนผ่านมิติไม่ได้เหมือนกัน

ถ้าเขาเปิดรอยแยกแห่งมิติไม่ได้ ก็ไม่มีทางสร้างเส้นทางแห่งมิติและก้าวออกจากพื้นที่นี้ไปยังพื้นที่อื่น

ดูเหมือนเราจะสำแดงศิลปะการข้ามสิ่งกีดขวางไม่ได้ด้วย…จางเซวียนถอนหายใจเฮือก นั่นหมายความว่าค่ายกลทะลุมิติก็ไม่ทำงานในพื้นที่นี้เช่นกัน*!*

ช่างน่าทึ่งที่มิติในวิหารแห่งขงจื๊อแข็งแกร่งยิ่งกว่าทวีปแห่งปรมาจารย์เสียอีก ขนาดระดับวรยุทธของเขาเพิ่มสูงขึ้นมากแล้ว เขาก็ยังเปิดรอยแยกแห่งมิติไม่ได้

ขอลองบินดูหน่อย

จางเซวียนกระโจนขึ้นสู่กลางอากาศและพยายามพุ่งขึ้นไปให้สูงที่สุดเพื่อจะมองพื้นที่ด้านล่างจากมุมสูง แต่ยิ่งกระโจนขึ้นไปสูงขึ้นเท่าไหร่ แรงกดดันมหาศาลที่โถมทับเขาก็ดูจะหนักหน่วงขึ้น ราวกับมีใครสักคนโถมตัวเข้าใส่เขาอย่างรุนแรง

จางเซวียนขับเคลื่อนพลังปราณอย่างดุเดือดและทำได้เพียงพุ่งตัวขึ้นไปถึงยอดไม้ ก่อนจะพ่ายแพ้ให้กับแรงกดดันนั้น

พลั่ก!

เขาตกตุ้บลงมาที่พื้น เกิดหลุมขนาดใหญ่อยู่ใต้ร่างของเขา

จางเซวียนมีสีหน้าประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดขณะที่ปัดฝุ่นออกจากร่างกาย

มิติที่อยู่ในอาณาจักรโบร่ำโบราณนั้นมีความหนาแน่นกว่ามิติของทวีปแห่งปรมาจารย์มาก ทำให้ การบินและการหลบหนีเป็นไปได้ยาก ต่อให้มีประสิทธิภาพระดับเขา ก็ทำได้แค่พุ่งขึ้นสู่ยอดไม้ก่อนจะร่วงลงมากองกับพื้น ดูเหมือนนักรบคนอื่นๆคงจะย่ำแย่กว่าเขามาก

จางเซวียนวางแผนว่าจะสำรวจพื้นที่อย่างรวดเร็วและหาตำแหน่งที่ตั้งของห้องโถงบริวารและห้องโถงลำดับแรก แต่เท่าที่เห็น ดูเหมือนปรมาจารย์ขงจะได้วางมาตรการป้องกันไว้แล้วเพื่อให้บททดสอบครั้งนี้ไม่ง่ายดายจนเกินไป

แต่จางเซวียนก็ไม่ยอมแพ้ เขาสำรวจพื้นที่โดยรอบโดยใช้ดวงตาหยั่งรู้

ในเมื่อมี ‘สภาวะครูบาอาจารย์’ อบอวลอยู่ในอากาศ ก็เป็นไปได้ว่าห้องโถงลำดับแรกน่าจะอยู่ในบริเวณที่สภาวะครูบาอาจารย์มีความเข้มข้นมากที่สุด ดังนั้น ตราบใดที่เขาติดตามสภาวะครูบาอาจารย์อันเข้มข้นไป ก็น่าจะถึงบริเวณศูนย์กลางได้อย่างรวดเร็ว

แต่ไม่ช้า หลังจากที่กวาดสายตาไปทั่วพื้นที่ จางเซวียนก็มีสีหน้าเคร่งเครียด

เป็นความจริงที่ว่า ‘สภาวะครูบาอาจารย์’ อบอวลไปทั่วพื้นที่ แต่เขาก็ต้องประหลาดใจที่พบว่ามันไม่มีความเหลื่อมล้ำของความเข้มข้นเลย ความเข้มข้นของสภาวะครูบาอาจารย์แผ่ไปทั่วด้วยความเข้มข้นเท่าๆกัน

หรือพูดอีกอย่างก็คือ เขาไม่อาจใช้ประโยชน์จากความเข้มข้นนี้เพื่อค้นหาห้องโถงบริวารและห้องโถงลำดับแรก!

ฮึ่มมม*!ถ้าปรมาจารย์ขงคิดว่าจะยับยั้งเราได้ด้วยสิ่งนี้ล่ะก็เราจะยอมทิ้งหอสมุดเทียบฟ้าเลย**!* จางเซวียนคำรามขณะนำหนังสือออกมา

หากเป็นนักรบคนอื่น คงจะยอมแพ้และเดินตระเวนท่องไปอย่างไร้จุดหมายจนกว่าจะพบเส้นทางที่พอจะเป็นไปได้ แต่นั่นไม่ใช่กับจางเซวียน เขายังมีไม้ตายชิ้นสุดท้ายอยู่ คือหอสมุดเทียบฟ้า! เมื่อครั้งที่เขาอยู่ในอาณาจักรโบร่ำโบราณของนักปราชญ์หรันชิว ก็ใช้หอสมุดเทียบฟ้าค้นหาตำแหน่งของหอกสวรรค์กระดูกมังกรได้โดยปราศจากปัญหาใดๆ ซึ่งคราวนี้เขาก็น่าจะทำได้เช่นกัน!