มีคนอยู่ข้างหลังผม

“ผมกุมถ้วยกาแฟเอาไว้ คิดเรื่องนี้อยู่นานจนกระทั่งผมเห็นเงาสะท้อนที่บนผิวกาแฟ ตอนที่ผมมองเข้าไปในถ้วย เงานั่นก็มองกลับมาที่ผม

“จากนั้นจู่ ๆ ผมก็ตระหนักได้ว่าตอนที่ผมหันกลับไปมองกระจกก่อนหน้านี้ เงาของผมในกระจกไม่ได้บิดคอกลับมา? เขายืนตัวตรงหันมาทางผม แค่นั้น…”

ครู่หนึ่งที่เจียหมิงพูดไม่ออก เหมือนมีบางอย่างรวบมืออยู่รอบคอของเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“แผ่นหลังผมเย็นเยือกขึ้นมา โซฟาห้องนั่งเล่นนั้นหันหลังให้ห้องน้ำ ผมรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างอยู่ด้านหลังผม! มันเหมือนมีคนยืนอยู่ตรงนั้น!

“ผมไม่กล้าหันกลับไป ผมขยับถ้วยกาแฟ ดวงตามองลงไปช้า ๆ ผมอยากจะมองผ่านเงาสะท้อนว่ามีอะไรอยู่ด้านหลังผม

“ตอนที่หมุนถ้วย ความเย็นนั่นก็คืบคลานเข้ามา ขนตรงหลังคอผมลุกชัน และตอนที่ผมกำลังจะเห็นเงาที่สะท้อนในน้ำ ผิวหนังที่หลังคอของผมก็เหมือนมีบางอย่างแตะลงมา เหมือนมีบางคนก้มหน้าลงมาปลายผมหล่นลงมาบนผิวของผม

“แขนผมสั่น แล้วผมก็ถือถ้วยเอาไว้ไม่ไหว ปล่อยมันลื่นหลุดจากปลายนิ้ว และกาแฟก็กระฉอกไปทั่ว ผมกรีดร้องคว้าที่เขี่ยบุหรี่กับจานผลไม้ที่บนโต๊ะเหวี่ยงมันไปด้านหลังผม ผมกระโดดข้ามเฟอร์นิเจอร์พุ่งตัวไปที่ประตู ผมกำลูกบิดประตูไว้ด้วยสองมือ ผมหันกลับไปมอง ในห้องไม่มีอะไรทั้งนั้น อย่างเดียวที่ต่างออกไปคือสัญญาณทีวีที่ดูจะหลุดไป ไม่มีวิดีโอ มีแค่หน้าจอกะพริบสีฟ้าและขาว

“รอบด้านเงียบมากและผมก็ได้ยินเสียงโทรทัศน์ทำงาน ผมไม่กล้าอยู่ในห้องต่อ– ผมต้องการหนีออกไป แต่ผมก็เริ่มมีความคิดอื่น นึกถึงเด็กชายที่ผมเห็นที่บันไดในท่าทางที่ไม่น่าเป็นไปได้ขึ้นมา ผมกลัวว่าเขาจะอยู่ที่อีกฟากของประตู

“ทางเดินไม่ปลอดภัย แต่ในห้องก็ด้วย ผมไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรแล้ว ผมยืนตัวแข็ง มือกำลูกบิดประตู

“ตอนที่ผมกำลังลังเล ภาพบนโทรทัศน์ก็เริ่มกะพริบเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ผมสังเกตเห็น ระหว่างภาพที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งก็เริ่มชัดเจน!

“ทั้งหมดนั่นคือแรงผลักดันให้ผมดึงประตูเปิดและวิ่งหนีไป ผมพุ่งลงไปที่ถนนโดยไม่ได้มองรอบ ๆ แต่ว่าแสงไฟบนถนนมืด ๆ ก็ยังไม่ทำให้ผมรู้สึกถึงความปลอดภัย ผมวิ่งออกไปเหมือนคนบ้าจนหมดแรงและผมก็ล้มลงไปบนพื้น รายล้อมไปด้วยแสงไฟถนน ผมรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย”

ตอนที่เขาเล่าเรื่อง หน้าผากและแผ่นหลังของเจียหมิงก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ และไม่มีใครในห้องมีสีหน้าปกติเลย น้ำเสียงของเจียหมิง รวมกับท่าทางหวาดกลัวอย่างแท้จริงของเขา ดึงผู้ฟังเข้าไปร่วมในเหตุการณ์

เจ้าหน้าที่หญิงกำปากกาที่เธอถืออยู่แน่นเข้า หลี่เจิ้งหันไปเหลือบมองเฉินเกอ “คุณคิดว่ายังไง? ก่อนที่คุณหมอเกาจะหายตัวไป เขาเคยบอกผมว่าคุณค่อนข้างเก่งในเรื่องจิตวิทยา คุณคิดว่าผีที่เขาเห็นนั้นหมายถึงอะไร?”

“เรื่องของเขาน่าสนใจมาก ผมสามารถวิเคราะห์มันคร่าว ๆ ได้” เฉินเกอลุกขึ้นแล้วย้ายไปนั่งติดกับเตียง “เจียหมิงเริ่มเรื่องของเขาโดยการเล่าว่าเขาเห็นเจียงหลงถูกใครบางคนฆ่าที่บ้านพักของเขา คนที่ใช้มีดและข่มขู่เจียงหลงให้ทำบางอย่างที่น่าจะเจ็บปวดอย่างสุดแสน และเขายังพูดอย่างมั่นใจว่าคนผู้นั้นก็คือผม หรืออย่างน้อยที่สุดก็ดูคล้ายกับผม

“หลังจากผ่านเรื่องนั้นมา เขาก็รีบกลับบ้าน ตอนที่เขาอยู่ในทางเดิน หญิงชราเจ้าของบ้านก็บอกเขาว่า ‘ตอนเดินพวกคุณสองคนอย่าส่งเสียงดังนัก มันดึกมากแล้ว พวกคุณสองคนทำอะไรอยู่จนดึกป่านนี้?’

“นี่หมายความว่าหญิงชรามองเห็นว่ามีมากกว่าแค่เจียหมิงที่ในทางเดิน และคนที่สองนั้นยังอยู่ใกล้กับเจียหมิงมากด้วย! ใกล้ถึงขนาดที่หญิงชราคิดว่าคนผู้นั้นเป็นเพื่อนของเจียหมิง”

เฉินเกอยิ้มให้เจียหมิง

“ถ้าเขากำลังพูดความจริง อย่างนั้นนี่ก็หมายความว่า ตั้งแต่นั้นมา มีคนผู้หนึ่งหรือมีบางสิ่งบางอย่างตามติดเขาอยู่ และคนผู้นั้นก็น่าจะเป็นคนไม่ดีที่เขาเจอที่บ้านพักของเจียงหลง– ‘เฉินเกอ’ ที่ข่มขู่เจียงหลงด้วยมีด การตามรอยผู้ชายสักคนโดยไม่ถูกสังเกตเห็นนั้นยาก วิธีการที่ผมหลอกเขาก็ด้วย แต่กลับพลาดที่จะซ่อนตัวจากสายตาของหญิงชราคนหนึ่ง พวกเราสามารถลองสันนิษฐานได้ว่าสิ่งที่เขากำลังพูดความจริงเพื่อพวกเราสามารถวิเคราะห์ต่อไปได้

“จากนั้น เขาก็วิ่งไปที่ชั้นสองที่เป็นบ้านของเขา ตอนที่เขาเปิดประตู เขาเห็นขาของเด็กชายเล็ก ๆ คนหนึ่งกับหัวของเขาที่มุมบันไดขึ้นชั้นสาม และตำแหน่งที่เด็กชายปรากฏตัวก็น่าสนใจทีเดียว

“เจียหมิงบอกพวกเราว่าหญิงชราบอกว่าครอบครัวของลูกชายเธอที่มีกันสามคนตายในอุบัติเหตุรถยนต์ และชั้นสามเดิมเป็นพวกเขาอาศัยอยู่ เธอไม่ต้องการปล่อยให้เช่าเพราะอยากเก็บเอาไว้เป็นความทรงจำ

“พวกเราสามารถสันนิษฐานได้ว่าเด็กชายที่เจียหมิงเห็นคือหลานชายของหญิงชรา เด็กที่ตายในอุบัติเหตุ จากนั้นเรื่องแปลกก็คือ เจียหมิงอยู่ที่นั่นตั้งนาน แต่เขาก็ไม่เคยเห็นเด็กชายมาก่อน ดังนั้น คืนนั้นมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปทำให้เขาสามารถมองเห็นเด็กชายได้?”

เฉินเกอนั้นวิเคราะห์อย่างจริงจัง แต่จากมุมมองของหลี่เจิ้งและเจ้าหน้าที่หญิงแล้ว มันก็เหมือนฟังผู้ป่วยทางจิตคนหนึ่งให้คำปรึกษาผู้ป่วยทางจิตอีกคน

“คำตอบนั้นง่ายมากเพราะว่าเด็กชายก็สามารถมองเห็นสิ่งที่ตามเจียหมิงอยู่เช่นกัน เราลองให้ความสนใจกับวิธีการที่เด็กชายปรากฏขึ้น เขายืนอยู่ที่ตรงมุม หัวห้อยต่ำมาที่พื้นเหมือนกำลังแอบมองอยู่ นี่หมายความว่าสิ่งที่ตามเจียหมิงมานั้นน่ากลัวกว่าเด็กชาย” เฉินเกอมีรอยยิ้มบนใบหน้า “มนุษย์หวาดกลัวผี นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเคยได้ยินอะไรแบบนี้

“มีรายละเอียดอีกอย่างหนึ่งที่ควรจดเอาไว้หลังจากที่เขาเข้าประตูไป ตอนที่เจียหมิงพบว่าเงาสะท้อนของเขาในกระจกนั้นไม่ได้สะท้อนกริยาที่เขาทำอยู่ในชีวิตจริง เขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังเข้ามาหาเขาจากด้านหลัง ตอนที่เขาขยับแก้วเพื่อดูว่าเป็นใครนั้น ลำคอของเขาก็ถูกบางอย่างที่คล้ายม่านผมแตะลงมา”

เฉินเกอชะงัก

“นี่สำคัญเพราะว่าผมมีผมสั้น ผู้ชายส่วนใหญ่ล้วนผมสั้น ตอนที่พวกเราก้มหน้าลง มันเป็นไปไม่ได้ที่เส้นผมของพวกเราจะยาวพอที่จะหล่นลงไปกองที่หลังคอเขา หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง มันควรจะเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง หรือไม่ก็ผีผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา

“จากนั้น ตอนที่เขาเตรียมจะหนีออกจากห้อง เขาก็เห็นความผิดปกติในทีวี ภาพในทีวีเริ่มกะพริบ และใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏขึ้น จากการสังเกตจากไกล ๆ ต่อให้มีผีในห้อง มันก็น่าจะเป็นผีผู้หญิง รวมกับข้อมูลที่พวกเราเก็บมาได้ก่อนหน้านี้ ตัวตนแท้จริงของผีผู้หญิงก็น่าจะไม่ใช่ใครอื่นนอกจากลูกสะใภ้ของหญิงชราเจ้าของบ้าน

“ในเรื่องของเจียหมิง มีผีสองตัว และพวกมันก็มีความสัมพันธ์กับเรื่องที่หญิงชราเจ้าของบ้านเคยเล่าให้เขาฟัง นี่น่าจะเกิดขึ้นเพราะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเจียหมิงในคืนนั้น ทำให้เขาเกิดความเครียดทางจิตใจอย่างมาก นี่ทำให้จิตใจแตกสลาย ทำให้เขามองเห็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง นี่สามารถอธิบายการที่เขาสร้างภาพผีจากเรื่องที่เขาเคยได้ยินมา”

เฉินเกอใช้คำศัพท์เฉพาะที่เขาเรียนรู้มาจากคุณหมอเกามาก่อน เขาไม่รู้หรอกว่าอันที่จริงแล้วมันหมายถึงอะไร แต่มันก็ทำให้เขาดูเป็นผู้เชี่ยวชาญได้

ด้วยการอธิบายของเขา สีหน้าของหลี่เจิ้งและเจ้าหน้าที่หญิงก็อ่อนลง และพวกเขาก็พยักหน้าซ้ำ ๆ เทียบกับเรื่องเหนือธรรมชาติแล้ว พวกเขาเชื่อได้ง่ายกว่าว่าเกิดความผิดปกติทางจิตขึ้นกับเจียหมิง

หลังจากชี้แจงในส่วนของตัวเองแล้ว เฉินเกอก็หันกลับไปมองเจียหมิง บางทีสายตาของเขาอาจจะทำให้เจียหมิงนึกถึงบางอย่างที่น่าหวาดกลัว หรือบางทีเจียหมิงอาจจะสัมผัสได้ถึงอันตรายจากตัวเขา แต่ว่าจู่ ๆ ร่างกายของเขาก็เกร็งกระตุกขึ้นมาก่อนที่จะหมดสติไปโดยสมบูรณ์

“ผมยังไม่ได้แตะตัวเขาเลยนะ” เฉินเกอยกสองมือขึ้นแล้วลุกขึ้นยืน ขณะที่หมอและพยายามเข้ามาล้อมวุ่นวายอยู่รอบตัวเจียหมิง เฉินเกอก็ก้าวเท้าถอยออกมาช้า ๆ เขาไม่ได้บอกตำรวจทุกอย่าง อันที่จริง ความเห็นของเขาก็คือเจียหมิงไม่ได้โกหก

คนที่ดูเหมือนเฉินเกอน่าจะเป็นเงานั่น ส่วนทำไมเขาถึงดูเหมือนเฉินเกอ เฉินเกอเองก็ไม่มีเงื่อนงำใดเหมือนกัน

สิ่งที่เจียหมิงพูดทั้งหมดน่าจะเป็นความจริง เงานั่นตามหลังเขากลับบ้านและถูกหญิงชราเจ้าของบ้านมองเห็นซึ่งทำให้ดวงวิญญาณของครอบครัวที่อาศัยอยู่ที่ชั้นสามตื่นตัวขึ้นมาด้วย

เด็กชายน่าจะเป็นหลานชายของหญิงชรา และผีผู้หญิงก็น่าจะเป็นลูกสะใภ้ของเธอ น่าจะยังมีผีผู้ชายที่เจียหมิงยังไม่เจอ

เงานั่นตามเจียหมิงกลับบ้าน และยังมีดวงวิญญาณอีกสามดวงที่พยายามปกป้องเขา แต่ความแตกต่างของพลังนั้นมากเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ใช้วิธีการของตนเองเพื่อเตือนเขา ให้เขารู้ตัวว่าเขากำลังอยู่ในอันตรายร้ายแรงเพียงใด

เฉินเกอรู้ว่าเจียหมิงไม่ได้โกหก ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องเพราะว่าเขาไม่สามารถยืนยันได้ว่าเงานั่นยังอยู่กับเจียหมิงหรือไม่ เงานั่นเจ้าเล่ห์มากและนี่น่าจะเป็นวิธีการที่มันใช้ประโยชน์จากตำรวจ

เพื่อยืนยันว่าเจียหมิงโกหกหรือไม่นั้นง่ายมาก

หลังจากเรียกหลี่เจิ้งออกมาจากห้องเพื่อขอที่อยู่ห้องเช่าเก่าของเจียหมิง เฉินเกอก็ออกจากโรงพยาบาล เขาต้องการไปถามด้วยตัวเอง เขาอยากรู้ว่าที่หญิงชราเห็นคืนนั้นคืออะไรกันแน่และเขาก็ต้องการหาดวงวิญญาณเหล่านั้นมาถามว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรในคืนนั้น