เรื่องแปลกๆ ภายในงาน โดย Ink Stone_Fantasy

การเฉลิมฉลองงานราชาภิเษกนั้นมีขึ้นตั้งแต่เช้าไปจนถึงตอนกลางคืน

หม้อใบใหญ่ 10 กว่าใบถูกนำมาตั้งเอาไว้ตรงกลางลานเมือง ในนั้นมีน้ำแกงที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นออกมา น้ำแกงภายในหม้อกำลังเดือดปุดๆ เครื่องเทศชนิดต่างๆ และน้ำมันดอกไม้กองรวมกันอยู่ข้างหม้อหนาเป็นชั้นๆ ไม่ว่าใครก็สามารถเอาอาหารโยนลงไปในหม้อได้ หลังจากต้มเสร็จแล้วก็ตักมันขึ้นมากิน ในยุคสมัยที่เครื่องเทศส่วนใหญ่เป็นของที่มีราคาแพง วิธีการฉลองแบบนี้จึงมีแรงดึงดูดอย่างมากสำหรับชาวเมือง บางคนถึงขนาดเอาหม้อเอาถังไม้มา เพราะหวังจะตักเอาน้ำแกงกลับไปค่อยๆ กินต่อที่บ้าน

แต่สำนักงานเมืองก็จะคอยมาเติมน้ำแกงกับเครื่องปรุงต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ในตอนที่กระดูดวัวที่ถูกสับจนละเอียดกับไส้กรอกถูกใส่ลงไปในหม้อ บรรดาชาวบ้านต่างพากันส่งเสียงเฮกันดังสนั่น

ในเดือนแห่งปีศาจเมื่อก่อนนี้ นี่เป็นภาพที่ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะคิด

ฤดูหนาวอันยาวนานทำให้ผู้คนไม่กล้าหายใจเอาลมหายใจอุ่นๆ ออกมาจากร่างกาย ทุกๆ อุณหภูมิที่สูญเสียไปนั้นหมายถึงการคืบเข้าไปใกล้ความตายอีกก้าวหนึ่ง แต่ตอนนี้พวกเขากลับกล้าที่จะตะโกนหัวเราะออกมาอย่างเต็มที่ท่ามกลางหิมะที่ตกโปรยปรายลงมาโดยไม่ต้องกังวลอะไรอีก

เพราะพวกเขารู้ว่ากำลังและความอบอุ่นในร่างกายที่สูญเสียไปสามารถชดเชยเข้าไปใหม่ได้ตลอดเวลา

ไม่จำเป็นต้องมีการบอกกล่าวใดๆ ชาวเมืองต่างยกอาหารร้อนๆ ชูมาทางปราสาทเพื่อแสดงความยินดีกับการขึ้นครองราชย์ของราชาองค์ใหม่

…..

ซิลเวียดึงสายตากลับมาอยู่ภายในงานเลี้ยงในปราสาท

งานเลี้ยงที่นี่ก็คึกคักไม่แพ้กัน

ทั้งสุรา อาหารเลิศรส บทเพลง เสียงหัวเราะ อะไรที่ควรมีก็มีทั้งหมด

ในตอนที่โรแลนด์จับมืออันนาเดินเข้ามาในงานเลี้ยงด้วยชุดใหม่นั้นยิ่งทำให้หลายๆ คนรู้สึกประทับใจ

ซิลเวียเพิ่งจะเคยเห็นชุดแต่งงานแบบนี้เป็นครั้งแรก แต่ว่ามันไม่เหมือนกับชุดสีขาวในงานแต่งงานของหัวหน้าอัศวิน เพราะชุดแต่งงานในงานของหัวหน้าอัศวินนั้นยังมีความเป็นชุดราตรีในงานเลี้ยงตอนกลางคืนอยู่ แต่ชุดของอันนานั้นเหมือนเป็นชุดที่โรแลนด์ออกมาขึ้นมาใหม่ทั้งหมด สีบนชุดนั้นใช้สีแดงกับสีทองเป็นหลัก มีแขนเสื้อกับกระโปรงที่ยาว บนหัวไหล่มีริบบิ้นที่เต็มไปด้วยลวดลายห้อยตกลงมาสองเส้น ดูแล้วมีความประณีตและหรูหราอย่างมาก

ตามหลักแล้วชุดที่มีสีสันฉูดฉาดเช่นนี้จะทำให้ตัวคนใส่ดูไม่โดดเด่น แต่อันนากลับใส่แล้วเหมาะกับมันอย่างมาก ตัวเธอนั้นเป็นผู้ควบคุมเปลวเพลิง บวกกับความสามารถในการเรียนรู้ที่ยอดเยี่ยม ถึงแม้จะเป็นในหมู่แม่มดเธอก็ยังดูโดดเด่น ซึ่งสีแดงสดนั้นยิ่งสะท้อนในจุดนี้ให้เห็นชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการออกแบบของตัวเสื้อผ้าที่ยิ่งทำให้เธอดูมีความสุขุม เหมาะกับฐานะราชินีของเธอ

ทุกคนต่างชูแก้วเหล้าให้กับทั้งสองคน ส่วนโรแลนด์กับอันนาก็ยิ้มตอบเล็กน้อย เรียกได้ว่านี่เป็นงานเลี้ยงที่สมบูรณ์แบบทีเดียว

แต่ซิลเวียกลับไม่รู้สึกผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย

เพราะว่าเธอมองเห็นความผิดปกติบางอย่างในงานเลี้ยง

ในฐานะที่เป็นผู้ครอบครองดวงตาแห่งเวทมนตร์ เธอจึงมักจะเป็นแนวป้องกันแถวหน้าสุด คอยทำหน้าที่แจ้งเตือนเหล่าทหารที่อยู่ด้านหลัง และงานราชาภิเษกซึ่งเป็นงานที่มีความสำคัญอย่างมากนี้ก็ยิ่งต้องการความปลอดภัยขั้นสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นเพราะหน้าที่ของเธอ หรือพราะว่าฝ่าบาทโรแลนด์ทรงเป็นพี่ชายของเจ้าหญิงทิลลีก็ตาม เธอก็หวังว่าโรแลนด์จะปลอดภัยไร้อันตราย ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่กล้าลดระดับการป้องกันลงแม้แต่นิดเดียว

แต่ละเหตุการณ์เมื่อดูแยกกันแล้วเหมือนไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอะไร แต่พอเอามารวมกัน มันกลับกลายเป็นเหมือนจิ๊กซอว์ที่น่าสนใจ

นี่ทำให้ซิลเวียร์นึกถึงเพลงที่ฝ่าบาทโรแลนด์ทรงร้องขึ้นมาเป็นบางครั้งบางคราว

เนื้อเพลงที่อีกฝ่ายอธิบายนั้นค่อนข้างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นไม้เท้าที่ไหม้เกรียมหรือดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอม ชิ้นส่วนหลายๆ ชิ้นที่ดูเหมือนจะไม่เข้ากัน แต่สุดท้ายมันกลับถูกใช้เพื่อปกปิดความจริงอะไรบางอย่าง

ที่น่าพูดถึงก็คือหลังจากลูน่าได้ยินเพลงนี้ เธอก็เอาเพลงนี้ไปเป็นบทเพลงประจำทีมนักสืบของเธอ

ซึ่งสถานการณ์ในตอนนั้นก็เหมือนจะเป็นอย่างที่ในบทเพลงว่าไว้

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าปัญหามันเกิดขึ้นที่ตรงไหน แต่ถ้าเป็นเวลาปกติ เธอก็จะต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกไนติงเกลกับแอชเชสเพื่อให้พวกเธอเพิ่มการเฝ้าระวังอย่างแน่นอน

แต่ในเวลานี้ซิลเวียยังคงนิ่งอยู่

นั่นเป็นเพราะว่าจู่ๆ เธอพลันนึกถึงคำพูดของอันนาที่พูดกับตัวเองเมื่อสองวันก่อนขึ้นมา

“คนที่จะสามารถหยุดไม่ให้ความลับรั่วไหลออกไปได้ ก็มักจะมีแต่คนที่รู้ความลับนั้นแหละถึงจะทำได้ ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”

ในตอนนั้นเธอไม่ได้เข้าใจความหมายที่อยู่ในคำพูดอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก

จนกระทั่งวันนี้เธอถึงได้เข้าใจมันขึ้นมา คำพูดนี้ก็เป็นเหมือนจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย ในตอนที่ต่อมันลงไป ภาพทั้งภาพก็จะมีความหมายขึ้นมา

เธอมองเห็นความลับแล้ว

นี่ไม่ได้ทำให้ซิลเวียรู้สึกดีใจแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน เธอกลับรู้สึกได้ถึงความกดดันอย่างมาก

เพราะว่าตอนนี้เธอไม่เพียงแต่จะต้องปกป้องความลับนี้เท่านั้น แต่เธอยังต้องป้องกันไม่ให้คนอื่นระแคะระคายถึงมันด้วย

เพราะอาจจะไม่ได้มีแค่คนเดียวที่สังเกตเห็นความผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้น

ซิลเวียกวาดตามองไปทั้งโถงงานเลี้ยง เป้าหมายที่เธอต้องจับตามองมีอยู่สามคน

“ฮัดเช้ย!”

โลก้าขยี้จมูกตัวเอง ใบหน้าเธอมีสีหน้าสงสัย

“เป็นอะไรเหรอ?” แอนเดรียที่อยู่ข้างๆ ถามขึ้นมาอย่างสนใจ “ที่แท้หมาป่าก็โดนความเย็นเล่นงานได้เหมือนกันเหรอ?”

“ข้าไม่รู้ว่าจมูกข้ามีปัญหาหรือเปล่า ตอนเช้าก็เป็นแบบนี้ตลอดเลย” โลก้าดมไปทางซ้ายทีขวาที “มันเหมือนภายในโถงมีกลิ่นที่ไม่เข้ากันอยู่…”

“ไม่เข้ากัน?” แอชเชสพูดแทรกขึ้นมา “หรือว่าเจ้าแยกแยะกลิ่นตัวทุกคนออก จากนั้นจับคู่มันกับเจ้าของกลิ่นได้?”

“ขอเพียงระยะห่างไม่ไกลเกินไปหรือไม่ถูกกลิ่นที่รุนแรงกลิ่นอื่นมารบกวน” โลก้าพยักหน้า

“ตอนนี้ภายในโถงมีคนเกือบร้อยคน” แอนเดรียพูดอย่างไม่เชื่อ “ต่อให้จมูกไวแค่ไหน ก็ไม่มีทางจำกลิ่นที่เยอะขนาดนี้ได้มั้ง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหลายคนที่ใช้น้ำหอม แล้วก็มีการสัมผัสตัวกันด้วย อย่างเช่นแบบนี้” พูดจบเธอก็เอามือที่เพิ่งจะจับขาไก่ไปลูบบนหลังมือของแม่มดอมนุษย์” ข้าเองก็เอากลิ่นแปลกๆ ไปป้ายบนตัวนางได้ แล้วแบบนี้เจ้าจะแยกได้ยังไง?”

“มันยาก…แต่เรื่องแยกแยะได้มันก็เรื่องหนึ่ง มีหรือไม่มีกลิ่นมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” หูของโลก้าลู่ตกลงมาอย่างไม่เข้าใจ “ทุกคนต่างก็ยืนอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน แต่ทำไมมันถึงมีกลิ่นสองสามกลิ่นที่มาๆ หายๆ?”

“อะแฮ่มๆ” ด้านหลังทั้งสามคนพลันมีเสียงซิลเวียดังขึ้นมา “เจ้าน่าจะไม่สบายนั้นแหละ”

“ซิลเวีย?” แอนเดรียขมวดคิ้วขึ้นมา “เจ้ามาได้ยังไง?”

“ข้าก็เดินไปทั่ว แล้วก็บังเอิญได้ยินพวกเจ้าคุยกันนั่นแหละ” เธอยักไหล่ ก่อนจะมองไปทางหมาป่าสาว “สภาพอากาศที่ดินแดนตะวันตกไม่เหมือนกับทะเลทรายทางใต้ ที่จริงมันก็มีโอกาสที่เจ้าจะเจอไข้เย็นเล่นงานได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นฤดูหนาวแรกตั้งแต่เจ้ามาอยู่ที่นี่ด้วย มันก็ไม่แปลกที่เจ้าจะรู้สึกไม่สบาย ถ้ารู้สึกว่าจมูกมันไม่โล่ง เดี่ยวไปเอายาจากลิลลีมากินก็ดีขึ้นเอง ตอนที่ข้ามาถึงที่นี่ใหม่ๆ ก็เป็นแบบนี้แหละ”

“จริงเหรอ?” โลก้าพูด “ข้าเข้าใจแล้ว”

หลังเดินออกมาจากทั้งสามคน ซิลเวียก็รู้สึกโล่งใจขึ้นนิดหน่อย

โลก้า เบิร์นเฟลมมีความสามารถในการได้ยินและได้ยินที่เหนือกว่าคนธรรมดา บวกกับความสามารถในการสังเกตของสัตว์ป่า ทำให้เธอจัดอยู่ในเป้าหมายที่ต้องเฝ้าระวังอยู่ตลอด

โชคดีที่เมื่อกี้นี้เธอไปหยุดพวกเธอไม่ให้เข้าไปใกล้ความลับได้ทันเวลา

ส่วนเป้าหมายที่สองนั้น

“จิ๊บๆ จิ๊บ จิ๊บๆๆๆ…จิ๊บ!” เมซี่ที่เกาะอยู่บนหัวไลต์นิ่งกำลังคุยอะไรบางอย่างกับโจนอย่างออกรสชาติ

“ยา ยาๆ ยา….ยา!” อีกฝ่ายก็รีบตอบเหมือนกัน ทั้งสองคนเหมือนกำลังคุยเรื่องที่น่าสนใจอย่างมากอยู่

ไม่ คนนี้ปล่อยไปดีกว่า….ซิลเวียกุมขมับ ต่อให้พวกนางสังเกตเห็นอะไร แต่พวกนางก็ไม่มีทางที่จะเข้าใจแน่

ที่โชคดีก็คือ คนอื่นก็ไม่มีทางได้อะไรจากพวกนางเหมือนกัน

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็ใช้ดวงตาแห่งเวทมนตร์มองไปยังเป้าหมายคนที่สาม

ซึ่งเป้าหมายที่ว่านั้นก็คือคนที่มีโอกาสจะรู้ความลับมากที่สุด แล้วก็เป็นคนที่รับมือได้ยากมากที่สุด

ฮันนี่