TB:บทที่ 151 ไป๋ ชิงเหวิน

 

“เสี่ยวยี่ เธอจะเรียนมัธยมปลายในเมืองนี้จริงๆหรือ” เมื่อเฉินหลงกลับมาแล้ว เขาได้ถามเป็นครั้งสุดท้าย

ใจจริงแล้วเฉินหลงยังหวังให้น้องของเขาเข้าโรงเรียนมัธยมซิงเฉิง ด้วยเหตุผลอย่างแรกคือความเป็นอยู่ที่ซิงเฉิงดีกว่า อย่างต่อมาคือการเรียนการสอนที่ก็ดีเช่นกัน

“ไม่ล่ะค่ะ หนู่ว่าเรียนที่เมืองนี้ก็ดีมากๆอยู่แล้ว อีกอย่างหนูสนิทกับเพื่อนแล้วและไม่ต้องไปทำความคุ้นเคยกับที่ใหม่ด้วย แล้วก็นะ พี่คะ ไม่ใช่ว่าพี่ซื้อบ้านใหม่ในเมืองไว้แล้วหรือ หนูจะได้ไม่ต้องอยู่ที่โรงเรียนไง” เฉินยี่ว่าพร้อมรอยยิ้ม

เธอรู้ว่าพี่ของเธอเจตนาดี แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย เฉินยี่รู้สึกว่าดีที่สุดแล้วสำหรับเธอ

ก่อนหน้านี้เมื่อเฉินหลงรู้ว่าน้องสาวของเขาจะเข้าเรียนที่โรงเรียนในเมืองนี้ เขาได้ซื้อบ้านขนาดสี่ห้องนอนไว้แล้ว เพื่อให้เฉินยี่ได้เรียนในเมืองและยังได้อยู่กับพ่อแม่ของเธอด้วย

เพราะปัจจุบันนี้ พวกนักเรียนมัธยมปลายไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงที่ไปเรียนในเมืองหากไม่มีผู้ใหญ่ค่อยดูแลอยู่ต่างก็ก่อปัญหาทั้งนั้น ถึงเฉินหลงจะเชื่อใจน้องสาว แต่ถ้าเกิดมีปัญหาละ

“ถ้าเช่นนั้น ตั้งใจเรียนล่ะ แล้วก็ถ้าสอบเข้ามหาลัยได้ พี่มีรางวัลให้ด้วยนะ เธอเลือกได้เลยว่าอยากได้อะไร” เฉินหลงกล่าวกับเฉินยี่

“จริงๆหรือ สุดยอดไปเลยพี่ ฉันจะไม่ลืมคำนั้นนะ” เมื่อเธอได้ยินเฉินหลงให้คำสัญญา เฉินยี่รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก

ระดับของทรัพย์สินของพี่ชายเธอมีอยู่กว่าร้อยล้านหยวน เธอเลือกของขวัญเธอเองได้ขนาดที่ว่าถ้าเธอเลือกรถหรูเขาก็จะซื้อให้เธอ

เมื่อคิดได้เช่นนั้นใจของเฉินยี่ร้อนผ่าวขึ้นทันที เพื่อของขวัญแล้วเธอคงต้องเรียนหนัก

“ไม่ต้องห่วงหรอก” เฉินหลงยิ้มให้

ตอนนี้มีที่เรียนใหม่ๆหลายที่ให้เลือกสมัคร

“เสี่ยวยี่ เธออยู่นี่ด้วยหรือ เธอได้เรียนห้องไหนหรือ”

เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น

เฉินหลงไม่ได้หันหน้าไปมอง แต่เขาจำได้ว่าเสียงนั้นคือเสียงของเสี่ยวเจี่ย หนึ่งในเด็กสาวสองคนที่ถูกกั่นแกล้งที่เคทีวีครั้งก่อน ซวีเจี่ย

“เสี่ยวเจี่ย เธอมาสมัครด้วยหรือวันนี้ ฉันยังไม่ได้ส่งใบสมัครเลยยังไม่รู้ว่าได้เรียนห้องไหนน่ะ ถ้าเราได้อยู่ห้องเดียวกันต้องดีมากๆเลย” ซวีเจี่ยเดินเข้ามาหา เฉินยี่จับมือเธอและกล่าวออกไป

“ฉันสมัครได้ห้องเรียนที่เก้าสิบแปดน่ะ อ๋อแล้วก็ขอบอกเลยนะว่าที่โรงเรียนเรามีครูที่หล่อมากๆอยู่ด้วย เขาช่วยฉันสมัครเรียนวันนี้ เธอไปสมัครที่นั่นได้เหมือนกันนะ เขาหล่อมากๆเลย” ตาของซวีเจียเต็มไปด้วยอารมณ์คลั่ง เธอหันหน้าเข้าหาเฉินยี่

“จริงหรือ” เฉินยี่ไม่ค่อยจะเชื่อซวีเจีย

“ฉันไม่ได้โกหกนะ ไปดูเองสิ” ซวีเจียมองเฉินยี่ด้วยสีหน้า “ฉันไม่ได้มีเหตุผลอะไรให้โกหกเธอนะ”

“อืม ผู้ชายหล่อเหรอ ก็มีคนหนึ่งอยู่แถวเธอนี่ เธอต้องไปดูคนอื่นอีกหรือ” เฉินหลงตั้งใจเล่นมุกตลก

ซวีเจียมองเฉินหลงอย่างพิจารณาและคิดดูอีกครั้ง คล้ายกับกำลังเทียบเคียงเฉินหลงและครูคนใหม่ว่าใครหล่อกว่ากัน พักหนึ่งเธอจึงได้คำตอบ “พี่หลง ถึงพี่จะหล่อเหมือนกันแต่ก็หล่อน้อยกว่าครูไป๋นิดหนึ่งนะคะ”

“หืม จริงหรือ”

คำของซวีเจี่ยทำให้เฉินหลงอยากรู้อยากเห็นในตัวครูที่ชื่อมีคำว่าขาวนี่

เฉินยี่ที่ดูท่าทางสงสัยเช่นกันกล่าวว่า “พี่คะ เราไปดูกันเถอะ”

จากนั้นเฉินยี่และซวีเจี่ยก็เข้าไปยังโรงเรียนที่เต็มไปด้วยเด็กสาว พวกเขามองไม่เห็นจุดรับสมัครนักเรียนของครูชื่อไป๋นั่น

หลังจากรอมากกว่ายี่สิบนาที ก็ถึงคราวของเฉินยี่

ในตอนนี้ครูที่ชื่อว่าไป๋กำลังก้มหน้าเขียนอะไรบางอย่างอยู่ ปากเขาพลางเรียกไปด้วยว่า “นักเรียนคนต่อไป”

เสียงของคุณไป๋ช่างดึงดูดและฟังสบาย

“สวัสดีค่ะ ชื่อเฉินยี่ค่ะ”

เมื่อกล่าวไปแล้วเฉินยี่ยื่นใบสมัครของเธอให้ครูที่ชื่อไป๋

ในตอนนั้นเอง เขาเงยหน้าขึ้นมา

เมื่อครูไป๋เงยหน้าขึ้นมาแล้ว หน้าของเขาเป็นใบหน้าของคนหนุ่มที่หล่อเหลา แม้เฉินหลงจะไม่อยากยอมรับ แต่เขาหล่อจริงๆ หล่อยิ่งกว่าตัวเขาเสียอีก

ความหล่อของผู้ชายมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งความหล่อแบบธรรมชาติและความหล่อแบบไม่เป็นธรรมชาติ หรือความหล่อแบบผู้ใหญ่ หรือความหล่อแบบสดใส สำหรับครูไป๋แล้วความหล่อของเขาเป็นแบบไร้กาลเวลา หล่ออย่างมีกลิ่นอายของผู้มีการศึกษา อีกอย่างในตอนนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตขาวที่ยิ่งเพิ่มความหล่อของเขาให้พุ่งขึ้นไปอีก

คุณไป๋ยิ้มและมองเฉินยี่ที่เพิ่งเห็นความหล่อนี้ เขากล่าวว่า “เฉินยี่ ห้องเรียนในชั้นเรียนมัธยมของเธอคือห้องเก้าสิบแปดนะ เกรดของเธอดีมากๆเลย เธอต้องตั้งใจเรียนต่อไปนะ”

เมื่อเธอได้ยินว่าเธอเรียนห้องเรียนที่เก้าสิบแปด เฉินยี่รู้สึกมีความสุขในทันทีที่ได้เรียนห้องเดียวกับเพื่อนสนิทของเธอ “ขอบคุณค่ะ ครูไป๋”

“ไม่เป็นไรครับ” ครูไป๋พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “นักเรียนคนต่อไป”

เฉินยี่ เฉินหลง และซวีเจี่ยเดินหลบไปข้างๆ เพื่อให้นักเรียนคนข้างหลังเดิน

“เยี่ยมไปเลย เราเรียนห้องเดียวกันอีกแล้ว” ใบหน้าเฉินยี่มีความตื่นเต้นทันทีที่ซวีเจียว่าซวีเจียกล่าวอย่างตื่นเต้นเช่นกันว่า “ใช่แล้วเราเรียนห้องเดียวกันอีกแล้ว ไม่เลวเลย”

ขณะที่เฉินยี่และซวีเจี่ยกำลังหวานชื่นกัน เฉินหลงเข้าไปสอบสวนครูไป๋ในทันที

เป็นเรื่องน่าแปลกที่คนหนุ่มหน้าตาดีเช่นนี้จะมาสอนในที่เล็กๆ

ดังนั้นเฉินหลงเลยอยากรู้ว่าครูไป๋นี่เป็นใครกันแน่

แต่เมื่อใช้เขาเครื่องตรวจสอบไปแล้ว สีหน้าเฉินหลงกลับไม่ดีเท่าไร ชายคนนี้เหมือนอี้หยางเลย พวกเขาไม่มีข้อมูล

“ปีศาจงั้นหรือ”

ครั้งก่อนตอนอี้หยางก็เป็นเช่นนี้ คนคนนี้มีกลิ่นอายปีศาจ

ปีศาจที่มาปรากฏตัวในโรงเรียนที่น้องสาวเขาเรียนแบบนี้ ไม่มีทางที่มาเพื่อเรื่องของตัวเองแน่นอน

อาจเป็นเพราะเขารู้สึกคล้ายโดนจ้องมอง ไป๋ชิงเหวิน เงยหน้ามองเฉินหลงที่ยืนอยู่ เขาเห็นเฉินหลงมองด้วยสายตาอันเย็นเยือก เขายิ้มและจัดการเอกสารของนักเรียนต่อไป หมอนั่นไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาหรอก แต่เขารู้จักเฉินหลง

“คุณไป๋ เย็นนี้ผมเลี้ยงข้าวคุณได้ไหมครับ” เฉินหลงเข้าหาไป๋ชิงเหวินและถามออกมา

สำหรับคนที่ต้องการรับมือปิศาจในแบบของตัวเอง เฉินหลงมักเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน

ไป๋ชิงเหวิน มองเฉินหลงแล้วเขาก็ตอบตกลงด้วยรอยยิ้ม

“หนึ่งทุ่มนะครับ เจอกันนอกโรงเรียน” เฉินหลงกล่าวจบแล้วเดินออกไป

หลังจากเฉินหลงลับจากไปแล้ว ไป๋ชิงเหวินคิดในใจ “เฉินหลงคนนี้ไม่ธรรมดา ดูเหมือนว่าเขารู้ตัวจริงของฉัน ช่างน่าสนใจจริงๆ แต่หากอ่อนแอไปก็ไม่สนุกสิ”

หลังจากที่โรงเรียนเลิก สองพี่น้องกลับบ้านที่ซื้อไว้ในเมืองเล็กๆแห่งนี้

ในตอนนี้เฉินหลงติดต่อกู่เฟ่ยที่คอยปกป้องครอบครัวเขาอย่างลับๆมาตลอดหลังไม่ได้ติดต่อมานาน

“เจ้านาย” เมื่อได้เห็นเฉินหลง กู่เฟ่ยจึงรีบกล่าว

“นายทำงานได้ดีมาก ฉันพอใจเหลือเกิน” เฉินหลงพยักหน้า “แต่ตอนนี้ ฉันกลัวว่าพลังของนายจะไม่พอ กลืนนี้ลงไปแล้วอย่าเคี้ยวนะ”

เมื่อกล่าวแล้ว เฉินหลงมองเศษของ “หินแห่งแสง” และมอบให้กู่เฟ่ย

กู่เฟ่ยรับหินแห่งแสงมาและกลืนลงไปโดยไม่คิดอะไร