TQF:บทที่ 656 แผนการที่วางไว้ (1)
คำพูดของหยูเฮงน้อยทำให้ทุกคนหัวเราะออกมา
เฉิงเสี่ยวเซียวเอื้อมมือไปลูบหัวเล็กๆของนาง “คนอื่นกินแล้วยังรู้จักเช็ดปากไม่ให้คนอื่นรู้ แต่เจ้านี่สิ กลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าเจ้ากินอะไรมา หรือเจ้าอยากให้ทุกคนในชิงยางรู้ว่าเจ้าเป็นคนตะกละ เป็นพวกเห็นแก่กิน”
“คนตะกละอะไร คนเห็นแก่กินอะไรกัน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ข้าผิดอะไรที่ข้าชอบกิน” หยูเฮงน้อยเบ้ปากอย่างไม่ใส่ใจ
ฟางเต๋อหยวนหัวเราะอย่างร่าเริงและพูดขึ้น “หยูเฮงน้อยพูดถูก มันไม่ผิดหรอกที่จะชอบกิน ไม่เห็นจะแย่ตรงไหนเลยนี่ แล้วเป็นยังไง พวกเจ้าออกไปเที่ยวครั้งนี้สนุกมั้ย”
พูดจบเขาก็มองเด็กๆตรงหน้าด้วยสายตาคาดหวัง
แม้ว่านี่จะเป็นงานเลี้ยงน้ำชาที่จัดโดยตำหนักองค์ชาย 3 แต่เนื่องจากมีเฉิงเสี่ยวเสี่ยวอยู่ จึงเรียนเชิญชายหนุ่มมากความสามารถจากอิทธิพลต่างๆไปด้วย ถือเป็นงานเลี้ยงที่จำนวนคนครบครันที่สุด
คนเป็นผู้ใหญ่อย่างเขาก็หวังว่าเด็กๆของตัวเองจะได้พบเพื่อนในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าได้พัฒนาความสัมพันธ์ละก็ ถือเป็นสิ่งที่พวกผู้ใหญ่อยากเห็น
“ไม่เห็นจะมีอะไรสนุกเลย ข้าอัดไอระยำไปคนหนึ่ง” หยูเฮงน้อยดูเหมือนจะไม่เห็นความคาดหวังของพวกผู้ใหญ่ กลับขว้างระเบิดออกมาแทน รอยยิ้มบนหน้าของพวกผู้ใหญ่แข็งทื่อไป ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ฟางเต๋อหยวนรีบเบือนสายตาไปที่ฟางซีเฉิงผู้ที่มีอายุมากที่สุดทันที และถามโดยไม่ออกเสียง
ฟางซีเฉิงแอบยิ้มอย่างขมขื่น กำลังจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ตำหนักองค์ชาย 3 แต่หยูเฮงน้อยเร็วกว่าเขา อ้าปากเล่าความเป็นมาฉอดๆ สรุปก็คือคุณชายจางและคุณชายกงซุนได้กลายเป็นไอ้ระยำที่สารเลวไปแล้ว เจ้าพวกแกว่งเท้าหาเสี้ยนทั้ง 2
หลังจากที่พวกผู้ใหญ่ฟังจบ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะร้องไห้และหัวเราะดี เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเห็นได้ชัดว่าบรรยากาศของงานเลี้ยงน้ำชาดังพินาศหมด
“หยูเฮงน้อยทำได้ดี เจ้าพวกเด็กอมมือที่ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาสมควรแล้วที่จะโดนสั่งสอนซะบ้าง”
ฟางหมิงเห้อยิ้มและกลายเป็นผู้สนับสนุนคนแรกของหยูเฮงน้อย
เมื่อได้ยินเสียงเห็นด้วยหยูเฮงน้อยก็หัวเราะอย่างมีความสุขมากขึ้น “ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้เห็นว่าเป็นบ้านของคนอื่นนะ ข้าจะเด็ดหัวมันลงมาเลย”
“เจ้าจะกลายเป็นนางมารน้อยอยู่แล้ว” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวกล่าวเรียบๆ
ฟางเต๋อหยวนส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “เจอที่ต้องสั่งสอนก็สั่งสอนไป ขอแค่พวกเจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เด็กแต่ละคนสมัยนี้ไม่มีความสามารถอะไร แต่กลับทำตัวเย่อหยิ่งจองหองไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา ยิ่งพวกเจ้าเพิ่งมาที่ชิงยางอีก การจะหาเรื่องพวกเจ้าก็เป็นวิธีการของพวกเขา ถ้าเจอคนแบบนี้สั่งสอนไปเถอะ ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว”
“อิอิ ท่านปู่ทวด ท่านพูดได้ดีจริงๆ ไอ้ระยำพวกนั้นไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว ข้ายอมลงมือสั่งสอนพวกเขาก็เพื่อประโยชน์ของตัวพวกเขาเองทั้งนั้น เผื่อว่าวันไหนพวกเขาทำหัวหายยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น”
“พรืดด….”
“แค่กๆๆ….”
“ฮ่าๆๆ….”
ทุกคนในที่นี้ที่ได้ยินคำพูดของหยูเฮงน้อยต่างอดไม่ได้ที่จะหลุดขำ ฟางซูหยุนยื่นมือไปจิ้มที่หน้าผากของหยูเฮงน้อย แกล้งว่า “เจ้านี่น้า ไปอัดคนแล้วยังมีเหตุผลอีก ก๋ากั๋นจริงๆเลย”
“อิอิ ฮูหยินฟาง นี่ข้าทำความดีอยู่นะ”
หยูเฮงน้อยหมอบลงและถูแขนของฟางซูหยุนอย่างรักใคร่ พูดด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
ทุกคนต่างอมยิ้มเมื่อมองหยูเฮงน้อยแอ๊บแบ๊ว ก็นางอายุน้อยที่สุดนี่นา ย่อมต้องเป็นคนที่ได้รับการเอ็นดูมากที่สุด
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวกวาดตามองภายในห้องรับแขกและพบว่านอกเหนือจากคนกันเองแล้ว แม้แต่คนรับใช้ก็ไม่อยู่ที่ห้องนั่งเล่น จึงยื่นมือออกไปสร้างเขตแดนขึ้น
ทุกคนเห็นนางสร้างเขตแดนก็เบือนสายตามาที่นางหมด รู้แล้วว่านางกำลังจะพูดบางอย่างที่ไม่ต้องการให้คนอื่นได้ยิน
เมื่อสบเข้ากับสายตาของทุกคน เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็หันไปถามฟางเต๋อหยวน “ท่านปู่ทวด ท่านรู้เรื่องสถานการณ์ขององค์ชายใหญ่ องค์ชาย 3 องค์ชาย 5 และองค์ชาย 7 มั้ย”
เมื่อทุกคนได้ฟังก็รู้ว่านางหมายถึงอะไร ทุกคนตั้งสมาธิผ่อนลมหายใจ รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่
“พวกเขาองค์ชายทั้ง 4 เอ่อ….”
ฟางเต๋อหยวนพูดอะไรไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดว่า “องค์ชายทั้ง 4 คนนี้เรียกได้ว่าเป็นต่างมีความเก่งกาจของตัวเอง คนที่มีอำนาจมากที่สุดคือองค์ชายใหญ่และองค์ชาย 5 ขุนนางที่สนับสนุนองค์ชายใหญ่มีเยอะกว่า แต่พ่อลูกองค์ชาย 5 กุมอำนาจทหาร ส่วนองค์ชาย 3 เป็นที่ชื่นชอบของพวกขุนนางนักปราชญ์ พ่อลูกองค์ชาย 3 มีความรู้มากมายจึงได้รับการสนับสนุนจากเหล่านักปราชญ์เป็นอย่างมาก”
“ส่วนองค์ชาย 7 ลักษณะเด่นที่สุดของพวกเขาคือ พวกเขาดองกับตระกูลซ่างกวนและสำนักระดับ 1 อย่างสำนักหลิวหวิน ส่วนอำนาจขององค์ชายที่เหลือเมื่อเทียบแล้วขอบเขตอิทธิพลนั้นค่อนข้างเล็ก แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นก็เป็นแค่ภายนอกเท่านั้น ในความเป็นจริงนั้นยากที่จะพูด”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้วแน่น นางนึกไปถึงเหล่าพระโอรสและพระธิดาที่ได้สัมผัสในวันนี้ นัยต์ตาของนางเป็นสีเข้ม “ทายาทที่ฮ่องเต้เลือกนี่เลือกจากความแข็งแกร่งขององค์ชายหรือพระโอรส พูดอีกอย่างก็คือมอบตำแหน่งให้หลาน”
“เสี่ยวเสี่ยว เจ้าดูออกได้อย่างไร” ฟางเต๋อหยวนพูดด้วยความตะลึง “เจ้าพูดถูกต้อง ครั้งนี้ฮ่องเต้มีท่าทีจะมอบตำแหน่งให้หลานจริงๆ เพราะเขามีลูกชายเยอะเกินไป แม้ว่าหลานชายก็มีไม่น้อย แต่หลานที่เก่งและมีความสามารถจริงๆนั้นมีไม่มาก เพราะฉะนั้น ทุกคนจึงดูออกว่าฮ่องเต้มีท่าทีจะมอบตำแหน่งให้หลานจริงๆ”
“เป็นแบบนี้จริงๆ”
พยักหน้าเเล็กน้อย เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเข้าใจแล้วว่าทำไมวันนี้พระโอรสทั้ง 2 ถึงใจกว้างและทรงคุณธรรมขนาดนี้ ท่าทางพวกเขาก็แค่หมายตาสัตว์อมตะในมือตัวเองก็เท่านั้น
พูดกันตามตรง สถานการณ์ของนางตอนนี้ก็เหมือนกับผู้เฒ่าหยิงนั่นแหละ ต่างเป็นเพราะในมือมีสิ่งที่พวกเขาต้องการ
ทุกคนที่อยู่ในที่นี้แค่คิดนิดหน่อยก็สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเฉิงเสี่ยวเสี่ยวถึงถามเช่นนี้ และเข้าใจเหตุผลที่ตำหนักองค์ชาย 3 เชิญนางไปที่งานเลี้ยงน้ำชา
“ท่านปู่ทวด ในสายตาของท่าน นอกจากหวงฝู่เส้าจวินแห่งตำหนักองค์ชาย 3 และหวงฝู่หยีมู่แห่งตำหนักองค์ชาย 5 มีใครที่มีศักยภาพนอกเหนือจากนี้บ้าง”
“ศักยภาพ?”
——————————