บทที่ 534 มันจะกลายเป็นมหันตภัย

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 534 มันจะกลายเป็นมหันตภัย

 

 

“หืม? นี่คือเถ้าแก่อานไม่ใช่หรือ?”

 

 

หลินเป่ยเฉินพบว่ามีมนุษย์หลายสิบคนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นหิน หนึ่งในนั้นเป็นชายหนุ่มฉกรรจ์ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าขาดวิ่น ใบหน้าอมทุกข์ ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจากการถูกทรมาน แต่ถึงจะมีสภาพเหมือนเป็นคนละคนกับตอนที่เจอกันครั้งสุดท้าย หลินเป่ยเฉินก็ยังจำได้ดีว่านี่คือเถ้าแก่อานมู่ซี เจ้าของร้านขายยาชื่อดังประจำเมืองนั่นเอง

 

 

เถ้าแก่อานนับเป็นลูกค้ากิตติมศักดิ์ที่จ่ายค่าโฆษณาให้เขาอย่างงดงามทีเดียว

 

 

หลินเป่ยเฉินแทบจะไม่สนใจหลิงไท่ซวีอีกต่อไปแล้ว เขารีบเดินเข้าไปแกะสายโซ่ที่พันธนาการอานมู่ซีออกและช่วยประคองชายหนุ่มลุกขึ้นยืน

 

 

“เถ้าแก่อาน ท่านไปทำอะไรมา? เหตุไฉนถึงได้ต้องโทษประหารร่วมกับอาจารย์ใหญ่ของข้าอยู่ที่นี่? อย่าบอกนะว่าท่านก็ไปแย่งภรรยาผู้อื่นมาเช่นกัน? เหอเหอ ก็ใครใช้ให้ยาบำรุงของท่านมีประสิทธิภาพมากถึงขนาดนั้นเล่า ต่อให้เป็นบุคคลที่บ้าตัณหาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเช่นข้า ก็ยังไม่กล้ารับประทานยาของท่านเลยด้วยซ้ำ…”

 

 

อานมู่ซีได้แต่มองหน้าหลินเป่ยเฉิน ริมฝีปากสั่นระริก

 

 

เขาไม่ได้ฟังมุกตลกของเด็กหนุ่ม

 

 

เถ้าแก่อานทำได้เพียงจับมือของหลินเป่ยเฉินไว้ให้แน่นมากที่สุดและพูดอะไรไม่ออก

 

 

พวกเขาต้องผ่านความหมดหวังและความทรมานมานับครั้งไม่ถ้วน หัวใจแตกร้าวแหลกสลาย ถ้อยคำเหน็บแนมของหลินเป่ยเฉินจึงไม่กระทบกระเทือนจิตใจอานมู่ซีเลยแม้แต่น้อย

 

 

“ขอบคุณคุณชายหลิน ขอบคุณท่านมากแล้ว…”

 

 

ในที่สุด อานมู่ซีก็สามารถพูดออกมาได้อีกครั้ง

 

 

หลินเป่ยเฉินไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่

 

 

เมื่อเห็นว่าเถ้าแก่อานกำลังมองหน้าเขาด้วยความตื่นเต้นสุดชีวิต หลินเป่ยเฉินก็ไม่กล้าเล่นมุกตลกไร้สาระอีกต่อไป เขาถอนหายใจออกมา แล้วพูดว่า “พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วง ต่อให้วันนี้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ข้าก็จะพาทุกคนกลับออกไปให้ได้”

 

 

พูดจบ เด็กหนุ่มก็หันมามองที่หลิงไท่ซวี เมื่อเห็นสภาพการแต่งกายเหมือนคนเพิ่งลุกขึ้นจากที่นอนของอาจารย์ใหญ่ เด็กหนุ่มก็อดหยอกเย้าไม่ได้ “อาจารย์ใหญ่ขอรับ นี่ท่านไปแย่งผู้หญิงของคนอื่นมาอีกแล้วหรือ? ดูสภาพของท่านเสียก่อนเถิด ถ้าเดาไม่ผิด ท่านคงไปหลงรักหญิงสาวชาวทะเลใช่ไหม เฮ้อ ปล่อยนางไปเถอะขอรับ จะได้ไม่มีใครต้องเดือดร้อน…”

 

 

“หุบปากของเจ้าได้แล้ว”

 

 

หลิงไท่ซวีหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างหาได้ยากยิ่ง “มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด”

 

 

หลินเป่ยเฉินยิ้มมุมปากและพูดด้วยความขบขัน “ไม่ต้องแก้ตัวหรอกขอรับ ข้ารู้จักท่านดี อาจารย์ใหญ่ลุ่มหลงในสตรียิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น แต่ไม่คิดจริงๆ ว่าท่านจะสนใจรับประทาน ‘อาหารทะเล’ กับเขาด้วย แต่อาหารทะเลนั้น ถ้ารับประทานโดยไม่ปรุงสุก หรือไม่แกะเปลือกออกให้ดี เดี๋ยวจะท้องเสียได้นะขอรับ โดยเฉพาะกับของทะเลที่หน้าตาสวยงามเช่นนี้…”

 

 

พูดยังไม่ทันจบ

 

 

หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกเหมือนถูกจ้องมองด้วยแววตาอาฆาต

 

 

แววตานั้นจ้องมองออกมาจากหลังม่านสายน้ำของเกี้ยวทองคำ

 

 

ซวยแล้ว

 

 

นี่เขาพูดไม่ถูกหูองค์หญิงแห่งท้องทะเลแล้วใช่ไหมนะ

 

 

เพื่อความอยู่รอด หลินเป่ยเฉินจึงพยายามหาทางประจบเอาใจ “ฮ่าฮ่าฮ่า แต่ถึงนางจะสวยงามขนาดนี้ ก็ยังเทียบกับความงามของอาจารย์หญิงของข้าไม่ได้แม้แต่กระผีกเดียว…”

 

 

แล้วแววตาแห่งความอาฆาตก็หายวับไป

 

 

แต่นายทหารชาวทะเลที่ยืนอยู่รอบบริเวณกำลังจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉินเป็นจุดเดียว

 

 

ถึงเด็กหนุ่มชาวแผ่นดินใหญ่คนนี้จะมีพลังแข็งแกร่ง แต่เห็นได้ชัดว่าขาดการอบรมสั่งสอนที่ดี

 

 

ทุกครั้งที่มีโอกาส หลินเป่ยเฉินจะต้องพูดจาเหยียดหยามชาวทะเลเสมอ

 

 

พฤติกรรมเช่นนี้สมควรตาย

 

 

แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ชาวเมืองหยุนเมิ่งกำลังมองไปที่หลินเป่ยเฉินด้วยแววตาเคารพเทิดทูน

 

 

ดูสิ

 

 

นี่ไงวีรบุรุษของเรา

 

 

เทพพิทักษ์ผู้เกรียงไกร

 

 

ร่างทรงเทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์

 

 

ต่อให้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน แต่หลังจากสังหารขุนพลชาวทะเลตายไปสองศพ หลินเป่ยเฉินก็ยังอารมณ์ดีมากพอที่จะมาหัวเราะให้กับมุกตลกของตนเอง และเปรียบเทียบชาวทะเลเป็นของกินต่อหน้าองค์หญิงแห่งท้องทะเลได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

ไม่ทราบว่าเขาต้องใช้ความกล้าหาญถึงขนาดไหนกว่าที่จะเล่นมุกตลกเช่นนี้ออกมาได้?

 

 

หลินเป่ยเฉินคงจะกำลังพยายามบอกพวกเขาว่าไม่มีอะไรให้ต้องหวาดกลัวอีกต่อไป ชาวทะเลเหล่านี้ก็เป็นเพียงสัตว์น้ำที่ขึ้นมาอยู่บนบก สุดท้ายถ้าต้องเกิดการต่อสู้กันขึ้นมา ความสมัครสมานสามัคคีที่พวกเขามี ก็จะต้องทำให้ฝ่ายมนุษย์แผ่นดินใหญ่ได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน

 

 

มันต้องเป็นเช่นนั้นแน่ๆ

 

 

“เอ่อ… แม่นางท่านนั้นเป็นภรรยาของข้าเองขอรับ”

 

 

อานมู่ซีขมวดคิ้วหน้ายุ่ง “นางหาใช่ชาวทะเลไม่”

 

 

หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นก็ถึงกับชะงักกึก

 

 

เขาหันกลับไปมองหน้าหลิงไท่ซวีด้วยความไม่อยากเชื่อว่าอาจารย์ใหญ่จะแย่งภรรยาของพวกเดียวกันเองได้ลงคอ

 

 

หลิงไท่ซวีคำรามออกมาด้วยความฉุนเฉียวทันทีว่า “ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือผู้คน…”

 

 

เขาอุตส่าห์ประพฤติตัวเป็นคนดี แล้วทำไมถึงได้ถูกมองว่าแย่งภรรยาผู้อื่นได้นะ?

 

 

แต่ดูจากสีหน้าแล้ว หลินเป่ยเฉินไม่ได้เชื่อคำพูดของหลิงไท่ซวีเลยแม้แต่น้อย

 

 

“ใช่แล้วขอรับ ผู้อาวุโสหลิงเป็นคนช่วยนางไว้ไม่ให้ตกลงไปในบ่อโลหิต” อานมู่ซีรีบอธิบาย “ถ้าไม่ได้ผู้อาวุโสช่วยเอาไว้ ภรรยาของข้าก็คงต้องเสียชีวิตไปแล้ว ได้โปรดคุณชายหลินอย่าเข้าใจผู้อาวุโสหลิงผิดเลยขอรับ”

 

 

“ถ้าอย่างนั้นเถ้าแก่อานไปทำอะไรมาถึงได้ถูกจับกุมตัวเช่นนี้?”

 

 

หลินเป่ยเฉินหันขวับไปมองหน้าเฒ่าทะเล “ข้าขอประกันตัวพวกเขา”

 

 

“ประกันตัวอย่างนั้นหรือ?”

 

 

เฒ่าทะเลยังไม่ทันได้พูดคำใด เสียงของแม่ทัพฉลามอู๋หยาก็ดังขึ้นเสียก่อนว่า “มนุษย์ผู้ต่ำต้อย พวกเจ้าทำผิดกฎของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลไม่พอ ยังลบหลู่ดูหมิ่นพวกเราอย่างซึ่งหน้า นี่คือบาปที่ให้อภัยไม่ได้เด็ดขาด นักโทษที่เจ้าต้องการประกันตัวได้รับการตัดสินให้ประหารชีวิต ไม่มีทางที่พวกเราจะปล่อยตัวกลับไปเด็ดขาด”

 

 

“คุณชายหลินอย่าสนใจพวกเราเลยขอรับ…” อานมู่ซีรู้ดีว่าสถานการณ์นี้อันตรายขนาดไหน และถ้าหลินเป่ยเฉินไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้สักคน สถานการณ์ก็คงเลวร้ายกว่านี้เกินจินตนาการ

 

 

เถ้าแก่อานกัดฟันกรอดและกล่าวต่อ “แต่คุณชายต้องช่วยเสี่ยวเฉียนกับลูกน้อยในท้องของนางนะขอรับ ขอแค่ท่านช่วยเหลือพวกนางได้ ต่อให้ตายข้าก็ไม่เสียดายชีวิต และนับจากนี้เป็นต้นไป รายได้ทั้งหมดจากร้านขายยาของข้า จะตกเป็นของคุณชายหลินแต่เพียงผู้เดียว…”

 

 

“ไม่มีทาง”

 

 

หลินเป่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่ว่าอย่างไร วันนี้ข้าก็ต้องพาพวกเจ้ากลับไปให้ได้”

 

 

เด็กหนุ่มหันหน้ากลับมามองที่เฒ่าทะเลอีกครั้ง จากนั้นจึงหันหน้ามองไปยังเกี้ยวทองคำ แล้วพูดว่า “อาจารย์หญิงขอรับ ข้าไม่รู้หรอกนะว่าท่านต้องการสิ่งใด และข้าก็ไม่ต้องการตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างสายพันธุ์ด้วย แต่คนเหล่านี้เป็นสหายของข้า ข้าอยากจะปกป้องพวกเขา วันนี้หากท่านไม่ยอมปล่อยตัวครอบครัวของอานมู่ซี เช่นเดียวกับเถียนเถียนและฉุยหมิงโหลว ข้าก็ไม่อาจรับปากได้อีกแล้วว่าเหตุการณ์ในอนาคตข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น”

 

 

เมื่อนักรบชาวทะเลได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่ม สีหน้าของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนไปทันที

 

 

แม่ทัพฉลามอู๋หยาคำรามออกมาใบหน้ากระตุก “เจ้ามนุษย์โสโครก กล้าดีอย่างไรถึงได้ข่มขู่พวกเราชาวทะเล?”

 

 

“ถ้าคิดว่านี่คือคำข่มขู่ก็ตามสบาย”

 

 

สีหน้าของหลินเป่ยเฉินยังคงจริงจังหนักแน่นอยู่เช่นเดิม

 

 

เสียงพูดของเขาในประโยคต่อมาดังกังวานไปทั่วบริเวณอย่างทรงพลัง “อย่าคิดว่าวันนี้พวกเจ้ามีคนมากกว่าแล้วจะสามารถฆ่าข้าได้ ขอบอกเลยว่าพวกเจ้ากำลังคิดผิด อย่าลืมสิว่าข้าเป็นแมวเก้าชีวิต สามารถเอาตัวรอดได้เก่งขนาดไหน เมื่อข้าสามารถหลบหนีได้สำเร็จ สิ่งที่เจ้ากระทำกับสหายของข้า ข้าจะกลับมาแก้แค้นและกระทำกับพวกเจ้าให้หนักหนามากกว่านั้นเป็นร้อยเท่าหมื่นเท่า รับรองได้เลยว่ามันจะต้องน่ากลัวกว่าที่พวกเจ้าจะจินตนาการได้ มันจะเป็นการแก้แค้นที่น่าสยองขวัญมากที่สุด… และเชื่อข้าเถิด มันจะกลายเป็นมหันตภัยใหญ่หลวงสำหรับสายพันธุ์ของพวกเจ้าแน่นอน”