ภาค 6 ยันฟ้าด้วยมือเดียว บทที่ 488 ฟ้าช่วยคนที่พึ่งตัวเอง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

อิ่นหลิวหัวเพิ่งจะผ่อนคลายได้ไม่ทันไร ฟู่เอินซูก็ถอนใจกล่าวว่า “สอนตามความถนัด พูดง่ายแต่ทำยากนัก ต่อให้ข้ากับสำนักให้เวลาเจ้า แต่สตรีแห่งจันทราในสำนักอื่นไม่ให้เวลาเจ้าแน่นอน ความรับผิดชอบนี้สำหรับเจ้าแล้ว หนักหนาเกินไปจริงๆ”

“จะว่าไป ลูกศิษย์สายตรงเองก็มีสิทธิ์เลือกอาจารย์ แต่เพราะคุณสมบัติพิเศษของเจ้า จึงถูกกำหนดให้มาเป็นลูกศิษย์ข้า”

“ข้ามีนิสัยใจร้อนเกินไป บางทีหากเจ้ากราบเป็นลูกศิษย์ของคนอื่น อาจจะมีประโยชน์ต่อการเติบโตของเจ้าก็ได้”

“รับหน้าที่สำคัญในการแย่งชิงมงกุฎจันทรา หรือการกราบข้าเป็นอาจารย์ ล้วนเป็นสิ่งที่พวกข้ายัดเยียดให้เจ้า หวังเพียงว่าไม่ทำให้พรสวรรค์ของเจ้าสิ้นเปลือง แต่กลับมองข้ามปัญหาในด้านต่างๆ มองข้ามความรู้สึกของเจ้า”

ฟู่เอินซูรู้สึกเห็นใจ น้ำเสียงอ่อนโยน

อิ่นหลิวหัวได้ยินแล้ว กลับเกิดความรู้สึกตื่นตระหนก

นางรีบกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ ศิษย์โง่เขลานัก ทำให้ท่านต้องผิดหวังเช่นนี้ หลังจากนี้ศิษย์จะตั้งใจฝึกแน่นอน”

เนื่องจากมีพลังฝึกปรือสูงกว่าอิ่นหลิวหัวมาก ฟู่เอินซูจึงรู้จักสภาพร่างกายของเด็กสาวเป็นอย่างดี ศิษย์คนนี้ตั้งแต่อดีตตั้งใจฝึกหรือไม่ นางทราบดีประดุจฝ่ามือตนเอง

หากกล่าวอย่างยุติธรรม ตอนที่เพิ่งเข้าสำนัก ถึงแม้จะเกียจคร้านไปบ้าง แต่ก็นับว่านางตั้งใจจริงๆ

แต่เมื่อเวลาผ่านไป นางก็ยิ่งรักสบายมากขึ้น

ตอนนี้จิตใจของฟู่เอินซูสงบลงมากแล้ว จึงกล่าวแค่ว่า “หากเจ้าตั้งใจจริงๆ ก็ดี หากเกียจคร้านเกินไป ไม่เพียงแต่การฝึกปรือในฐานะสตรีแห่งจันทราของเจ้าเท่านั้น แม้แต่เส้นทางของจอมยุทธ์ในวันหน้าของเจ้าก็ยากจะเดินไปยังระดับสูงสุด”

“ไม่ใช่แค่สตรีแห่งจันทราเท่านั้น สำหรับจอมยุทธ์ทุกคน ความเกียจคร้านล้วนเป็นสิ่งต้องห้าม”

ฟู่เอินซูมองอิ่นหลิวหัว พูดพร้อมกับถอนใจ “หลิวหัวเจ้ามิใช่คนโง่เขลา อีกทั้งพรสวรรค์ของเจ้าก็ไม่เลวจริงๆ ถ้าหากเจ้าบอกว่าตัวเองปัญญาทึบ เช่นนี้คนส่วนใหญ่ในใต้หล้าก็เป็นคนโง่แล้ว”

“แต่ต่อให้เป็นพรสวรรค์ของหลงเอ๋อร์ ก็ใช้ทิ้งใช้ขว้างไม่ได้”

นางมองหลิวหัว พลางพูดว่า “เจ้ามาเป็นลูกศิษย์ของข้าได้สักพักแล้ว น่าจะรู้ว่าข้ามีนิสัยตรงไปตรงมา”

“คำพูดเมื่อครู่เป็นเพราะข้ารู้สึกว่า ข้าคงสั่งสอนเจ้าได้ไม่เหมาะสมจริงๆ”

“เจ้ามีนิสัยเกียจคร้านเฉื่อยชา มิอาจจัดการความขัดแย้งซึ่งเกิดขึ้นในสถานการณ์เร่งด่วน บนการทดสอบแห่งจันทราในตอนนี้ได้”

อิ่นหลิวหัวรู้สึกตกใจ ก่อนจะสงบสติอารมณ์ รีบร้อนกล่าวว่า “ท่านอาจารย์อย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลย เป็นก่อนหน้านี้ศิษย์เกียจคร้านเกินไป ศิษย์จะปรับปรุงตัวอย่างแน่นอน”

น้ำเสียงของนางมีความจริงใจ “ตั้งแต่เข้าสำนักมา ข้ายังจำสิ่งที่ท่านมอบให้ข้าได้ดี การได้เป็นลูกศิษย์ของท่านเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตข้า”

“การฝึกในยามปกติ ศิษย์มักจะเตือนสติตัวเองให้ตั้งใจฝึก แต่พอรู้สึกหมดแรง ความตั้งใจก็เปลี่ยนเป็นอ่อนแอ ทนต่อไปไม่ไหว”

“ท่านอาจารย์ได้โปรดให้โอกาสหลิวหัวอีกสักครั้งเถอะ หลิวหัวจะตั้งใจเคี่ยวกรำตัวเองแน่นอน”

ฟู่เอินซูขมวดคิ้วเล็กน้อย “หลิวหัวเจ้าอย่าได้คิดไร้สาระ ถึงเมื่อก่อนข้าจะคอยจ้ำจี้จ้ำไชเจ้า แต่คำพูดเมื่อครู่ออกมาจากใจจริงๆ มิใช่ใช้คำพูดกดดันให้เจ้าแสดงท่าที”

“ลูกศิษย์ของข้าฟู่เอินซูไม่มีคนที่ใช้ไม่ได้ ข้าเข้มงวด มีนิสัยใจร้อน เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นความจริง แต่ในเมื่อเร่งไฟหลอมเหล็กไม่ได้ ข้าก็มีความอดทนและเวลามากพอในการเคี่ยวกรำ ค่อยๆ ทำให้เจ้ากลายเป็นผู้มีความสามารถ”

อิ่นหลิวหัวหมอบกราบกรานต่อหน้าฟูเอินซู “ความจริงใจของท่านอาจารย์ เหตุใดศิษย์จะสัมผัสไม่ได้ ศิษย์รู้สึกเสียใจจริงๆ ท่านอาจารย์ได้โปรดให้โอกาสศิษย์อีกครั้งเถอะ”

ฟู่เอินซูถอนใจ เอ่ยว่า “การฝึกของสตรีแห่งจันทรา ใช้คำว่าแข่งกับเวลามาบรรยายความดุเดือดมิได้ด้วยซ้ำ ไม่มีเวลาเหลือไว้ให้พวกเราจริงๆ”

“หลายปีมานี้พลังฝึกปรือของเมิ่งหว่าน ฝานซิว และคนอื่นๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงสามารถปล่อยพลังของมงกุฎจันทราได้มากขึ้นเรื่อยๆ”

“ตอนนี้สตรีแห่งจันทราทุกคนยังมีระดับฝึกปรืออยู่ในขั้นปรมาจารย์ แต่ถ้าหากมีคนบรรลุสู่ระดับมหาปรมาจารย์ได้ก่อน พลังที่เกิดจากการใช้มงกุฎจันทราจะแตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง”

อิ่นหลิวหัวกล่าวเสียงเบา “ก่อนหน้านี้ท่านอาจารย์มิได้บอกว่า หลังจากท่านอาจารย์ลุงเจ้าสำนักบรรลุจากขั้นบรรลุธรรมสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็เหนือกว่าผู้อาวุโสมากมาย เป็นอันดับหนึ่งแห่งยุคหรอกหรือ? ยังมีท่านอาจารย์ปู่ พลังในตอนนี้ของสำนักเราเป็นอันดับหนึ่งในแปดพิภพอย่างไม่ต้องสงสัย”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การทดสอบยังมีความหมายอันใด สำนักเราสามารถแย่งชิงมงกุฎจันทราจากมือของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ได้โดยตรง”

ฟู่เอินซูเอ่ยว่า “นั่นเป็นความจริง แต่ว่าสถานการณ์การในอนาคตที่พวกเราวางแผนไว้ จะมองแค่ผลประโยชน์อย่างเดียวไม่ได้”

“ยังไม่ต้องพูดถึงการแย่งชิงมงกุฎจันทราจะสะกิดความแค้นส่วนรวมของแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด ศิษย์น้องเยี่ยนเลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ ย่อมมีพลังเหนือกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันจริงๆ อีกทั้งยังเหนือกว่าหวงกวงเลี่ยแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์แน่นอน แต่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีแค่หวงกวงเลี่ยเท่านั้น”

“จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อาทิตย์ม่วงจางเชา ชื่อนี้อย่าว่าแต่พวกเจ้าเลย ขนาดข้ายังเกือบจะลืมไปแล้ว ในปัจจุบันคนผู้นี้ไปทำอะไร อยู่ที่ไหน ไม่มีใครทราบทั้งสิ้น”

“หลายปีมานี้ ต่อให้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะได้รับความเสียหายไม่น้อย แต่เขาก็ไม่ยอมปรากฏตัว กระนั้นก็ใช่ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในแปดพิภพอีกแล้ว”

ถึงแม้ว่าจะมีนิสัยไม่ยอมแพ้ แต่ฟู่เอินซูก็มิใช่คนบุ่มบ่าม “ในอดีตจางอาทิตย์ม่วงเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สาม ผ่านไปหลายปีถึงเพียงนี้ พลังเป็นอย่างไรย่อมคาดเดาได้ยาก”

“ความเป็นไปได้ที่เขาจะอยู่ในโลกมีน้อยมาก แต่เมื่อถึงเวลาต้องสู้ตัดสินกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จริงๆ สำนักเราก็จำเป็นต้องระวังข้อนี้ด้วย”

ฟู่เอินซูกวาดมองเฟิงอวิ๋นเซิงและอิ่นหลิวหัว “ในเวลาแบบนี้ ถ้าหากมีสตรีแห่งจันทราเลื่อนบรรลุสู่ระดับมหาปรมาจารย์ และใช้มงกุฎจันทรา อาจจะเป็นตัวกำหนดสถานการณ์เลยเลยก็ได้”

อิ่นหลิวหัวก้มหน้า นางห่างจากระดับมหาปรมาจารย์เกินไป

ฟู่เอินซูมองอิ่นหลิวหัว พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หลิวหัว เจ้าเริ่มต้นช้าไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการแย่งชิงมงกุฎจันทราจะไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า”

“ในอดีตศิษย์พี่เฟิงของเจ้า เมิ่งหว่านแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บในการทดสอบแห่งจันทราก่อนหน้า จึงส่งผลกระทบต่อการทดสอบ”

“แต่การใช้มงกุฎจันทราในการต่อสู้กับศัตรู สตรีแห่งจันทราก็มีความเป็นไปได้ว่าจะได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน ถ้าหากสำนักเราได้มงกุฎจันทรามาครอบครองจริงๆ และอวิ๋นเซิงได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับคนอื่น ครั้งนี้จำเป็นต้องให้เจ้าใช้มงกุฎจันมรา”

เหตุใดไม่ว่าเขากว่างเฉิงหรือสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ หรือกระทั่งสำนักอื่น ต่างพยายามช่วงชิงและฟูมฟักสตรีแห่งจันทรามากกว่าหนึ่งคนโดยไม่กลัวสิ้นเปลืองทรัพยากร เหตุผลอยู่ตรงนี้นี่เอง

การป้องกันสองชั้นไม่ได้มีแค่ในการทดสอบแห่งจันทราเท่านั้น

ฟู่เอินซูเอ่ยอย่างจริงจัง “สำนักหนึ่งมีสตรีแห่งจันทราสองคน ภายในย่อมมีการแข่งขัน คนที่โดดเด่นที่สุดถึงจะนำมงกุฎจันทรากลับมาได้ แต่ว่าคู่ต่อสู้ที่แท้จริงของพวกเจ้า แต่ไหนแต่ไรก็เป็นสตรีแห่งจันทราในแดนศักดิ์สิทธิ์อื่น”

อิ่นหลิวหัวลดเสียงลง “ศิษย์จะพยายามอย่างเต็มที่ ใช้พลังทั้งหมด…เอาชนะข้อบกพร่องของตัวเอง”

ฟู่เอินซูมองอิ่นหลวหัว พลางถอนใจเบาๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย “หลิวหัว ฟ้าช่วยคนที่พึ่งตัวเอง การแสวงหาความก้าวหน้า หากมองในระยะยาว คนที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดก็คือตัวเจ้าเอง”

อิ่นหลิวหัวรีบคำนับ “เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์ ศิษย์เข้าใจ”

นางก้มหน้าลง ระบายลมหายใจโล่งอก ‘ในที่สุดด่านในวันนี้ก็ผ่านไปแล้ว แต่ว่า ต่อจากนี้จะทำอย่างไรดี…’

ขณะคิด จิตใจของนางก็เกิดความรู้สึกมากมาย

‘เดิมทีข้าก็เริ่มช้าอยู่แล้ว ศิษย์พี่เยี่ยนยังลำเอียงไปทางศิษย์พี่เฟิง ตั้งใจเก็บซ่อนวิชาลับไม่ยอมถ่ายทอดให้ข้า เมื่อเป็นเช่นนั้น ศิษย์พี่เฟิงจึงทำให้บทเรียนเหล่านั้นสำเร็จได้ทั้งหมด แต่ข้ากลับทำไม่ได้ กลายเป็นว่าไม่ได้พยายามเต็มที่’

‘ต่อให้ข้าขยันอีกก็ไม่มีประโยชน์ ท่านอาจารย์ไม่มีทางพอใจได้ตลอดไป ต้องมีสักวันที่หมดความอดทน’

คิดไปคิดมา อิ่นหลิวหัวรู้สึกกลุ้มใจเหลือแสน ‘สุดท้ายแล้วควรทำอย่างไรดี?’