ภาค 6 ยันฟ้าด้วยมือเดียว บทที่ 489 การต่อสู้ตัดสิน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

อิ่นหลิวหัวลุ้มใจ แต่ไม่กล้าแสดงออกภายนอก

ฟู่เอินซูมองเฟิงอวิ๋นเซิงและอิ่นหลิวหัว กำลังคิดว่าจะส่งพวกนางกลับสำนัก

แต่ว่าในตอนนั้นเอง มหาสมุทรซึ่งเป็นประตูทางเชื่อมเขตแดงที่เชื่อมไปยังโลกปีศาจ พลันมีคลื่นพลังอันรุนแรงส่งมา

สายตาของฟู่เอินซูกลายเป็นเคร่งขรึม เห็นคลื่นอัคคีที่ขอบฟ้าทะลักมา ครอบคลุมฟ้าดินไว้ในชั่วพริบตา

นางรีบปกป้องลูกศิษย์ทั้งสองคน

ทว่าบริเวณที่คลื่นอัคคีม้วนพัดกระตุ้นให้แกนไฟของชีพจรใต้ดินที่อยู่ก้นทะเลลึกให้สั่นไหว ไฟใต้พิภพพวยพุ่งทะลุทะเล กลายเป็นเสาไฟใหญ่ พุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้า

ฟู่เอินซูตกใจ แต่หลังจากตั้งใจสัมผัส จิตใจก็สงบลง

ชีพจรดินได้รับการกระตุ้นจากพลังไฟของปีศาจอัคคี และเกิดปฏิกิริยาขึ้นมา มิใช่การเปลี่ยนแปลงที่ชั้นใต้ดินทำให้เกิดขึ้นมาด้วยตัวเองเหมือนในสงครามทะเลตะวันออกครั้งก่อน

แต่ว่า ความวุ่นวายนี้รุนแรงและเนิ่นนานเหมือนกัน แทบจะส่งผลไปทั่วทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออก

และคลื่นอัคคีร้อนแรงที่ก่อให้เกิดความปั่นป่วนนี้ก็รุนแรงเช่นกัน ฟู่เอินซูรู้สึกตกใจ ‘ปีศาจอัคคีคิดสู้ตายตอนจนตรอกหรือ?’

ขณะที่คิดเช่นนี้ ฟู่เอินซูก็รีบพาเฟิงอวิ๋นเซิงกับอิ่นหลิวหัวหลบหลีกเปลวไฟที่ร้อนแรงท่ามกลางทะเลเพลิง

ตอนนี้รอบๆ ต่างเต็มไปด้วยเปลวไฟ นางทำได้เพียงเลือกไปยังสถานที่ที่สภาวะไฟค่อนข้างอ่อนแอ ไม่อาจส่งลูกศิษย์ทั้งสองออกจากทะเลตะวันออกได้ชั่วคราว

เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงด้านสถานที่ บนทะเลตะวันออกในตอนนี้ โดยเฉพาะบนทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออก ก็เกิดสถานการณ์ปีศาจอัคคีอาละวาดขึ้นอีกครั้ง

ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ พลังต่อสู้ของปีศาจอัคคีได้รับการส่งเสริม แม้กระทั้งปีศาจอัคคีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสค่อยๆ ฟื้นฟูร่างกายขึ้นมาได้

พวกมันฉวยโอกาสโต้กลับ ดีที่จอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ใจเย็นพอ ถึงแม้จะถูกไฟซุ่มโจมตี แต่ก็รักษารูปกระบวนไว้ได้ ตีการโต้กลับของปีศาจอัคคีกลับไป

ฟู่เอินซูเองก็เคลื่อนไหวกลางทะเลเพลิงอย่างอดทน นางรับประกันความปลอดภัยของพวกลูกศิษย์ก่อนเป็นอันดับแรก ขณะเดียวกันก็ป้องกันการโจมตีของปีศาจอัคคีที่คอยฉวยโอกาส

ความวุ่นวายในครั้งนี้ไม่เหมือนกับการเผาทะเลตะวันออก หรือการเปลี่ยนแปลงของชีพจรดินเหมือนตอนที่ปีศาจอัคคีรุกรานในครั้งก่อน

การเปลี่ยนแปลงในตอนนั้น ถ้าหากไม่แก้ไขปัญหาที่ชีพจรดิน มันก็จะคงสภาพอยู่ต่อไป

แต่ว่าครั้งนี้ ขอแค่ทนได้ ความวุ่นวายย่อมค่อยๆ สงบลง

สายตาของฟู่เอินซูมองไปยังน่านน้ำที่ประตูทางเชื่อมเขตแดนตั้งอยู่ ตอนนี้นางเป็นห่วงสถานการณ์รบทางด้านนั้นมากกว่า ถึงอย่างไรที่นั่นก็เป็นจุดสำคัญที่ใช้ตัดสินทิศทางการรบบนทะเลตะวันออก หรือแม้แต่โชคชะตาในอนาคตของโลกแปดพิภพ

และในตอนนี้ ที่นั่นก็มีสภาพปั่นป่วนยิ่ง

แสงสีทองยิ่งใหญ่สว่างเจิดจ้า ปกคลุมท้องนภาเอาไว้

ที่ด้านล่างเป็นโลกสีแดงฉานทั้งผืน ที่ถูกแสงสีขาวกดดันให้สั่นไหวไม่หยุด คลื่นอัคคีถูกอัดไว้จนกระจายตัวไปรอบสี่ทิศแปดทาง

ใจกลางโลกที่เกิดขึ้นจากไฟก็คือประตูทางที่เชื่อมไปยังโลกปีศาจอัคคี ในตอนนี้หินหนืดในประตูกำลังพวยพุ่งไม่หยุด

ร่างส่วนล่างของมหาราชันปีศาจอัคคีตัวนั้นจมอยู่ในทะเลเพลิง มีเพียงร่างกายส่วนบนเท่านั้นที่อยู่ด้านนอก ศีรษะวัวขนาดยักษ์กับบนกรงเล็บเสือสองข้างมีเพลิงปีศาจอันน่ากลัวกำลังสั่นไหว

ราชันปีศาจอัคคีส่วนใหญ่ห้อมล้อมมหาราชันปีศาจอัคคีตัวนี้ ร่างส่วนล่างจมอยู่ในทะเลเพลิงเช่นกัน

ปีศาจอัคคีจำนวนมากส่งเสียงร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งไม่ขาดสาย ขณะเดียวกันเปลวเพลิงมากมายก็รวมตัวกันกลายเป็นลวดลายอาคมสีแดงฉานอันแล้วอันเล่า

ลวดลายอาคมสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนประกอบกันเป็นม่านแสงครอบฟ้าครอบอาทิตย์

ภายในแสงสีขาวนั้น ยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ที่มีเยี่ยนตี๋เป็นผู้นำ ก็โจมตีปีศาจอัคคีที่อยู่ด้านล่างต่ออย่างกล้าหาญชาญชัยเช่นกัน

ค่ายกลเทพไท่อี่ถล่มทลายทำงานอย่างหนัก เปลวไฟสายแล้วสายเล่าถูกแสงสีขาวหยุดไว้ และถูกทำให้สลายหายไป

การโจมตีของเหล่ายอดฝีมือเผ่ามนุษย์พุ่งลงด้านล่างเหมือนห่าฝน ถล่มม่านแสงสีแดงฉานนั้น จนมันสั่นไหวคล้ายกับคลื่นน้ำก็ไม่ปาน

ม่านน้ำสีแดงฉานพังทลายติดต่อกัน ลวดลายอาคมมากมายซ่อมแซมม่านน้ำให้กลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้ง

ทั้งสองฝ่ายไม่ยอมลดราวาศอก ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยการต่อสู้

จอมยุทธ์เผ่ามนุษย์คนอื่นที่อยู่รอบๆ กำลังจัดการปีศาจอัคคีเบื้องหน้า ขณะเดียวกันก็ให้ความสนใจสถานกาณณ์รบของที่นี่เช่นกัน

ดวงอาทิตย์สีทองสิบกว่าดวงลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า แสงอาทิตย์อันละลานตาส่องสว่างทะเลเพลิงสีแดงบริเวณใกล้เคียงให้กลายเป็นสีทองบริสุทธิ์

ยอดฝีมือด้านวรยุทธ์จากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ลงมือพร้อมกัน เข่นฆ่าพวกจ้าวปีศาจอัคคีที่คิดจะไปยังประตูทางเชื่องเขตแดน

ผู้นำก็คือเจ้าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนปัจจุบัน หวงซวี่

ทะเลตะวันออกและปฐพีพิภพเกิดการเปลี่ยนแปลงพร้อมกัน ปีศาจอัคคีกับนพยมโลกเปิดการจู่โจมในเวลาเดียวกัน โลกแปดพิภพเผชิญหน้ากับด่านยากที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ยอดฝีมือระดับสุดยอดจากทุกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่มีใครนั่งสุขสบายได้ ต่างเข้าร่วมในสงครามของทั้งสองแห่ง

หลังจากเข่นฆ่าจ้าวปีศาจอัคคีเบื้องหน้าแล้ว หวงซวี่ก็มองไปยังโลกแสงสีขาวซึ่งครอบคลุมท้องนภาใบนั้น

“ทางด้านปฐพีพิภพตอนนี้เกิดเหตุการณ์อันใดขึ้นกันแน่”

สายตาของหวงซวี่มองไปยังสถานที่ที่อยู่ไกลออกไปโดยไม่กระพริบตา พลางเอ่ยถามขึ้น

ผู้อาวุโสสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างเขาตอบเสียงทุ้ม “ยังไม่ทราบถึงสถานการณ์ที่ชัดเจน พวกผู้อาวุโสของสำนักเราที่เข้าไปในเหวลึกของปฐพีพิภพ จนกระทั่งถึงตอนนี้ยังไม่เห็นมีใครออกมา”

“สถานการณ์ของสำนักอื่นเช่นเขากว่างเฉิงก็ไม่แน่ชัดเช่นกัน”

“ทว่าเมื่อมองจากรอบนอกของปฐพีพิภพ ความผิดปกติก่อนหน้านี้ของปฐพีพิภพคล้ายกับสงบลงแล้ว พลังชั่วร้ายในตอนนี้ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นอ่อนแอ กลับสู่ระดับธรรมดาอย่างที่เคยเป็น”

“สัตว์ประหลาดทั้งหลายที่หนีออกมาจากในปฐพีพิภพก็เหมือนกับกำลังล่าถอยไปเช่นกัน”

“ตอนนี้เตรียมส่งคนเข้าไปในปฐพีพิภพ เพื่อสังเกตสถานการณ์อย่างเป็นรูปธรรมแล้ว”

หวงซวี่ฟังอย่างสงบ ก่อนจะกล่าวพลางครุ่นคิด “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร ก็ไม่ต้องเป็นห่วงทางปฐพีพิภพชั่วคราว”

สายตาของเขามองที่ประตูทางเชื่อมปฐพีพิภพ “จุดสำคัญในตอนนี้อยู่ที่นี่แล้ว”

หวงซวี่หันไปมองด้านหลัง “ทำตะเกียงวิเศษอีกเถอะ ถึงแม้อาจารย์ปู่ของเจ้าจะมีแล้ว แต่ตอนนี้เป็นการต่อสู้ตัดสินแล้ว”

ด้านหลังเขายืนไว้ด้วยคนหนุ่มหน้าตาธรรมดาผู้หนึ่ง ซึ่งทำให้คนมองข้ามได้โดยง่ายเหมือนกับเงาใต้ดวงอาทิตย์ เป็นบุตรของหวงซวี่ คุณชายจรัสแสง หวงเจี๋ย

หวงเจี๋ยพยักหน้าอย่างราบเรียบ “ข้าคิดอยู่พอดี”

บนนิ้วข้างขวาของเขามีเส้นแสงสายหนึ่งยืดออกมาราวมีดคม จากนั้นก็เฉือนข้อมือด้านซ้ายของตัวเองเบาๆ

ครั้นเลือดสดๆ พุ่งออกมา เส้นแสงที่ปลายนิ้วของหวงเจี๋ยก็ขยายใหญ่ขึ้น กลายเป็นลำแสงครอบคลุมตัวเองไว้

ด้านในลำแสงนั้น เลือดสดสีแดงฉานกลายเป็นสระน้ำสีทอง จากนั้นก็ค่อยๆ จับตัวกันกลายเป็นตะเกียงสีทองใบหนึ่ง

ผิวของหวงเจี๋ยเปลี่ยนเป็นซีดขาว ประกายตาในดวงตาทั้งสองข้างริบหรี่ลงไป ดูแล้วไร้เรี่ยวแรงถึงขีดสุด

ทว่าสีหน้าของเขาราบเรียบ จากนั้นเขาก็กระดิกนิ้วเบาๆ ตะเกียงสีทองพลันลอยไปหาหวงซวี่บิดาของตน

หวงซี่มีสีหน้าเคร่งขรึม รับตะเกียงสีทองไว้อย่างทะนุถนอม

หวงเจี๋ยกล่าวเสียงเรียบ “ในตอนนี้สถานการณ์ปั่นป่วนยิ่ง เมื่อมีหลายเรื่องที่สามารถทำได้ พวกเราจะทำให้โอกาสสูญเปล่าไม่ได้”

“แต่มิอาจโลภเกินไป” หวงซวี่กล่าว “เรื่องอื่นมอบให้เจ้าจัดการแล้วกัน ข้าเชื่อว่าเจ้าจะจัดลำดับความสำคัญได้”

บุตรชายพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะคำนับยอดฝีมือระดับสูงของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่รอบๆ “ลำบากทุกท่านแล้ว”

ยอดฝีมือเหล่านั้นพยักหน้าให้กับหวงซวี่ จากนั้นก็พาหวงเจี๋ยผละไปพร้อมกัน หวงซวี่กับคนอื่นมองโลกแสงสีทองที่อยู่ไกลออกไป

การต่อสู้เสี่ยงชีวิตของยอดฝีมือเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจอัคคีตรงนั้นยิ่งมายิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา

เยี่ยนจ้าวเกอผ่านการเดินทางอันแสนยากลำบาก ข้ามทะเลเพลิงหนาหนัก ในที่สุดก็มาถึงที่นี่

‘ท่านพ่อน่าจะนำของมาด้วยกระมัง?’ เยี่ยนจ้าวเกอมองทิศทางของประตูทางเชื่อมเขตแดน พึมพำกับตัวเอง