ภาค 6 ยันฟ้าด้วยมือเดียว บทที่ 490 ถึงเวลาแล้ว

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอทอดสายตามองไกลออกไป เขาไตร่ตรองในใจไปพลาง เข้าใกล้ประตูทางเชื่อมเขตแดนไปพลาง

สงครามแห่งยุคที่เกิดขึ้นจากพลังของยอดฝีมือระดับศักดิ์สิทธิ์ แค่เพียงคลื่นที่หลงเหลืออยู่ ก็ทำให้จอมยุทธ์ระดับมหาปรมาจารย์ต้านทานไม่ไหวและเข้าใกล้ไม่ได้แล้ว

ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอปรากฎตัวขึ้นอย่างกระทันหัน อีกทั้งยังเข้าใกล้ใจกลางสนามรบ จึงดูโดดเด่นในสายตาของจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ที่อยู่รอบๆ

ชายหนุ่มรู้สึกว่าพลังฝึกปรือในตอนนี้ของตน มิอาจป้องกันการโหมพัดของคลื่นเพลิงที่ซัดสาดได้

แทบจะเป็นในชั่วพริบตา ร่างก็เกือบจะมอดไหม้แล้ว

แต่เขายังคงมีสีหน้าราบเรียบ ใช้สองมือวาดรูปประหลาดมากมายกลางอากาศด้านหน้า

แสงสีขาวบนรูปภาพสว่างไสว กลายเป็นเส้นสีขาวสายหนึ่งวาดผ่านอากาศ ก่อนจะตกลงไปในโลกแสงสีขาวที่เกิดขึ้นจากค่ายกลไท่อี่ถล่มทลาย

ด้านในค่ายกลพลันปล่อยลำแสงสีขาวลงมาครอบคลุมเยี่ยนจ้าวเกอเอาไว้ จากนั้นก็พาเขาเข้าไปภายใน

เหล่ายอดฝีมือมากมายบนทะเลตะวันออกจึงค่อยคิดขึ้นได้ว่า เยี่ยนตี๋เคยกล่าวไว้ ว่าค่ายกลอันแข็งแกร่งที่สั่นสะเทือนโลกแปดพิภพ ล้วนเป็นการค้นพบของเยี่ยนจ้าวเกอทั้งหมด

เยี่ยนจ้าวเกอเข้าไปในค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายแล้ว เขาเห็นบิดาของตนเอง ผู้อาวุโสม่อ หวงกวงเลี่ย ซ่งอู๋เลี่ยง ทั้งสี่คนกำลังขับเคลื่อยค่ายกลอยู่ตรงกลาง

ในค่ายกลยังมีผู้คุมหอคลื่นโหมอันชิงหลิน และเมิ่งหวานที่มีมงกุฎจันทราอยู่ด้วย

เจ้าสำนักเขาไร้พรมแดนฉู่เหยียนได้รับบาดเจ็บปางตาย อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขวานจามสวรรค์ก็ได้รับความเสียหายไม่น้อยเช่นกัน

ในตอนนี้ฉู่เหยียนกลับภูผาพิภพ โดยมีจอมยุทธ์เขาไร้พรมแดนคุ้มเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้จะขวานจามสวรรค์จะยังคงอยู่ และได้รับการดูแลจากยอดฝีมือของเขาไร้พรมแดนผู้หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เข้ามาในค่ายกลไท่อี่ถล่มทลาย

อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับคามเสียหายอย่างหนักหน่วงชิ้นนี้ ในตอนนี้รั้งอยู่ด้านนอก บัญชาการอยู่ที่ศูนย์กลาง ช่วยเหลือจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์คนอื่นกวาดล้างปีศาจอัคคีที่หนีเข้ามายังทะเลตะวันออก

ครั้นเยี่ยนจ้าวเกอเห็นมงกุฎจันทรา แม้ใบหน้าของเขาจะไร้อารมณ์ แต่จิตใจสั่นสะท้านเล็กน้อย

เขารู้สึกได้ว่า ตราประทับตะวันที่อยู่ในสภาวะหลับใหล และไม่มีความผิดปกติใดๆ หลังจากตนเก็บไว้ในถุงย่อส่วน ในตอนนี้ถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย

มีอารมณ์ที่คล้ายกับมนุษย์สายหนึ่งส่งออกมาจากในอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ ราวกับสหายเก่าได้พบพานกัน

เมิ่งหวานที่ใช้มงกุฎจันทราอยู่พลันดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย คล้ายกับรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวอันผิดแผกไปที่มงกุฎจันทราส่งมา

แต่ว่าความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในพริบตาเดียว ไม่ทันไรตราประทับตะวันก็เงียบงันลงอีกครั้ง สงบลงคล้ายกับเมื่อครู่นี้เป็นเพียงความรู้สึกมายา

เยี่ยนจ้าวเกอสลัดความคิดของตนทิ้งไป สนใจเหตุการณ์ตรงหน้าก่อน

ครั้นเยี่ยนตี๋เห็นเยี่ยนจ้าวเกอ เขาไม่ได้สนใจความยินดีที่พ่อลูกได้พบกัน เพียงแต่ถามโดยตรงว่า “จ้าวเกอ สถานการณ์ทางปฐพีพิภพเป็นอย่างไรบ้าง”

“ปฐพีพิภพไม่มีปัญหาใหญ่อีกแล้ว ความผิดปกติสงบลง การรุกรานของนพยมโลกถูกสะกดอีกครั้งหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องกังวลถึงชั่วคราว” เยี่ยนจ้าวเกอรายงานอย่างรวดเร็ว “เพียงแต่จอมยุทธ์ผู้อาวุโสของแต่ละสำนักได้รับบาดเจ็บสาหัส โลกแปดพิภพสูญเสียอย่างใหญ่หลวง”

ขณะที่พูด ดวงตาของเยี่ยนจ้าวเกอปรากฎประกายเย็นเยียบ “เจ้าตำหนักอัสนีสวรรค์ เฉินลี่หนีไปกลางคัร!”

พวกเยี่ยนตี๋ตอนแรกรู้สึกผ่อนคลาย แต่ต่อมาก็เกิดความตึงเครียด

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้บอกว่าหยวนเจิ้งเฟิงเป็นอย่างไร แต่พวกเยี่ยนตี๋ที่สังเกตสีหน้าของชายหนุ่มได้ ต่างก็เดาออกว่าชีวิตของหยวนเจิ้งเฟิงอย่างน้อยก็ยังไม่มีอันตราย

แต่ว่าภัยพิบัติบนปฐพีพิภพสงบลงแล้ว หยวนเจิ้งเฟิงกลับไม่ได้มาช่วยทะเลตะวันออก หมายความว่าสถานการณ์ของเขาคงไม่ดีมากนัก

เฉินลี่เองก็ไม่ได้มายังทะเลตะวันออกเช่นกัน ในใจของทุกคนอดเกิดความคับแค้นไม่ได้

การต่อสู้กับปีศาจอัคคีในปัจจุบันมาถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว ถ้าหากว่าหยวนเจิ้งเฟิงกับเฉินลี่มาร่วมสงครามได้ เช่นนั้นเผ่ามนุษย์ย่อมเอาชนะได้อย่างแน่นอน

เยี่ยนจ้าวเกอมองเยี่ยนตี๋ “ท่านพ่อ ยินดีด้วยที่ท่านเลื่อนเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ กลายเป็นจอมยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว!”

จอมยุทธ์ที่อายุน้อยที่สุดในโลกแปดพิภพหลังมหาภัยพิบัติ และเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนระดับเดียวกัน

“เป็นการเริ่มต้นใหม่อีกครั้งเท่านั้น” เยี่ยนตี๋มือขวาถือดาบ โจมตีใส่ปีศาจอัคคีด้านล่างด้วยพลังดาบอันรุนแรง

เขาชูมือซ้ายขึ้นเบาๆ เจดีย์สีแดงที่มีลายมังกรสีน้ำเงินติดอยู่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ก่อนที่เขาจะกระซิบกับเยี่ยนจ้าวเกอว่า ‘ที่ออกฌานได้เร็วถึงเพียงนี้ ก็เป็นเพราะของวิเศษชิ้นนี้ หวังว่ามันในตอนนี้จะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้อีก’

บุตรชายมองเจดีย์วิเศษสีแดงองค์นั้น อดยิ้มขึ้นไม่ได้ ‘ท่านนำมันมาจริงๆ ด้วย’

‘อาจารย์ปู่ไม่เป็นไร เพียงแต่ติดอยู่ในกระแสปั่นป่วนของมิติ ไม่รู้ว่าไปยังโลกใด ส่วนอาจารย์ลุงสองได้รับบาดเจ็บสาหัส ดีที่มีเสื้อคลุมเอกนภาคอยช่วยไว้ ไม่ต้องห่วงแล้วขอรับ’

เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งเหาะเข้าไปหาเจดีย์วิเศษสีแดง ทางหนึ่งกระซิบอธิบายสถานการณ์คร่าวๆ ให้กับเยี่ยนตี๋

เมื่อร่างหล่นลงบนเจดีย์ เยี่ยนจ้าวเกอก็ใช้สองมือตบใส่ยอดเจดีย์ บนนั้นพลันมีโซ่สีแดงหลายเส้นปรากฏขึ้นมา

พวกเยี่ยนตี๋กระตุ้นค่ายกล โซ่แสงสีขาวหลายสายยืดออกมาจากด้านใน แยกกันพันโซ่สีแดงเอาไว้อย่างสอดคล้อง

ชายหนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วหยิบแหวนสีแดงก่ำวงหนึ่งออกมา

เขาฟาดฝ่ามือส่งแหวนวงนี้เข้าใส่ยอดเจดีย์วิเศษสีแดง ฉับพลันนั้นมีเพลิงโหมลุกไหม้ด้านในค่ายกลไท่อี่ถล่มทลาย

พวกเยี่ยนตี๋ดวงตาเป็นประกาย ไม่ได้ขัดขวาง

ทว่าพวกปีศาจอัคคีที่อยู่เบื้องล่างต่างเงียบงันในฉับพลัน เสียงคำรามอันบ้าคลั่งหยุดชะงักในทันใด

ในวินาทีถนัดมา เสียงคำรามที่บ้าคลั่งกว่าเดิมก็ดังขึ้น ยอดฝีมือเผ่าปีศาจอัคคี รวมถึงมหาราชันปีศาจอัคคีคล้ายกับคลั่งขึ้นมา โจมตีใส่ค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายที่อยู่ด้านบน

โลกปีศาจอัคคีที่อยู่อีกด้านหนึ่งของประตูทางเชื่อมเขตแดน ในตอนนี้ก็คลุ้มคลั่งกว่าเดิมเช่นกัน เหมือนกับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตก็ไม่ปาน

เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าตื่นตระหนก เขาตบสองมือออกอีกครั้ง เจดีย์สีแดงองค์นั้นกลายเป็นเปลวไฟสายหนึ่ง พุ่งลงไปด้านล่าง

ภายใต้การเหนี่ยวนำของโซ่สีแดงและโซ่แสงสีขาวมากมาย โลกแสงสีขาวขนาดยักษ์ที่เกิดขึ้นจากค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายก็พุ่งลงไปด้านล่างพร้อมกัน

ชั่วขณะนั้น ท้องนภาคล้ายกับถูกกระตุ้น มิติบิดเบี้ยวและซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ อย่างต่อเนื่อง

ปีศาจอัคคีมองเจดีย์วิเศษที่ฝังแหวนสีแดงก่ำตกลงมา พวกมันยังไม่ทันได้รู้สึกยินดีก็พบว่า ชีพจรดินบริเวณทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกกำลังเคลื่อนไหวกลับด้าน โดยมีแหวนสีแดงก่ำวงนั้นและเจดีย์วิเศษเป็นแกนกลาง

การกัดกร่อนโลกแปดพิภพจากโลกปีศาจอัคคีถูกตัดขาด

ท้องฟ้าเบื้องบนถล่มลงด้านล่าง แผ่นดินและท้องทะเลเบื้องล่างพลิกกลับพร้อมกัน

โลกแปดพิภพทั้งหมดในตอนนี้คล้ายกับสั่นไหวขึ้นมา ก่อเกิดเป็นพลังบิดเบี้ยว กีดกันโลกปีศาจอัคคีกับพวกปีศาจอัคคี

พลังของค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายในตอนนี้ปรากฏออกมาให้เห็นอย่างหมดจด แสงสว่างมากมายเกี่ยวกระหวัดกันกลางฟ้าดิน สังหารปีศาจอัคคี และทำลายเพลิงมารพร้อมกับมิติที่ปั่นป่วน

ตาชั่งแห่งชัยชนะในตอนนี้เอียงไปทางจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์แล้ว!

บัดนี้ พลังของค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายรวมตัวกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ก่อเป็นเป็นแรงต้านอันมหาศาล

เมิ่งหวานกับมงกุฎจันทรา รวมถึงอันชิงหลินถูกดีดออกนอกค่ายกล

เยี่ยนจ้าวเกอกระตุ้นค่ายกลต่อพร้อมกับพวกเยี่ยนตี๋สี่คน ยืมพลังของฟ้าดิน สะกดเหล่าปีศาจอัคคี

พวกเมิ่งหวานได้รับคำเตือนจากเยี่ยนจ้าวเกอก่อนแล้ว ยามนี้จึงไม่รู้สึกประหลาดใจ เพียงแต่มองโลกสีขาวที่พุ่งลงด้านล่างอยู่ด้านนอก พร้อมกับรอคอยชัยชนะในตอนสุดท้าย

จอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ต่างฮึกเหิม

หวงซวี่มองเหตุการณ์นี้ พลางกล่าวเสียงเบา “ถึงเวลาแล้ว”

พร้อมกันนั้นเอง หวงกวงเลี่ยที่อยู่กลางค่ายกลก็เคลื่อนไหวอย่างเรียบง่าย โดยที่สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลงสักนิด เขาพลันแบมืออก ปรากฏตะเกียงสีทองใบหนึ่ง