“ลูกชายคนดีของข้า! ในที่สุดก็โตเป็นผู้ใหญ่เสียที!”
พระหัตถ์ของฮ่องเต้ตบลงที่แผ่นหลังของซย่าโหวฉิงเทียนด้วยแรงที่ไม่เบานัก
เริ่มต้นเสียที เมื่อได้ลิ้มรสของหญิงสาวก็จะได้เป็นผู้ชายเต็มตัวอย่างแท้จริง!
“ข้าเป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้ว…”
ซย่าโหวฉิงเทียนยังคงไม่เข้าใจว่าเหตุใดซย่าโหวจวินอวี่ถึงได้เบิกบานถึงเพียงนี้
แค่เขาอยากแต่งงาน ท่าทีของฝ่าบาทดีพระทัยเสียจนออกนอกหน้า
“เหอะๆ ข้าเข้าใจแล้ว!”
ซย่าโหวจวินอวี่ขยิบตาให้กับซย่าโหวฉิงเทียน สื่อความหมายว่า ‘เขาจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเพื่อรักษาหน้าของซย่าโหวฉิงเทียนเอาไว้ จะไม่แพร่งพรายเรื่องที่ว่าเขาเขินอายกับการเป็นชายหนุ่มเต็มตัวครั้งแรกของเขาอย่างแน่นอน’
“ข้าก็เคยก้าวทีละก้าวเช่นนี้แหละ!”
ว่าแล้วฮ่องเต้ก็โบกพระหัตถ์
“เด็กๆ เชิญเจ้ากรมพิธีการเข้าวัง!” เจ้านายดีใจ แน่นอนว่าเซี่ยงจิ้นย่อมต้องดีใจเช่นกัน
เซี่ยงจิ้นรีบวิ่งเหยาะๆ มาที่หน้าพระพักตร์ ประสานมือที่หว่างอกคารวะแสดงความยินดี
“อื้ม!”
ซย่าโหวฉิงเทียนยังคงไว้ซึ่งความทะนงตนสูงส่งดังเดิม เพียงแต่ใบหน้าของเขาตั้งแต่แก้มไปจนถึงใบหูกำลังบ่งบอกทุกสิ่งทุกอย่างในใจของเขาออกมา
เห็นเขาเช่นนี้ เซี่ยงจิ้นก็คลายความกังวลไปได้มาก
ในระยะนี้ แม้กระทั่งเวลาที่บรรทม ฮ่องเต้ก็ยังทรงละเมอออกว่า ‘ฝึกร่วม’ อีกทั้งพฤติกรรมของพระองค์ก็แปลกประหลาดเข้าไปทุกวัน
บัดนี้ ในที่สุดหลิงเจียงอ๋องก็เข้าใจเรื่องราวระหว่างหญิงชายได้เสียที แน่นอนว่าฝ่าบาทจะต้องทรงดีพระทัยอย่างที่สุดอยู่แล้ว เชื่อว่าอีกไม่นาน พวกเขาก็จะได้รับใช้เจ้านายตัวน้อยแล้วกระมัง!
ซาลาเปาน้อยที่แสนน่ารักน่าชัง จะต้องสนุกมากแน่ๆ
ในขณะที่เซี่ยงจิ้นกำลังจินตนาการไปไกลถึงว่าจะปรนนิบัติเจ้านายตัวน้อยอย่างไร ทว่าในใจของซย่าโหวฉิงเทียนกลับกำลังคิดใคร่ครวญอีกเรื่องหนึ่งอยู่
แมวน้อยสำเร็จถึงปรมาจารย์ขั้นปลายแล้ว ห่างจากจอมปราชญ์อาวุโสอีกไม่ไกล
คราวก่อนเขาทำให้แมวน้อยตกอกตกใจมากทีเดียว
ซึ่งเขาอาศัยช่วงเวลาที่นางนอนหลับ ลองสังเกตเปรียบเทียบขนาดท้องน้อยของอวี้เฟยเยียนดู
เห็นชัดเจนว่านางรูปร่างเล็กเกินไป จึงรับขนาดอันใหญ่โตของเขาไม่ไหว
จะทำอย่างไรดีถึงจะทำให้แมวน้อยไม่หวาดกลัว ไม่บาดเจ็บ สามารถฝึกร่วมกับเขาได้อย่างมีความสุข
นี่นับเป็นปัญหาใหญ่!
คิดไปคิดมาซย่าโหวฉิงเทียนก็ตัดสินใจว่ารอให้ตี้อู่เฮ่ออีหายดีเสียก่อน หลังจากนั้นเขาค่อยไปขอคำชี้แนะจากเขา
หลังจากที่เชียนเยี่ยเสวี่ยช่วยตี้อู่เฮ่ออีออกมาได้แล้วส่งข่าวมา อวี้เฟยเยียนก็รีบรุดไปที่เรือนอ้ายเหลียนเพื่อตรวจอาการให้กับตี้อู่เฮ่ออีในทันที ทั้งยังสั่งยาให้เขาแล้วด้วย
มียาวิเศษของแมวน้อย ตี้อู่เฮ่ออีจะต้องหายในเร็ววันอย่างแน่นอน
ถึงตอนนั้นเขาจะต้องตั้งใจไปขอคำชี้แนะจากเขา
เขาจะไม่ให้แมวน้อยต้องหวาดกลัวเขา…
ฮ่องเต้ทรงมองดูซย่าโหวฉิงเทียนที่เริ่มเข้าสู่สภาวะตกอยู่ในภวังค์ของตนเองเช่นนั้น ก็ทรงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกมาในขณะที่ทอดพระเนตรเขาไปด้วย
พระองค์ทอดพระเนตรมองเขาแล้วยิ้มปริ่ม ‘คงจะคิดถึงความสวยงามนั้นอยู่ละสิ!’
ลูกชายของเขามีคุณสมบัติขั้นพื้นฐานดีพร้อมทุกด้าน ความสามารถก็ยอดเยี่ยม รูปร่างหน้าตาจะมองมุมไหนก็รูปงาม
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ทำให้ผู้คนมองดูไม่มีเบื่ออยู่แล้ว!
ตอนนี้ เขามีเจ้าของแล้ว ซึ่งก็ทำให้ฝ่าบททรงดีพระทัยเป็นอย่างมาก
สิ่งที่พระองค์ทรงคาดหวังมาตั้งหลายปี ในที่สุดก็มีคนมาสยบเขาลงได้เสียที!
หลังจากที่รู้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนพาอวี้เฟยเยียนไปท่องเที่ยวที่สวนชาแดง ซย่าโหวจวินอวี่ก็ตั้งใจภาวนาต่อหน้าบรรพชนอยู่เป็นนาน คาดหวังให้พวกเขารีบผลิตเจ้าตัวน้อยขึ้นมาเร็วๆ
หากไม่ใช่อาณาจักรเสวี่ยสร้างเรื่องโรคระบาดบ้าๆ นี่ขึ้นมาเสียก่อน ไม่แน่ว่าป่านนี้คนทั้งสองอาจจะได้ผลิตเจ้าตัวน้อยกันย่างเปรมปรีดิ์ไปแล้ว!
อาณาจักรเสวี่ยสมควรตาย!
ขัดคอเรื่องดีๆ ของพวกเขาเสียได้!
เมื่อคิดได้ว่าคณะราชทูตของอาณาจักรเสวี่ยยังคงถูกคุมขังอยู่ ฉับพลันพระพักตร์ของฮ่องเต้ก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที
“เสด็จพี่ เป็นอะไรไป”
รับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนไปของซย่าโหวจวินอวี่ ซย่าโหวฉิงเทียนก็ได้สติกลับมาจากการภวังค์
“ข้าคือเสด็จพ่อ เสด็จพ่อ!”
เห็นซย่าโหวฉิงเทียนเป็นเช่นนี้ ซย่าโหวจวินอวี่ก็ถึงกับกำหมัดทุบลงบนโต๊ะสีหน้าขุ่นเคือง นับตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่เคยได้ยินคำเรียกว่า ‘เสด็จพ่อ’ จากปากซย่าโหวฉิงเทียนอีกเลย
จะเอาใจจนซย่าโหวฉิงเทียนยอมเรียกเขาว่าเสด็จพ่อสักคำหนึ่ง เหตุใดถึงได้ยากเย็นเพียงนี้นะ
ในขณะที่ซย่าโหวจวินอวี่กำลังครุ่นคิดด้วยความสับสนอย่างหนักนั่นเอง ซย่าโหวฉิงเทียนก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีขี้เกียจต่อปากต่อคำ
“เสด็จพ่อ…”
พริบตานั้นซย่าโหวจวินอวี่ถึงกับอยากร้องไห้ขึ้นมาทันที
ลูกเอ๋ย นี่เจ้ากำลังล้อพ่อเล่นอยู่หรือเปล่า
ขอร้องแทบเป็นแทบตายเจ้ากลับไม่ยอมเอ่ยเรียกสักคำ
มาตอนนี้บทจะเรียกก็เรียก ‘เสด็จพ่อ’ เสียงดังฟังชัดเสียได้ ‘ข้า…กลัวเจ้าแล้วจริงๆ!’
โบราณว่าเอาไว้ไม่ผิด มีลูกคือการชดใช้กรรม!
เจ้าเป็นเจ้ากรรมนายเวรของข้าโดยแท้!
แต่จะอย่างไรก็ตามภายหลังจากที่ซย่าโหวจวินอวี่กลัดกลุ้มอยู่เป็นนานก็ยังมีเรื่องให้ดีใจอยู่บ้าง เพราะเขาชื่นชอบความสัมพันธ์ฉันพ่อลูกที่สนิทชิดเชื้อเช่นนี้ยิ่งนัก และมีความสุขทุกครั้งที่ได้ใช้เวลาอยู่กับลูกชายตามลำพัง
ถึงแม้ว่าในทุกครั้งที่ซย่าโหวฉิงเทียนเอ่ยปากจะทำให้เขาโกรธจนแทบเป็นแทบตาย!
แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น ก็ใครใช้ให้เขาเป็นลูกชายของเขากันเล่า!
จนกระทั่งฮ่องเต้เอ่ยถึงเรื่องของอาณาจักรเสวี่ย ซย่าโหวฉิงเทียนถึงได้เลิกคิ้วขึ้น โบกไม้โบกมือไปมาปากก็เอ่ยขึ้นว่า
“หมดห่วงได้เลย! เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของข้า! ในเมื่อพวกมันแกล้งตาย เช่นนั้นก็ส่งพวกมันไปตายจริงๆ เสียเลย!”
“ช้าก่อน…”
ด้วยรู้ดีว่าซย่าโหวฉิงเทียนเป็นพวกเน้นที่การกระทำ หากเขาลงมือ แน่นอนว่าคณะราชทูตแห่งอาณาจักรสวี่ยจะต้องไม่มีชีวิตรอดอย่างแน่นอน ดังนั้นซย่าโหวจวินอวี่จึงรีบห้ามเขาเอาไว้
“ทำไม! ฆ่าพวกมันไม่ได้” ซย่าโหวฉิงเทียนหันหน้ากลับมา จ้องมองฮ่องเต้ด้วยความไม่เข้าใจ
เขาไม่ถูกชะตากับอาณาจักรเสวี่ยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว! มาตอนนี้พวกมันยังสร้างเรื่องวุ่นวายนี่ขึ้นมา ขัดขวางเวลาที่เขาจะได้ใกล้ชิดกับแมวน้อยอีก ยิ่งสมควรตาย!
โดยเฉพาะองค์หญิงปัญญาอ่อนนั่น สายตาของนางทำให้เขาขยะแขยง
แส่หาเรื่อง!