ตอนที่ 114-3 ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีสิ่งมาหักล้างกันได้เสมอ ท่านอ๋องกลัวเมีย

จำนนรักชายาตัวร้าย

“ลูกชายคนดีของข้า! ในที่สุดก็โตเป็นผู้ใหญ่เสียที!”

 

 

พระหัตถ์ของฮ่องเต้ตบลงที่แผ่นหลังของซย่าโหวฉิงเทียนด้วยแรงที่ไม่เบานัก

 

 

เริ่มต้นเสียที เมื่อได้ลิ้มรสของหญิงสาวก็จะได้เป็นผู้ชายเต็มตัวอย่างแท้จริง!

 

 

“ข้าเป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้ว…”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนยังคงไม่เข้าใจว่าเหตุใดซย่าโหวจวินอวี่ถึงได้เบิกบานถึงเพียงนี้

 

 

แค่เขาอยากแต่งงาน ท่าทีของฝ่าบาทดีพระทัยเสียจนออกนอกหน้า

 

 

“เหอะๆ ข้าเข้าใจแล้ว!”

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่ขยิบตาให้กับซย่าโหวฉิงเทียน สื่อความหมายว่า ‘เขาจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเพื่อรักษาหน้าของซย่าโหวฉิงเทียนเอาไว้ จะไม่แพร่งพรายเรื่องที่ว่าเขาเขินอายกับการเป็นชายหนุ่มเต็มตัวครั้งแรกของเขาอย่างแน่นอน’

 

 

“ข้าก็เคยก้าวทีละก้าวเช่นนี้แหละ!”

 

 

ว่าแล้วฮ่องเต้ก็โบกพระหัตถ์

 

 

“เด็กๆ เชิญเจ้ากรมพิธีการเข้าวัง!” เจ้านายดีใจ แน่นอนว่าเซี่ยงจิ้นย่อมต้องดีใจเช่นกัน

 

 

เซี่ยงจิ้นรีบวิ่งเหยาะๆ มาที่หน้าพระพักตร์ ประสานมือที่หว่างอกคารวะแสดงความยินดี

 

 

“อื้ม!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนยังคงไว้ซึ่งความทะนงตนสูงส่งดังเดิม เพียงแต่ใบหน้าของเขาตั้งแต่แก้มไปจนถึงใบหูกำลังบ่งบอกทุกสิ่งทุกอย่างในใจของเขาออกมา

 

 

เห็นเขาเช่นนี้ เซี่ยงจิ้นก็คลายความกังวลไปได้มาก

 

 

ในระยะนี้ แม้กระทั่งเวลาที่บรรทม ฮ่องเต้ก็ยังทรงละเมอออกว่า ‘ฝึกร่วม’ อีกทั้งพฤติกรรมของพระองค์ก็แปลกประหลาดเข้าไปทุกวัน

 

 

บัดนี้ ในที่สุดหลิงเจียงอ๋องก็เข้าใจเรื่องราวระหว่างหญิงชายได้เสียที แน่นอนว่าฝ่าบาทจะต้องทรงดีพระทัยอย่างที่สุดอยู่แล้ว เชื่อว่าอีกไม่นาน พวกเขาก็จะได้รับใช้เจ้านายตัวน้อยแล้วกระมัง!

 

 

ซาลาเปาน้อยที่แสนน่ารักน่าชัง จะต้องสนุกมากแน่ๆ

 

 

ในขณะที่เซี่ยงจิ้นกำลังจินตนาการไปไกลถึงว่าจะปรนนิบัติเจ้านายตัวน้อยอย่างไร ทว่าในใจของซย่าโหวฉิงเทียนกลับกำลังคิดใคร่ครวญอีกเรื่องหนึ่งอยู่

 

 

แมวน้อยสำเร็จถึงปรมาจารย์ขั้นปลายแล้ว ห่างจากจอมปราชญ์อาวุโสอีกไม่ไกล

 

 

คราวก่อนเขาทำให้แมวน้อยตกอกตกใจมากทีเดียว

 

 

ซึ่งเขาอาศัยช่วงเวลาที่นางนอนหลับ ลองสังเกตเปรียบเทียบขนาดท้องน้อยของอวี้เฟยเยียนดู

 

 

เห็นชัดเจนว่านางรูปร่างเล็กเกินไป จึงรับขนาดอันใหญ่โตของเขาไม่ไหว

 

 

จะทำอย่างไรดีถึงจะทำให้แมวน้อยไม่หวาดกลัว ไม่บาดเจ็บ สามารถฝึกร่วมกับเขาได้อย่างมีความสุข

 

 

นี่นับเป็นปัญหาใหญ่!

 

 

คิดไปคิดมาซย่าโหวฉิงเทียนก็ตัดสินใจว่ารอให้ตี้อู่เฮ่ออีหายดีเสียก่อน หลังจากนั้นเขาค่อยไปขอคำชี้แนะจากเขา

 

 

หลังจากที่เชียนเยี่ยเสวี่ยช่วยตี้อู่เฮ่ออีออกมาได้แล้วส่งข่าวมา อวี้เฟยเยียนก็รีบรุดไปที่เรือนอ้ายเหลียนเพื่อตรวจอาการให้กับตี้อู่เฮ่ออีในทันที ทั้งยังสั่งยาให้เขาแล้วด้วย

 

 

มียาวิเศษของแมวน้อย ตี้อู่เฮ่ออีจะต้องหายในเร็ววันอย่างแน่นอน

 

 

ถึงตอนนั้นเขาจะต้องตั้งใจไปขอคำชี้แนะจากเขา

 

 

เขาจะไม่ให้แมวน้อยต้องหวาดกลัวเขา…

 

 

ฮ่องเต้ทรงมองดูซย่าโหวฉิงเทียนที่เริ่มเข้าสู่สภาวะตกอยู่ในภวังค์ของตนเองเช่นนั้น ก็ทรงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกมาในขณะที่ทอดพระเนตรเขาไปด้วย

 

 

พระองค์ทอดพระเนตรมองเขาแล้วยิ้มปริ่ม ‘คงจะคิดถึงความสวยงามนั้นอยู่ละสิ!’

 

 

ลูกชายของเขามีคุณสมบัติขั้นพื้นฐานดีพร้อมทุกด้าน ความสามารถก็ยอดเยี่ยม รูปร่างหน้าตาจะมองมุมไหนก็รูปงาม

 

 

ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ทำให้ผู้คนมองดูไม่มีเบื่ออยู่แล้ว!

 

 

ตอนนี้ เขามีเจ้าของแล้ว ซึ่งก็ทำให้ฝ่าบททรงดีพระทัยเป็นอย่างมาก

 

 

สิ่งที่พระองค์ทรงคาดหวังมาตั้งหลายปี ในที่สุดก็มีคนมาสยบเขาลงได้เสียที!

 

 

หลังจากที่รู้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนพาอวี้เฟยเยียนไปท่องเที่ยวที่สวนชาแดง ซย่าโหวจวินอวี่ก็ตั้งใจภาวนาต่อหน้าบรรพชนอยู่เป็นนาน คาดหวังให้พวกเขารีบผลิตเจ้าตัวน้อยขึ้นมาเร็วๆ

 

 

หากไม่ใช่อาณาจักรเสวี่ยสร้างเรื่องโรคระบาดบ้าๆ นี่ขึ้นมาเสียก่อน ไม่แน่ว่าป่านนี้คนทั้งสองอาจจะได้ผลิตเจ้าตัวน้อยกันย่างเปรมปรีดิ์ไปแล้ว!

 

 

อาณาจักรเสวี่ยสมควรตาย!

 

 

ขัดคอเรื่องดีๆ ของพวกเขาเสียได้!

 

 

เมื่อคิดได้ว่าคณะราชทูตของอาณาจักรเสวี่ยยังคงถูกคุมขังอยู่ ฉับพลันพระพักตร์ของฮ่องเต้ก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที

 

 

“เสด็จพี่ เป็นอะไรไป”

 

 

รับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนไปของซย่าโหวจวินอวี่ ซย่าโหวฉิงเทียนก็ได้สติกลับมาจากการภวังค์

 

 

“ข้าคือเสด็จพ่อ เสด็จพ่อ!”

 

 

เห็นซย่าโหวฉิงเทียนเป็นเช่นนี้ ซย่าโหวจวินอวี่ก็ถึงกับกำหมัดทุบลงบนโต๊ะสีหน้าขุ่นเคือง นับตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่เคยได้ยินคำเรียกว่า ‘เสด็จพ่อ’ จากปากซย่าโหวฉิงเทียนอีกเลย

 

 

จะเอาใจจนซย่าโหวฉิงเทียนยอมเรียกเขาว่าเสด็จพ่อสักคำหนึ่ง เหตุใดถึงได้ยากเย็นเพียงนี้นะ

 

 

ในขณะที่ซย่าโหวจวินอวี่กำลังครุ่นคิดด้วยความสับสนอย่างหนักนั่นเอง ซย่าโหวฉิงเทียนก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีขี้เกียจต่อปากต่อคำ

 

 

“เสด็จพ่อ…”

 

 

พริบตานั้นซย่าโหวจวินอวี่ถึงกับอยากร้องไห้ขึ้นมาทันที

 

 

ลูกเอ๋ย นี่เจ้ากำลังล้อพ่อเล่นอยู่หรือเปล่า

 

 

ขอร้องแทบเป็นแทบตายเจ้ากลับไม่ยอมเอ่ยเรียกสักคำ

 

 

มาตอนนี้บทจะเรียกก็เรียก ‘เสด็จพ่อ’ เสียงดังฟังชัดเสียได้ ‘ข้า…กลัวเจ้าแล้วจริงๆ!’

 

 

โบราณว่าเอาไว้ไม่ผิด มีลูกคือการชดใช้กรรม!

 

 

เจ้าเป็นเจ้ากรรมนายเวรของข้าโดยแท้!

 

 

แต่จะอย่างไรก็ตามภายหลังจากที่ซย่าโหวจวินอวี่กลัดกลุ้มอยู่เป็นนานก็ยังมีเรื่องให้ดีใจอยู่บ้าง เพราะเขาชื่นชอบความสัมพันธ์ฉันพ่อลูกที่สนิทชิดเชื้อเช่นนี้ยิ่งนัก และมีความสุขทุกครั้งที่ได้ใช้เวลาอยู่กับลูกชายตามลำพัง

 

 

ถึงแม้ว่าในทุกครั้งที่ซย่าโหวฉิงเทียนเอ่ยปากจะทำให้เขาโกรธจนแทบเป็นแทบตาย!

 

 

แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น ก็ใครใช้ให้เขาเป็นลูกชายของเขากันเล่า!

 

 

จนกระทั่งฮ่องเต้เอ่ยถึงเรื่องของอาณาจักรเสวี่ย ซย่าโหวฉิงเทียนถึงได้เลิกคิ้วขึ้น โบกไม้โบกมือไปมาปากก็เอ่ยขึ้นว่า

 

 

“หมดห่วงได้เลย! เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของข้า! ในเมื่อพวกมันแกล้งตาย เช่นนั้นก็ส่งพวกมันไปตายจริงๆ เสียเลย!”

 

 

“ช้าก่อน…”

 

 

ด้วยรู้ดีว่าซย่าโหวฉิงเทียนเป็นพวกเน้นที่การกระทำ หากเขาลงมือ แน่นอนว่าคณะราชทูตแห่งอาณาจักรสวี่ยจะต้องไม่มีชีวิตรอดอย่างแน่นอน ดังนั้นซย่าโหวจวินอวี่จึงรีบห้ามเขาเอาไว้

 

 

“ทำไม! ฆ่าพวกมันไม่ได้” ซย่าโหวฉิงเทียนหันหน้ากลับมา จ้องมองฮ่องเต้ด้วยความไม่เข้าใจ

 

 

เขาไม่ถูกชะตากับอาณาจักรเสวี่ยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว! มาตอนนี้พวกมันยังสร้างเรื่องวุ่นวายนี่ขึ้นมา ขัดขวางเวลาที่เขาจะได้ใกล้ชิดกับแมวน้อยอีก ยิ่งสมควรตาย!

 

 

โดยเฉพาะองค์หญิงปัญญาอ่อนนั่น สายตาของนางทำให้เขาขยะแขยง

 

 

แส่หาเรื่อง!