ตอนที่ 114-2 ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีสิ่งมาหักล้างกันได้เสมอ ท่านอ๋องกลัวเมีย

จำนนรักชายาตัวร้าย

เสียงกรีดร้องโหยหวนของตี้อู่เฉินดังขึ้น คลอไปกับเสียงฟันหนูกัดกินลงไปบนเนื้อของเขา มันดังลั่นไปทั่วทั้งลานกว้าง ได้ฟังแล้วก็ให้น่าหวาดกลัวยิ่งนัก

 

 

“แม่นางน้อยอวี้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วใช่ไหม” หมอเทวดาฮั่วตบที่อกตัวเองท่าทางภาคภูมิใจ

 

 

หนูรุมกินคนเป็น

 

 

น่าสยดสยองที่สุด!

 

 

หมอเทวดาฮั่วเคยไปในถิ่นที่ยากจนทุรกันดาร จึงเคยได้เห็นหนูกัดกินทารกมาบ้าง

 

 

แต่ภาพตรงหน้าที่กองทัพหนูนับพันนับหมื่นรุมกัดกินคนเพียงคนเดียว เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

 

 

เสียงร้องโหยหวนของตี้อู่เฉินดังอยู่พักหนึ่งหลังจากนั้นก็ค่อยๆ เงียบเสียงลงไป นั่นทำให้หมอเทวดาฮั่วรับรู้ได้ในทันทีว่า หลอดลมของเขาถูกหนูกัดจนขาดเสียแล้ว

 

 

น่าหวาดกลัวยิ่งนัก!

 

 

“ไม่ได้การละ! คนเพียงคนเดียว จะพอให้กองทัพหนูมากมายแบ่งกันกินเป็นอาหารได้อย่างไร!”

 

 

อวี้เฟยเยียนจึงพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

 

“จวินจวิน เจ้าพร้อมนะ!”

 

 

อวี้เฟยเยียนจุดตะกรันไม้ไผ่ขึ้น แล้ววางลงบนฟืนที่เตรียมเอาไว้ ขณะเดียวกันนางเองก็ปล่อยเจ้าไฟบรรลัยกัลป์ออกมา

 

 

ลูกไฟสีแดงฉานรวมตัวไฟบรรลัยกัลป์เข้าก็แปรเปลี่ยนเป็นดวงไฟสีน้ำเงิน

 

 

กองทัพหนูเหล่านั้นราวกับรู้สึกได้ถึงอันตราย พวกมันค่อยๆ ปีนลงจากร่างของตี้อู่เฉิน วิ่งหนีออกไปคนละทิศละทาง

 

 

“จะหนีไปไหน!”

 

 

เจ้าไฟบรรลัยกัลป์ร้องขึ้น แล้วแปลงร่างกลายเป็นลูกไฟสีน้ำเงินขนาดใหญ่อันโชติช่วง ล้อมกองทัพหนูพวกนั้นไว้ด้วยวงเวียนไฟ

 

 

“จี๊ด จี๊ด…”

 

 

เสียงหนูร้องโหยหวนดังออกมาจากกองเพลิงสีน้ำเงินกองใหญ่นั้นไม่ขาดสาย

 

 

ใช้ไฟแผดเผาจนกระทั่งไหม้หนูเหล่านั้นและโครงกระดูกของตี้อู่เฉินจนกลายเป็นเถ้าถ่านแล้ว เจ้าไฟบรรลัยกัลป์ถึงได้กลับเข้าไปในร่างของอวี้เฟยเยียนอีกครั้ง

 

 

“จวินจวิน ทำได้เยี่ยมมาก!”

 

 

อวี้เฟยเยียนกล่าวชื่นชม

 

 

“ขอบคุณนายท่าน!”

 

 

ได้รับคำชื่นชมจากอวี้เฟยเยียน เจ้าโลลิต้าน้อยในชุดสีเขียวก็ดีใจยิ่งนัก มันจุ๊บที่แก้มของอวี้เฟยเยียนแผ่วเบาแล้วจึงกลับเขาไปในจิตวิญญาณของอวี้เฟยเยียนตามเดิม

 

 

ที่ลานกว้างนั้นสะอาดเอี่ยม หลงเหลือเพียงกองขี้เถ้าสีดำขนาดเท่ากำปั้นเท่านั้น

 

 

อวี้เฟยเยียนขุดหลุมเล็กๆ ลึกประมาณสิบเมตรขึ้นมาหลุมหนึ่งแล้วกวาดเอากองขี้เถ้านั้นลงไปจากนั้นจัดการปิดตายปากหลุมนั้นเสีย

 

 

เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น นางถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

 

 

กำจัดแหล่งกำเนิดของโรคห่าเสร็จเรียบร้อย งานที่เหลือต่อจากนี้ก็มีเพียงแค่รักษาผู้ป่วยให้หายเท่านั้นเอง

 

 

ภายหลังจากที่ซย่าโหวฉิงเทียนนำข่าวดีนี้ไปแจ้งแก่ซย่าโหวจวินอวี่ก็ทำให้เขาทรงดีใจอย่างที่สุด

 

 

เฟยเยียนคือดาวโชคดีแห่งต้าโจวของเราจริงๆ ด้วย!

 

 

ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างก็ตกอยู่ในภาวะอับจนหนทาง แต่หลังจากอวี้เฟยเยียนกลับมา ทุกคนก็ราวกับมีศูนย์รวมจิตใจ

 

 

คราวนี้ ชื่อเสียงและศรัทธาของอวี้เฟยเยียนในสายตาของประชาชนจะต้องยิ่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน!

 

 

ซึ่งซย่าโหวจวินอวี่มิได้เป็นกังวลในเรื่องที่ว่าชื่อเสียงของอวี้เฟยเยียนในหัวใจของประชาชนจะอยู่เหนือเขาที่เป็นฮ่องเต้เลยแม้แต่น้อย เพราะอย่างไรเสียต่อไปนางก็จะต้องแต่งงานกับบุตรชายของเขาอยู่แล้ว ก็เท่ากับว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน!

 

 

ครอบครัวเดียวกัน จะคิดเล็กคิดน้อยไปทำไมเล่า!

 

 

“ฉิงเทียน เจ้าคิดว่าจะแต่งงานกับนางเมื่อไหร่กัน”

 

 

ฮ่องเต้ตรัสถามซย่าโหวฉิงเทียนตรงๆ

 

 

เขารู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้ากับเจ้าลูกชายจอมขี้อายนี่ยิ่งนัก ก็ได้แต่หวังจากใจจริงว่าจะมีสายฟ้าฟาดลงมาให้สมองทื่อๆ ของซย่าโหวฉิงเทียนตื่นขึ้นเสียที!

 

 

ในขณะที่ซย่าโหวจวินอวี่กำลังกลัดกลุ้มเป็นกังวลอยู่นั่นเอง ก็ได้ยินเสียงตอบกลับมาสี่คำ

 

 

“ยิ่งเร็วยิ่งดี!

 

 

“ใช่ ยิ่งเร็วยิ่งดี…”

 

 

เอ่ยซ้ำประโยคเมื่อครู่ของซย่าโหวฉิงเทียนอีกครั้ง ในที่สุดฮ่องเต้ก็ทรงเข้าพระทัย ฉับพลัน พระองค์กระเด้งพระวรกายขึ้นมาทันที

 

 

“อะไรนะ เจ้าบอกว่ายิ่งเร็วยิ่งดี”

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่ได้ยินเช่นนั้นก็ซาบซึ้งใจยิ่งนัก ดวงตาทั้งสองข้างถึงกับทอประกายแววแสง ส่วนซย่าโหวฉิงเทียนก็พยักหน้าเบาๆ

 

 

“ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี! ข้ารอไม่ไหวแล้ว…”

 

 

ในขณะที่พูดนั้น ใบหน้าของซย่าโหวฉิงเทียนก็แดงระเรื่อ

 

 

นับตั้งแต่วันนั้น วันที่ถูกอวี้เฟยเยียน ‘กอบกุมเอาไว้ในกำมือ’ แล้ว หลายวันมานี้ซย่าโหวฉิงเทียนมักจะฝันเปียกอยู่บ่อยครั้งหรือแทบจะทุกคืนก็ว่าได้

 

 

ในฝัน อวี้เฟยเยียนร่างกายเปล่าเปลือยนอนอยู่ใต้ร่างของเขา ให้เขาได้เชยชมเต็มที่

 

 

รสชาติที่หอมหวานนั้น ทำให้เขายากที่จะลืมเลือน หากมิใช่ดวงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณมารบกวนละก็ ซย่าโหวฉิงเทียนแทบอยากที่จะจมดิ่งอยู่ในความฝันอันแสนหวานนั้นทั้งกลางวันและกลางคืน

 

 

แน่นอนว่า หลังจากที่ฝันเปียกแล้ว ทุกวันเขาจะต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอน

 

 

ซึ่งเรื่องเช่นนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากกับอวี้เฟยเยียนโดยตรง

 

 

เขาโตจนอายุอานามยี่สิบกว่าแล้ว จิตใจของเขาแข็งแกร่งมีวินัยไม่เคยไขว้เขว จึงไม่เคยทำให้ผ้าปูที่นอนสกปรกเลยสักครั้ง

 

 

แต่ในระยะนี้…มันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ!

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียน ‘ไม่มีหน้า’ ใช้ให้ใครซักผ้าปูที่นอนให้กับตน ดังนั้นทุกคืนเมื่อมันสกปรก เช้ามาซย่าโหวฉิงเทียนก็จะทำลายมันเสีย

 

 

เพราะเขาคือท่านอ๋อง กิจการใหญ่โต

 

 

แค่ผ้าปูที่นอนเท่านั้นเอง พี่มีเงินเสียอย่าง!

 

 

แต่ซย่าโหวจวินอวี่คือใครกัน เขาผู้ได้รับฉายาว่าจิ้งจอกเฒ่า!

 

 

ดวงตาคู่นี้ของเขามองเพียงปราดเดียว ก็จับสัญญาณความเขินอายบนใบหน้าของซย่าโหวฉิงเทียนได้ในทันที

 

 

เยี่ยมไปเลย!

 

 

หากมิใช่คำนึงถึงเกียรติของความเป็นฮ่องเต้และหน้าตาของซย่าโหวฉิงเทียนแล้วละก็ ซย่าโหวจวินอวี่ก็คงจะเงยหน้าหัวเราะออกมาเสียงดังสนั่นไปแล้ว

 

 

ขอบคุณบรรพชน!

 

 

ขอบคุณพระโพธิสัตว์!

 

 

ที่ต้องขอบคุณมากที่สุดคืออวี้เฟยเยียน! ในที่สุดนางก็ทำให้ลูกชายจอมบื้อของเขาเปิดอกคิดได้!

 

 

สีหน้าของเขาเมื่อครู่ ชัดเจนว่าเป็นความสุขและสุขสมภายหลังจากกิจของชายหญิงอย่างแน่นอน ‘ฉิงเทียนเอ๋ย พ่อจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องความสุขในชีวิตคู่ของเจ้าอีกต่อไปแล้ว!’

 

 

“ดี! ข้ารอเพียงประโยคนี้ของเจ้านี่แหละ!”

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่ยิ้มจนหน้าบาน