เสียงกรีดร้องโหยหวนของตี้อู่เฉินดังขึ้น คลอไปกับเสียงฟันหนูกัดกินลงไปบนเนื้อของเขา มันดังลั่นไปทั่วทั้งลานกว้าง ได้ฟังแล้วก็ให้น่าหวาดกลัวยิ่งนัก
“แม่นางน้อยอวี้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วใช่ไหม” หมอเทวดาฮั่วตบที่อกตัวเองท่าทางภาคภูมิใจ
หนูรุมกินคนเป็น
น่าสยดสยองที่สุด!
หมอเทวดาฮั่วเคยไปในถิ่นที่ยากจนทุรกันดาร จึงเคยได้เห็นหนูกัดกินทารกมาบ้าง
แต่ภาพตรงหน้าที่กองทัพหนูนับพันนับหมื่นรุมกัดกินคนเพียงคนเดียว เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
เสียงร้องโหยหวนของตี้อู่เฉินดังอยู่พักหนึ่งหลังจากนั้นก็ค่อยๆ เงียบเสียงลงไป นั่นทำให้หมอเทวดาฮั่วรับรู้ได้ในทันทีว่า หลอดลมของเขาถูกหนูกัดจนขาดเสียแล้ว
น่าหวาดกลัวยิ่งนัก!
“ไม่ได้การละ! คนเพียงคนเดียว จะพอให้กองทัพหนูมากมายแบ่งกันกินเป็นอาหารได้อย่างไร!”
อวี้เฟยเยียนจึงพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
“จวินจวิน เจ้าพร้อมนะ!”
อวี้เฟยเยียนจุดตะกรันไม้ไผ่ขึ้น แล้ววางลงบนฟืนที่เตรียมเอาไว้ ขณะเดียวกันนางเองก็ปล่อยเจ้าไฟบรรลัยกัลป์ออกมา
ลูกไฟสีแดงฉานรวมตัวไฟบรรลัยกัลป์เข้าก็แปรเปลี่ยนเป็นดวงไฟสีน้ำเงิน
กองทัพหนูเหล่านั้นราวกับรู้สึกได้ถึงอันตราย พวกมันค่อยๆ ปีนลงจากร่างของตี้อู่เฉิน วิ่งหนีออกไปคนละทิศละทาง
“จะหนีไปไหน!”
เจ้าไฟบรรลัยกัลป์ร้องขึ้น แล้วแปลงร่างกลายเป็นลูกไฟสีน้ำเงินขนาดใหญ่อันโชติช่วง ล้อมกองทัพหนูพวกนั้นไว้ด้วยวงเวียนไฟ
“จี๊ด จี๊ด…”
เสียงหนูร้องโหยหวนดังออกมาจากกองเพลิงสีน้ำเงินกองใหญ่นั้นไม่ขาดสาย
ใช้ไฟแผดเผาจนกระทั่งไหม้หนูเหล่านั้นและโครงกระดูกของตี้อู่เฉินจนกลายเป็นเถ้าถ่านแล้ว เจ้าไฟบรรลัยกัลป์ถึงได้กลับเข้าไปในร่างของอวี้เฟยเยียนอีกครั้ง
“จวินจวิน ทำได้เยี่ยมมาก!”
อวี้เฟยเยียนกล่าวชื่นชม
“ขอบคุณนายท่าน!”
ได้รับคำชื่นชมจากอวี้เฟยเยียน เจ้าโลลิต้าน้อยในชุดสีเขียวก็ดีใจยิ่งนัก มันจุ๊บที่แก้มของอวี้เฟยเยียนแผ่วเบาแล้วจึงกลับเขาไปในจิตวิญญาณของอวี้เฟยเยียนตามเดิม
ที่ลานกว้างนั้นสะอาดเอี่ยม หลงเหลือเพียงกองขี้เถ้าสีดำขนาดเท่ากำปั้นเท่านั้น
อวี้เฟยเยียนขุดหลุมเล็กๆ ลึกประมาณสิบเมตรขึ้นมาหลุมหนึ่งแล้วกวาดเอากองขี้เถ้านั้นลงไปจากนั้นจัดการปิดตายปากหลุมนั้นเสีย
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น นางถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
กำจัดแหล่งกำเนิดของโรคห่าเสร็จเรียบร้อย งานที่เหลือต่อจากนี้ก็มีเพียงแค่รักษาผู้ป่วยให้หายเท่านั้นเอง
ภายหลังจากที่ซย่าโหวฉิงเทียนนำข่าวดีนี้ไปแจ้งแก่ซย่าโหวจวินอวี่ก็ทำให้เขาทรงดีใจอย่างที่สุด
เฟยเยียนคือดาวโชคดีแห่งต้าโจวของเราจริงๆ ด้วย!
ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างก็ตกอยู่ในภาวะอับจนหนทาง แต่หลังจากอวี้เฟยเยียนกลับมา ทุกคนก็ราวกับมีศูนย์รวมจิตใจ
คราวนี้ ชื่อเสียงและศรัทธาของอวี้เฟยเยียนในสายตาของประชาชนจะต้องยิ่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน!
ซึ่งซย่าโหวจวินอวี่มิได้เป็นกังวลในเรื่องที่ว่าชื่อเสียงของอวี้เฟยเยียนในหัวใจของประชาชนจะอยู่เหนือเขาที่เป็นฮ่องเต้เลยแม้แต่น้อย เพราะอย่างไรเสียต่อไปนางก็จะต้องแต่งงานกับบุตรชายของเขาอยู่แล้ว ก็เท่ากับว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน!
ครอบครัวเดียวกัน จะคิดเล็กคิดน้อยไปทำไมเล่า!
“ฉิงเทียน เจ้าคิดว่าจะแต่งงานกับนางเมื่อไหร่กัน”
ฮ่องเต้ตรัสถามซย่าโหวฉิงเทียนตรงๆ
เขารู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้ากับเจ้าลูกชายจอมขี้อายนี่ยิ่งนัก ก็ได้แต่หวังจากใจจริงว่าจะมีสายฟ้าฟาดลงมาให้สมองทื่อๆ ของซย่าโหวฉิงเทียนตื่นขึ้นเสียที!
ในขณะที่ซย่าโหวจวินอวี่กำลังกลัดกลุ้มเป็นกังวลอยู่นั่นเอง ก็ได้ยินเสียงตอบกลับมาสี่คำ
“ยิ่งเร็วยิ่งดี!
“ใช่ ยิ่งเร็วยิ่งดี…”
เอ่ยซ้ำประโยคเมื่อครู่ของซย่าโหวฉิงเทียนอีกครั้ง ในที่สุดฮ่องเต้ก็ทรงเข้าพระทัย ฉับพลัน พระองค์กระเด้งพระวรกายขึ้นมาทันที
“อะไรนะ เจ้าบอกว่ายิ่งเร็วยิ่งดี”
ซย่าโหวจวินอวี่ได้ยินเช่นนั้นก็ซาบซึ้งใจยิ่งนัก ดวงตาทั้งสองข้างถึงกับทอประกายแววแสง ส่วนซย่าโหวฉิงเทียนก็พยักหน้าเบาๆ
“ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี! ข้ารอไม่ไหวแล้ว…”
ในขณะที่พูดนั้น ใบหน้าของซย่าโหวฉิงเทียนก็แดงระเรื่อ
นับตั้งแต่วันนั้น วันที่ถูกอวี้เฟยเยียน ‘กอบกุมเอาไว้ในกำมือ’ แล้ว หลายวันมานี้ซย่าโหวฉิงเทียนมักจะฝันเปียกอยู่บ่อยครั้งหรือแทบจะทุกคืนก็ว่าได้
ในฝัน อวี้เฟยเยียนร่างกายเปล่าเปลือยนอนอยู่ใต้ร่างของเขา ให้เขาได้เชยชมเต็มที่
รสชาติที่หอมหวานนั้น ทำให้เขายากที่จะลืมเลือน หากมิใช่ดวงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณมารบกวนละก็ ซย่าโหวฉิงเทียนแทบอยากที่จะจมดิ่งอยู่ในความฝันอันแสนหวานนั้นทั้งกลางวันและกลางคืน
แน่นอนว่า หลังจากที่ฝันเปียกแล้ว ทุกวันเขาจะต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอน
ซึ่งเรื่องเช่นนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากกับอวี้เฟยเยียนโดยตรง
เขาโตจนอายุอานามยี่สิบกว่าแล้ว จิตใจของเขาแข็งแกร่งมีวินัยไม่เคยไขว้เขว จึงไม่เคยทำให้ผ้าปูที่นอนสกปรกเลยสักครั้ง
แต่ในระยะนี้…มันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ!
ซย่าโหวฉิงเทียน ‘ไม่มีหน้า’ ใช้ให้ใครซักผ้าปูที่นอนให้กับตน ดังนั้นทุกคืนเมื่อมันสกปรก เช้ามาซย่าโหวฉิงเทียนก็จะทำลายมันเสีย
เพราะเขาคือท่านอ๋อง กิจการใหญ่โต
แค่ผ้าปูที่นอนเท่านั้นเอง พี่มีเงินเสียอย่าง!
แต่ซย่าโหวจวินอวี่คือใครกัน เขาผู้ได้รับฉายาว่าจิ้งจอกเฒ่า!
ดวงตาคู่นี้ของเขามองเพียงปราดเดียว ก็จับสัญญาณความเขินอายบนใบหน้าของซย่าโหวฉิงเทียนได้ในทันที
เยี่ยมไปเลย!
หากมิใช่คำนึงถึงเกียรติของความเป็นฮ่องเต้และหน้าตาของซย่าโหวฉิงเทียนแล้วละก็ ซย่าโหวจวินอวี่ก็คงจะเงยหน้าหัวเราะออกมาเสียงดังสนั่นไปแล้ว
ขอบคุณบรรพชน!
ขอบคุณพระโพธิสัตว์!
ที่ต้องขอบคุณมากที่สุดคืออวี้เฟยเยียน! ในที่สุดนางก็ทำให้ลูกชายจอมบื้อของเขาเปิดอกคิดได้!
สีหน้าของเขาเมื่อครู่ ชัดเจนว่าเป็นความสุขและสุขสมภายหลังจากกิจของชายหญิงอย่างแน่นอน ‘ฉิงเทียนเอ๋ย พ่อจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องความสุขในชีวิตคู่ของเจ้าอีกต่อไปแล้ว!’
“ดี! ข้ารอเพียงประโยคนี้ของเจ้านี่แหละ!”
ซย่าโหวจวินอวี่ยิ้มจนหน้าบาน