กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1105 อยู่แห่งหนใด
นางตามหาแผ่นอักษรสีเหลืองมาโดยตลอด แต่นางก็ไม่เคยเห็นมันมาก่อน ดังนั้นจึงส่งให้คนไปค้นหาที่อยู่รวมถึงลักษณะของแผ่นอักษรสีเหลือง
ยันต์แผ่นนี้เหมือนกับลักษณะของแผ่นอักษรสีเหลืองที่ลูกน้องของนางบอกนางมาก
สิ่งเดียวที่ต่างไปก็คือ ยันต์แผ่นนี้มีสีขาว ไม่ใช่สีเหลือง และวัสดุที่ใช้ในการทำยันต์ก็ต่างกันออกไป
นางรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที
และรู้สึกดีใจเช่นกัน
ฝูกวงเองก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก “นายท่าน อักขระบนผ้ายันต์แผ่นนี้นั้นเหมือนกับแผ่นอักษรสีเหลืองทุกอย่าง”
“แม่นาง บะหมี่มาแล้ว ท่านลองชิมดูว่ามันถูกปากหรือไม่ หากไม่ถูกปาก ข้าจะไปทำให้ท่านใหม่อีกถ้วย”
กู้ชูหน่วนรีบเดินไปหาผู้ใหญ่บ้านพร้อมกับยันต์สีขาวแผ่นนั้น
“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านได้ผ้ายันต์แผ่นนี้มาจากที่ใด?”
ผู้ใหญ่บ้านตะลึงงัน
“อ่า ท่านพูดถึงผ้ายันต์แผ่นนี้งั้นหรือ เมื่อไม่กี่วันก่อนหยางเหมยเป็นคนนำยันต์แผ่นนี้มา เวลานั้นหมู่บ้านเต็มไปด้วยโรคระบาด ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นไปได้ยินมาจากที่ไหน บอกว่าหากมีแผ่นอักษรสีเหลืองอยู่ในมือจะสามารถรักษาได้ทุกโรค ชีวิตยืนยาว โรคภัยไข้เจ็บไม่เบียดเบียน จึงขอนำยันต์พวกนี้มาแปะไว้ที่หน้าประตูเพื่อความสบายใจ”
“ท่านเคยเห็นแผ่นอักษรสีเหลืองมาก่อนงั้นหรือ? จริงอยู่ว่ามันเหมือนกับยันต์แผ่นนี้ แต่สีของมันเป็นสีเหลือง”
“ข้า…….ข้าไม่เคยเห็นมัน แต่ข้าได้ยินหยางเหมยพูดว่า หากยันต์แผ่นน้ำจากกระดาษสีเหลือง ผลลัพธ์ของมันจะดีกว่านี้ แต่หมู่บ้านของพวกเรายากจน แค่กระดาษขาวยังไม่มี จะไปเอากระดาษเหลืองที่ไหนมา ดังนั้นสุดท้ายจึงใช้กระดาษขาวที่เหลือ แปะ ตัด และวาดอักขระลงไป”
“แม่นางชอบยันต์แผ่นนี้งั้นหรือ? หากท่านชอบ ข้าขอยกมันให้ท่าน ในหมู่บ้านของพวกเรายังมีอยู่อีกมาก ท่านต้องการเท่าไหร่ก็เอาไปได้เลย หากไม่พอ ข้าจะให้คนทำให้เพิ่ม”
กู้ชูหน่วนจับประเด็นสำคัญและถามอย่างกระวนกระวาย “ผู้ใหญ่บ้าน หยางเหมยที่ท่านพูดถึง……เขาอยู่ที่ไหน?”
“อ่า……เขาไม่มีที่อยู่เป็นร่องเป็นรอย หลายปีที่ผ่านมาไม่รู้ว่าถูกใครไล่ล่า เขาจึงหนีเข้ามาอยู่ในภูเขาลึกแห่งนี้ พวกข้าเห็นเขาหมดสติอยู่หน้าหมู่บ้าน ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล น่าอนาถเป็นอย่างยิ่ง ข้าจึงช่วยชีวิตเขา ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นรู้สึกอยากตอบแทนหรืออย่างไร เขามักจะนำเมล็ดข้าวมาให้พวกเรา และยังซื้อยารักษาจำนวนมากมาเพื่อรักษาเด็กและผู้หญิงในหมู่บ้าน เมื่อวานนี้เขายังอยู่ที่นี่อยู่เลย และเพิ่งจากไปเมื่อคืน”
“ตอนนี้ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ใด แต่อีกไม่กี่เดือนเขาก็น่าจะกลับมาอีก เช่นนั้นท่านพักอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้สักสองสามเดือน บางทีอาจจะได้พบกับเขา”
อยู่ที่นี่สองสามเดือน?
นางสามารถรอได้
แต่อี้หยุนเฟยรอได้งั้นหรือ?
เกรงว่าหากให้รออยู่ที่นี่อีกสองสามเดือน อี้หยุนเฟยก็คงเหลือเพียงแค่กระดูก
“ดังนั้นท่านจึงไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน และไม่รู้ว่าเขามีญาติพี่น้องหรือไม่? และไม่รู้อีกว่าเขาจะกลับมาเมื่อไหร่?”
ผู้ใหญ่บ้านส่ายหน้า “จริงอยู่ที่ข้าไม่รู้เรื่องพวกนี้ แต่หยางเหมยเคยบอกไว้ว่า เขามีอาจารย์อยู่หนึ่งคน ศิษย์น้องหนึ่งคน ส่วนตัวเขาเป็นเด็กกำพร้า ถูกอาจารย์เก็บไปเลี้ยง และพวกเขาทั้งสามก็พึ่งพากันในการใช้ชีวิต”
“เช่นนั้นท่านรู้หรือไม่ว่าอาจารย์และศิษย์น้องของเขามีนามว่าอะไร?”
หากรู้ นางสามารถส่งคนไปพลิกแผ่นดินหาได้
เช่นนั้นหากมีเพียงชื่อสองพยางค์ของ หยางเหมย ไม่รู้ว่าทั่วทั้งประเทศยังมีคนชื่อซ้ำกันอีกมากแค่ไหน แล้วเมื่อไหร่จะหาเจอ
ผู้ใหญ่บ้านส่ายหน้าออกมาอีกครั้ง
“งั้นท่านรู้หรือไม่ว่า เขานำแผ่นอักษรสีเหลืองไปไว้ที่ไหน?”
“เรื่องนี้……เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่แน่ใจ แค่ยันต์แผ่นเดียวจะทำให้หมู่บ้านของพวกเรารอดพ้นจากหายนะได้อย่างไร ทั้งหมดเป็นเพราะเห็นแก่น้ำใจของเขา ดังนั้นพวกเราจึงยอมให้เขาใช้ยันต์สีขาวเหล่านี้ในการปกป้องหมู่บ้าน”
“ขอบคุณท่านมา”
กู้ชูหน่วนไม่ได้ทานบะหมี่เข้าไปแม้แต่คำเดียว เรียกฝูกวงเข้ามาและคิดจะออกจากหมู่บ้านทันที
ในเมื่อเขาเพิ่งจะจากไปได้ไม่นาน เขาคงไปไหนได้ไม่ไกล หรือไม่ก็อยู่แถวหมู่บ้านใกล้เคียง
ทันใดนั้น เสียงเด็กที่ร้องอย่างมีความสุขก็ดังขึ้นมาจากไกล ๆ
“พี่หยางเหมย พี่กลับมาแล้ว ข้าคิดว่าพี่จากไปครั้งนี้ กว่าจะกลับมาต้องใช้เวลาอีกสองสามเดือนเสียอีก”
“พี่หยางเหมย พวกข้าคิดถึงท่าน”
“อันธพาลตัวน้อย เจ้าคิดถึงข้าหรือคิดถึงเนื้อที่ข้านำมากันแน่”
“คิดถึงทั้งสองอย่างเลย”
“ดูสิว่าพี่หยางเหมยเอาอะไรมา มีถังหูหลูที่เจ้าชอบ ตุ๊กตาดินเผาตัวโปรดของเจ้า แล้วก็……ว่าว ฮ่าฮ่า พรุ่งนี้พี่หยางเหมยพาพวกเจ้าไปเล่นว่าวดีไหม”
“ดี”
กู้ชูหน่วนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
การตามหาอะไรอยากเป็นเรื่องยาก แต่บางครั้งก็ได้มาโดยไม่ต้องพยายาม
กู้ชูหน่วนเดินออกมา ฝูกวงและผู้ใหญ่บ้านก็เดินตามหลังออกมา
และสิ่งที่นางเห็นก็คือ ชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบปีคนหนึ่ง หน้าตาพอใช้ได้ สวมเสื้อผ้าสีเทาดำปกคลุมร่างกาย
จากนั้นกู้ชูหน่วนก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังดวงตาทั้งสองข้างของเขา
ดวงตาคู่นั่นสดใส ไร้ซึ่งสิ่งเจือปน เต็มไปด้วยรอยยิ้มตามเสียงหัวเราะแห่งความสุขของเด็ก
ผู้ใหญ่บ้านกล่าวว่า “คนผู้นี้ก็คือหยางเหมย หยางเหมย มีคนอยากพบเจ้า”
จากนั้นเสียงของผู้ใหญ่บ้านก็ดังขึ้น
หยางเหมยเงยหน้า ดวงตาที่สดใสของเขาหรี่ลงเล็กน้อยราวกับว่ากำลังจ้องมองกู้ชูหน่วน
ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าสวมชุดสีเหลืองอ่อน เนื้อผ้าไม่ค่อยดีนัก แต่เข้ากับรูปร่างของนางได้ดี มีความสง่างามสูงส่งอย่างอธิบายไม่ได้ นางยืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ มีความภูมิฐานเป็นธรรมชาติ ราวกับกุมอำนาจชีวิตและความตายอยู่ในมือ
ด้านหลังของนางมีชายหนุ่มรูปงามยืนอยู่
จากจุดที่พวกเขายืนอยู่ หยางเหมยก็รู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้นไม่ธรรมดา
เขายิ้มออกมา กล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “เจ้าอยากพบข้า? พวกเรารู้จักกันงั้นหรือ?”
“ก่อนหน้านี้ไม่รู้จัก แต่เวลานี้รู้จักกันแล้ว ข้าชื่ออาหน่วน เขาคือน้องชายของข้าฝูกวง ยินดีที่ได้รู้จัก”
หยางเหมยยังคงจ้องมองมาที่พวกเขา ไม่รู้ว่าในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่
ผู้ใหญ่บ้านพูดแทรกออกมา “หยางเหมย แม่นางหน่วนเป็นคนมีเมตตาเป็นอย่างมาก มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม นางเดินทางผ่านหมู่บ้านของพวกเรามา ไม่เพียงแค่ช่วยรักษาคนในหมู่บ้านโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่ยังมอบอาหาร เสื้อผ้าและเงินให้กับพวกเรา รวมถึงยาที่ใช้ในการป้องกันโรค”
ได้ยินเช่นนั้นความรู้ไม่เป็นมิตรที่หยางเหมยมีต่อกู้ชูหน่วนก็ลดลงไปไม่น้อย
โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของตรงนี้มันยิ่งใหญ่เกินไป ชาวบ้านไม่น้อยวิ่งเข้ามา เขามาพูดเสริมว่ากู้ชูหน่วนดีกับพวกเขามากแค่ไหน
หยางเหมยยิ้มและกล่าวออกมาว่า “ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของเจ้าคืออะไร แต่ข้าก็ขอขอบคุณที่เจ้าช่วยรักษาให้กับคนในหมู่บ้านป้านชาน”
“ข้าหยางเหมยเป็นคนตรงไปตรงมาก ไม่รู้ว่าเจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด……?”
“ขอคุยลำพังได้หรือไม่?”
หยางเหมยนำของที่อยู่ในมือยื่นให้คนในหมู่บ้าน กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มอันสดใส “แน่นอนว่าไม่มีปัญหา เด็กน้อยทั้งหลาย เอาของพวกนี้ไปเล่นก่อนแล้วกันนะ”
ในหมู่บ้านที่เงียบสงบ
ผู้ใหญ่บ้านรินชาสามถ้วยมอบให้กับกู้ชูหน่วน ฝูกวงและหยางเหมย
จากนั้นพูดออกมาอย่างดีใจว่า “แม่นางหน่วน ท่านมีอะไรก็ถามหยางเหมยได้เลย หยางเหมยเป็นคนดี พูดอะไรตรงไปตรงมา”
กู้ชูหน่วนนำยันต์สีขาวออกมา ยื่นไปด้านหน้าของหยางเหมย
เมื่อหยางเหมยเห็นยันต์สีขาวแผ่นนั้น ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย และกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“เรื่องเป็นเช่นนี้ ข้ามีเพื่อนคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส จำเป็นต้องมีแผ่นอักษรสีเหลืองถึงสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ พวกข้าตามหาแผ่นอักษรสีเหลืองมานานก็ตามหามันไม่พบ แต่กลับมาเจอยันต์สีขาวที่คล้ายกลับแผ่นอักษรสีเหลืองทุกประการในหมู่บ้านป้านชานแห่งนี้ เจ้า……เจ้ารู้หรือไม่ว่าแผ่นอักษรสีเหลืองอยู่ที่ไหน?”
“ที่เจ้าดีกับคนในหมู่บ้าน ทั้งหมดก็เพราะยันต์แผ่นนี้อย่างนั้นหรือ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ข้ารักษาคนในหมู่บ้าน จากนั้นผู้ใหญ่บ้านจึงขอให้ข้าพักผ่อนอยู่ที่นี่ จากนั้นข้าก็สังเกตเห็นว่ามีสิ่งที่คล้ายกับแผ่นอักษรสีเหลืองพวกนี้แขวนอยู่ทั่วทุกบ้าน”
ผู้ใหญ่บ้านกล่าวออกมา “แม่นางหน่วนพูดจริง นางเพิ่งมารู้ทีหลังว่าหมู่บ้านของพวกเรามียันต์สีขาวอยู่ ข้าสามารถเป็นพยานได้”
หยางเหมยดูเหมือนจะเชื่อแต่ก็ไม่เชื่อ
และคิดถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงในใจของพวกกู้ชูหน่วน
หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาถึงพูดออกมาว่า “ดังนั้นที่พวกเจ้าตามหาแผ่นอักษรสีเหลืองก็เพื่อที่จะช่วยเพื่อนของเจ้า?”
“ใช่ เพื่อช่วยเหลือคน และเป็นเรื่องที่เร่งรีบเป็นอย่างมาก หากเจ้ารู้ว่าแผ่นอักษรสีเหลืองอยู่ที่ไหน หวังว่าเจ้าจะบอกพวกข้า ไม่ว่าเงื่อนไขของเจ้าจะเป็นเช่นไร ขอแค่ข้าสามารถทำได้ ข้ายินดีที่จะรับปากเจ้า”
“สายเกินไปแล้ว”
หัวใจของกู้ชูหน่วนเหมือนจะหยุดเต้น “สายเกินไปแล้ว เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
หยางเหมยผายมือด้วยความลำบากใจ “หากเจ้ามาบอกข้าเร็วกว่านี้สักหนึ่งวัน บางทีข้าอาจจะพอมอบมันให้พวกเจ้าได้ แต่เวลานี้……ข้าได้มอบมันให้กับเขาไปแล้ว”