กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1106 ช้าไปหนึ่งก้าว
“มอบให้ใคร? พวกข้าจะไปตามหาเขา”
“มอบให้ใครไม่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ แผ่นอักษรสีเหลืองสามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียว คนผู้นั้นเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เกรงว่าเขาน่าจะใช้มันไปแล้ว”
สีหน้าของกู้ชูหน่วนเต็มไปด้วยความลำบากใจในทันที
ฝูกวงยืนขึ้นอย่างกะทันหันพร้อมกับจิตสังหาร จ้องมองมาที่หยางเหมยพร้อมกล่าวว่า “เจ้ามอบมันให้ใคร? แผ่นอักษรสีเหลืองเป็นสิ่งที่สำคัญถึงเพียงนั้น เจ้าคิดจะมอบให้ใครก็มอบให้เลยงั้นหรือ?”
แม้ว่าเป็นเพียงเศษเสี้ยวของจิตสังหาร แต่ทุกคนก็สามารถสัมผัสถึงมันได้
แม้แต่ผู้ใหญ่บ้านเองก็สัมผัสถึงมันได้เช่นกัน
เขารีบทุบโต๊ะด้วยความร้อนใจ “หยางเหมย เรื่องนี้มันเกี่ยวกับความเป็นความตาย เจ้ารีบเล่ามันออกมาให้ชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบ”
หยางเหมยทำหน้ามุ่ย
หากไม่ใช่เพราะสองคนนี้ช่วยเหลือคนในหมู่บ้านจำนวนมาก เขาคงไม่สนใจคนพวกนี้
จิตสังหารแล้วอย่างไร คิดว่าเขาจะกลัวงั้นหรือ?
“เป็นเพราะทุกคนต่างแก่งแย่งแผ่นอักษรสีเหลือง แผ่นอักษรสีเหลืองได้รับการยกย่องจนล้นฟ้า ต้าเฟิงโห้วกับหวงกุ้ยจวินนำคนมากมายขนาดนั้นมาแย่งชิงกัน แม้แต่ฝ่าบาทเองก็ต้องการ ข้าจึงคิดว่าแผ่นอักษรสีเหลืองต้องเป็นของดีอย่างแน่นอน ไม่แน่มันอาจจะสามารถรักษาโรคของคนในหมู่บ้าน ข้าจึงแอบไปที่แท่นนักรบผู้โดดเดี่ยว ฉวยโอกาสตอนที่เผ่าเพลิงฟ้าและกองทัพอี้กำลังสู้กัน ขโมยแผ่นอักษรสีเหลืองออกมา”
“น่าขำที่คนพวกนั้นมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่วิชาตัวเบาของพวกเขาสู้ข้าไม่ได้ ยิ่งเรื่องสมอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึง”
“หลังจากชิงแผ่นอักษรสีเหลืองมาแล้ว ข้าก็ศึกษามันอยู่นาน แต่ไม่ว่าจะศึกษาอย่างไรก็ดูไม่ออกมาว่ายันต์เพียงแผ่นเดียวจะทำให้ผู้คนอายุยืนนาน ไม่แก่ไม่ตายได้อย่างไร และสามารถรักษาอาการป่วยของคนในหมู่บ้านได้อย่างไร”
“หลังจากนั้นข้าก็ได้ลอกเลียนแบบอักขระในแผ่นอักษรสีเหลือง สร้างผ้ายันต์ที่คล้ายกันออกมาจำนวนมาก ให้ทุกคนแขวนเอาไว้เพื่อป้องกัน”
“หลังจากนั้นข้าก็ออกไปจากหมู่บ้าน ไปหาอาจารย์และศิษย์น้องของข้า พวกเขาช่วยเหลือชายหนุ่มไว้หนึ่งคน ร่างกายของชายหนุ่มเต็มไปด้วยบาดแผล หลายเดือนที่ผ่านมาก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้น อาการบาดเจ็บของเขาช่างน่าอนาถเหลือเกิน”
“ข้านำเรื่องแผ่นอักษรสีเหลืองบอกกับศิษย์น้องของข้า เมื่อชายหนุ่มผู้นั้นได้ยิน เขาอยากได้แผ่นอักษรสีเหลืองจากข้าเป็นอย่างมาก ศิษย์น้องของข้าชอบชายหนุ่มผู้นั้น นางจึงรีบนำแผ่นอักษรสีเหลืองจากข้าไปรักษาให้เขาในทันที”
“ข้าคิดว่าในอนาคต ชายหนุ่มผู้นั้นจะต้องเป็นน้องเขยของข้าเป็นแน่ ข้าจึงมอบแผ่นอักษรสีเหลืองให้เขา ถือเป็นของขวัญในอนาคต”
กู้ชูหน่วนกำยันต์สีขาวในมือแน่น ทำให้ยันต์แผ่นนั้นเสียหายจนไม่เหลือเค้าเดิม
นางถามว่า “เช่นนั้นเจ้าเห็นชายหนุ่มผู้นั้นใช้แผ่นอักษรสีเหลืองกับตาตัวเองหรือไม่?”
“คือ……ข้าเองก็ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง แต่หลังจากชายหนุ่มผู้นั้นได้แผ่นอักษรสีเหลืองไป เขาก็เอาแต่ขังตัวเองไว้ในห้อง ไม่ว่าใครจะเคาะเรียกก็ไม่ออกมา ข้าคิดว่า เขาน่าจะกำลังใช้แผ่นอักษรสีเหลืองรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองอยู่ในห้อง”
“ชายหนุ่มผู้นั้นมีนามว่าอะไร?”
“เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้ อาจารย์กับศิษย์น้องของข้าเคยถามเขา แต่เขากลับดื้อรั้นไม่ยอมตอบออกมา”
กู้ชูหน่วนดึงแขนของเขา แล้วลากออกมาด้านหน้า “ไป พาข้าไปหาพวกเขาเดี๋ยวนี้”
“อ่า รอข้าก่อน เจ้าดึงข้าจนจะล้มอยู่แล้ว ก่อนข้าออกมา ข้าได้ยินอาจารย์คุยกับศิษย์น้องว่าจะออกไปข้างนอก ไม่กลับมาที่กระท่อมสักระยะ เจ้าไปหาพวกเขาตอนนี้ก็ไม่ได้พบพวกเขา”
กู้ชูหน่วนเกลียดจนอยากจะต่อยเขาสักหมัด
หากไม่มีเรื่องอะไรแล้วเหตุใดจึงได้มาขโมยแผ่นอักษรสีเหลือง
ทำให้แผนการทั้งหมดของนางต้องวุ่นวาย
หากแผ่นอักษรสีเหลืองหายไป นางไม่มีวันปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน
“ไม่สนว่าพวกเขาจะอยู่หรือไม่ พาข้าไปหาพวกเขาเดี๋ยวนี้”
กู้ชูหน่วนลากแขนของหยางเหมยออกมา ฝูกวงตามมาด้านหลังด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
พวกของผู้ใหญ่บ้านยืนงงอยู่ตรงนั้น
ไป……ไปทั้งแบบนี้เลยหรือ?
และความเร็วนั้นมันช่างรวดเร็วเสียเหลือเกิน
ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านกล่าวออกมาด้วยความกังวล “หยางเหมยจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม พวกจะทำอะไรหยางเหมยหรือเปล่า……”
“ไม่มีทาง แม่นางหน่วนไม่ใช่คนเช่นนั้น หวังว่าพวกเขาจะสามารถหาแผ่นอักษรสีเหลืองจนพบ”
ในกระท่อมมุงจากอันห่างไกล กู้ชูหน่วนคนหาด้านในและด้านนอก แต่ก็ไม่พบผู้ใดแม้แต่คนเดียว
ในกระท่อมนั้นว่างเปล่า ข้าวของทุกอย่างหายไปหมด
มีเพียงกองไฟเท่านั้นที่ยังคงเผาไหม้อย่างช้า ๆ
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาช้าไปก้าวหนึ่ง
แค่นิดเดียวก็สามารถตามหาพวกเขาจนพบ
เวลานี้พวกเขาจากไปแล้ว หากคิดจะตามหาพวกเขา เกรงว่าก็คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะ
“ที่นี่มีพู่กัน หมึก และกระดาษ เจ้าสามารถวาดภาพพวกเขาออกมา และเขียนชื่อของพวกเขาได้หรือไม่ ข้าจะให้คนของข้าไปตามหาพวกเขา”
กู้ชูหน่วนโยนพู่กัน หมึก และกระดาษไปตรงหน้าของเขา
“คือ……ข้าวาดไม่เป็น หากเจ้าใช้ข้าไปขโมยของอาจมีความเป็นไปได้อยู่บ้าง แต่ให้ข้าวาดภาพ มันยากกว่าให้ข้าปืนขึ้นไปบนท้องฟ้าเสียอีก”
“จะเป็นหรือไม่เป็นก็ต้องวาดมันออกมา เร็วเข้า”
กู้ชูหน่วนเริ่มหมดความอดทนที่จะต้องมาเสียเวลากับเขา
หากเสียเวลาไปอีกวัน อี้หยุนเฟยก็ยิ่งตกอยู่ในอันตราย และทุกข์ทรมานไปมากขึ้นอีกหนึ่งวัน
ตอนแรกคิดจะรวบรวมพลัง ไม่ให้ความร่วมมือ และใช้วิชาตัวเบาในการหลบหนี
แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ร้อนรนของกู้ชูหน่วนและฝูกวง เขาก็รีบระงับความคิดนั้นไว้ในหัวใจ
“ได้ ข้าจะวาด ข้าจะพยายามให้เต็มที่”
“เจ้าไม่รู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นมีนามว่าอะไร แต่อย่างน้อยเจ้าก็น่าจะรู้จักชื่อของอาจารย์และศิษย์น้องของเจ้า”
ปู่และหลานสาวช่วยชีวิตชายหนุ่มคนหนึ่ง
จะใช่เซี่ยวอวี่เซวียนของพวกเขาหรือไม่?
เซี่ยวอวี่เซวียนเองก็ถูกปู่และหลานสาวคู่หนึ่งช่วยชีวิตเอาไว้
กู้ชูหน่วนหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น
หากเป็นเช่นนี้ นางก็สามารถทวงแผ่นอักษรสีเหลืองคืนจากเซี่ยวอวี่เซวียนได้
“อาจารย์ของข้าชื่อสานจี ศิษย์น้องหญิงของข้าชื่อ ฮวาฮวา”
หยางเหมยถือพู่กันไว้ในมืออยู่นาน ไม่รู้ว่าต้องจับมันอย่างไร พยายามหาท่าที่ถนัดและวาดมันออกมา
ฮวาฮวา?
ชื่อไม่ตรงกัน
หญิงสาวที่ช่วยเซี่ยวอวี่เซวียนไว้ชื่อเฉินหลิง
กู้ชูหน่วนหันไปมองฝูกวงด้วยสายตา
ฝูกวงเข้าใจในทันที “นายท่านวางใจ ข้าน้อยจะมอบหมายให้คนตามหาให้ทั่ว”
ควับ……
จากนั้นฝูกวงก็หายไปทันที
หยางเหมยกล่าวออกมาว่า “เร็วมาก วิชาตัวเบานี้เร็วกว่าข้าเสียอีก นี่ ชายผู้นั้นเป็นน้องชายของเจ้าจริงอย่างนั้นหรือ?”
“รีบวาด”
“วาดเสร็จแล้ว นี่ไง”
กู้ชูหน่วนหันไปมอง นางรู้สึกโกรธจนแทบหายใจไม่ออก
นี่มันผีหรืออย่างไร?
จากภาพทั้งสามภาพ
ภาพแรกเหมือนสุนัข
ภาพที่สองเหมือนรังนก
ภาพที่สามเหมือนกับลา
ผู้ชายคนนี้ไม่ได้กำลังล้อนางเล่นอยู่ใช่ไหม?
หยางเหมยแตะแก้มที่เปื้อนหมึกของเขาและพูดอย่างเขินอาย “ดูเหมือน……ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเหมือนสักเท่าไหร่ คือ……ข้าไม่ได้เรียนวาดรูปมา และไม่รู้จักตัวอักษร แต่ข้าก็ไม่ได้กลัวว่าเจ้าจะหัวเราะ เพราะนี่คือครั้งแรกที่ข้าจับพู่กัน”
กู้ชูหน่วนจับมาที่หน้าอกข้างซ้ายของนาง พยายามสงบอารมณ์ของตนเองลง
“อาจารย์ของเจ้ามักจะเดินทางไปที่ใด เจ้าไม่รู้งั้นหรือ?”
“อาจารย์พเนจรไปทั่วโลก อาศัยอยู่ในสถานที่ไม่แน่นอน ข้าไม่รู้จริง ๆ”
“เขาไม่ได้บอกกับเจ้าไว้หรือว่า พวกเขาจะไปที่ใด?”
“ไม่ แต่เหมือนกับศิษย์น้องจะพูดว่า ชายหนุ่มผู้นั้นอยากไปนครหลวง และดูเหมือนชายหนุ่มผู้นั้นจะมีคนในใจอยู่แล้ว ทำให้ศิษย์น้องของข้าต้องเศร้าใจ”
“ดังนั้นเป็นไปได้ว่า พวกเขาทั้งสามอาจจะเดินทางไปยังนครหลวง”
“คือ……มันก็อาจเป็นไปได้ อาจารย์มีศิษย์น้องเป็นหลานสาวเพียงคนเดียว ปกติแล้วอาจารย์รักและเป็นห่วงนางมาก มันก็เป็นไปได้ที่จะตามพวกเขาไปนครหลวง”
“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงไม่พูดออกมาตั้งแต่แรก”
“คือ……ข้าเองก็เพิ่งจะนึกได้”
กู้ชูหน่วนยิงพลุสัญญาณขึ้นไปบนท้องฟ้า จับเสื้อผ้าของหยางเหมยและมุ่งหน้าเข้าเมือง
“พวกเราไม่วาดภาพแล้วงั้นหรือ?”
“ไม่ต้องวาดแล้ว”
ภาพที่เขาวาดออกมามองไม่ออกสักนิดว่าเป็นผู้ใด เช่นนั้นแล้วจะวาดไปเพื่ออะไร
“อ่า แม่สาวน้อย เจ้าเป็นใครกันแน่? เมื่อสักครู่ที่เจ้ายิ่งออกไปใช่พลุสัญญาณหรือไม่?”
“……”
พวกเขากำลังมุ่งหน้าเข้าเมือง
หากคิดจะหาทั้งสามคนในรัฐปิง มันคงไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทร
มีเพียงแต่ต้องไปที่จุดพักของเจ้าหน้าที่ส่งสาส์นหรือตามแคว้นเล็ก ๆ ที่เป็นทางผ่านในการเดินทางไปรัฐปิงและให้พวกเขาช่วยตามหาเท่านั้น จึงจะสามารถพวกเขาพบ
นอกเมืองเต็มไปด้วยจิตสังหารที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างไกล แต่พวกเขาก็ยังสัมผัสได้ถึงการต่อสู้อันดุเดือดจากที่นั่น
โดยเฉพาะพัดที่เต็มไปด้วยเลือด
นั่นคือพัดของเสี่ยวเซวียนเซวียน พัดลงมาด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า
เสี่ยวเซวียนเซวียนกำลังตกอยู่ในอันตราย