“คุณชายตู้ คุณไม่เป็นไรนะคะ? ทำไมมือข้างนี้ของคุณถึงหักไปด้วยล่ะ?”
เมื่อได้ยินเสียงโหยหวนของตู้เคอหลิน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทั้งหลายรีบวิ่งเข้าไปในห้องคนไข้ ไม่นานนักก็พบว่ามือขวาของตู้เคอหลินก็หักด้วยเช่นกัน
“ไล่เขาไป! รีบไล่เขาออกไปเดี๋ยวนี้! ฉันไม่อยากเห็นเขา”
โดนเย่เทียนหักแขนหักขาครั้งแล้วครั้งเล่า ตู้เคอหลินกลัวเย่เทียนถึงขีดสุด จะอยากเห็นเย่เทียนอีกที่ไหน
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทั้งหลายได้ฟังจึงเงยหน้ามองเย่เทียน แล้วหันไปมองตู้เคอหลินที่มีสีหน้าหวาดกลัว จะไม่รู้ได้ยังไงว่าเย่เทียนคือตัวการ
ชั่วขณะนั้น สายตาที่เหล่าเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมองเย่เทียนเริ่มไม่เป็นมิตรขึ้นมา
ยังไงซะไม่พูดถึงฐานะของตู้เคอหลิน แต่เขายังเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลอีกด้วย โดนคนหักแขนหนึ่งข้างในโรงพยาบาล ถ้าปล่อยให้อีกฝ่ายไปง่ายๆแล้วเรื่องนี้แพร่ออกไปเดาได้เลยว่าจะมีผลกระทบต่อโรงพยาบาลขนาดไหน
“พี่หวัง ไม่เกี่ยวกับเขาค่ะ”
เมื่อสัมผัสได้ว่าบรรยากาศเริ่มตึงเครียด พยาบาลสาวที่ยืนอยู่ข้างเย่เทียนรีบออกตัวให้ เธอออกมายืนขวางอยู่หน้าเย่เทียน ตะโกนใส่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเหล่านั้น “คุณ คุณชายตู้คิดจะลวนลามฉันก่อนค่ะ เขาไม่ได้ตั้งใจทำร้ายคุณชายตู้ เขาแค่จะช่วยฉันค่ะ”
เหล่าเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้ฟังก็หันมาสบตากัน และเห็นแววตามาดมั่นจากอีกฝ่าย
พยาบาลสาวเป็นเพื่อนร่วมงานของพวกเขา พวกเขาย่อมรู้จักนิสัยของเธอดี และรู้ด้วยว่าตู้เคอหลินเป็นลูกชายเจ้าสำราญ จึงมั่นใจว่าสิ่งที่พยาบาลพูดเป็นความจริง
แต่ไม่ว่าสาเหตุของเรื่องนี้คืออะไร ตอนนี้มืออีกข้างของตู้เคอหลินก็หักไปแล้ว ถ้าปล่อยให้เย่เทียนไปหลังจากนี้พวกเขาคงอยู่ในโรงพยาบาลต่อไปไม่ได้
คิดมาถึงตรงนี้ บุรุษพยาบาลที่ถูกเรียกว่าพี่หวังเป็นฝ่ายออกตัวก่อน เขาบอกกับพยาบาลสาว “เสี่ยวอวี้ ไม่ว่ายังไงเขาก็ทำร้ายคุณชายตู้ พวกเราจะปล่อยเขาไปเฉยๆไม่ได้”
พอเขาออกตัว เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่เหลือก็พากันออกตัวตาม ต่างมองเย่เทียนด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร
“พวกแกฟังที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือไงวะ ฉันบอกให้พวกแกไล่เขาไป ไม่ใช่….”
ตู้เคอหลินที่อยู่ด้านหลังเหล่าเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้ฟัง คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าพวกนี้จะทึกทักเอาเองว่าจะให้เย่เทียนอยู่
พี่น้องตระกูลเซียวยังนอนอยู่ในห้องคนไข้ชั้นล่างอยู่เลย ขนาดพวกเขายังไม่ใช่คู่มือของเย่เทียน คนพวกนี้น่ะเหรอจะสู้เย่เทียนได้?
น่าเสียดาย เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเหล่านั้นไม่ได้สนใจเสียงคำรามของเย่เทียนเลย แต่ละคนก้าวไปหาเย่เทียนแล้ว
พยาบาลสาวที่ถูกเรียกว่าเสี่ยวอวี้สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เธอหันกลับไปพูดกับเย่เทียนอย่างตึงเครียด “คุณ คุณรีบไปเถอะค่ะ ฉันจะลองดูว่าพอจะหยุดพวกเขาได้มั้ย”
“วางใจเถอะ ปลาซิวปลาสร้อยแค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอก”
เย่เทียนคลี่ยิ้มเห็นฟันขาว เอื้อมมือดันพยาบาลสาวไปด้านข้าง และพุ่งเข้าไปหาพี่หวังที่เดินเข้ามา
พี่หวังไม่คิดเลยว่าเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายที่มีคนมากกว่า เย่เทียนยังกล้าเป็นฝ่ายริเริ่มจู่โจม กว่าเขาจะตั้งสติได้ กำปั้นใหญ่เท่ากระสอบทรายก็เข้ามาใกล้ตาขึ้นเรื่อยๆ!
ฟู่วฟู่ว!
ในเมื่ออีกฝ่ายเลือกที่จะเข้าข้างคนเลว เย่เทียนก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไร เขาใช้หมัดต่อยเข้าไปอย่างหนัก ส่งเสียงคำรามประหนึ่งผ่าทะลุอากาศชวนใจหาย กำปั้นกระแทกเข้าหน้าของพี่หวังอย่างดุเดือด
น่าสงสารพี่หวัง แม้จะรับรู้ถึงอันตรายแล้ว คิดจะหลบ แต่ร่างกายขยับไม่ทันความคิด
บูม!
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น พี่หวังโดนหมัดเย่เทียนเข้าที่ใบหน้า เจ็บจนร้องครวญคราง และถอยหลังกรูดอย่างควบคุมไม่ได้
เย่เทียนไม่คิดจะหันมองเขาอีกแม้แต่น้อย ขยับเท้ารัวๆและมาอยู่ข้างกายอีกคนด้วยความเร็วแสง พร้อมปล่อยหมัดออกไปอย่างแรงอีกครั้งจนอีกฝ่ายล้มลงกับพื้น!
อีกสองคนที่เหลืออึ้งกิมกี่ ไม่คิดไม่ฝันว่าเย่เทียนจะดุร้ายขนาดนี้ นี่เพิ่งผ่านไปได้ไม่กี่วินาทีก็ล้มเพื่อนสองคนของพวกเขาได้แล้ว ถ้าพวกเขาสองคนลุยเข้าไปอีกก็เท่ากับให้เขาต่อยฟรีน่ะสิ?
พี่หวังที่โดนต่อยจนถอยออกไปเริ่มฟื้นตัวได้ ถ้าเมื่อกี้จำต้องพุ่งไปหาเย่เทียนด้วยบารมีของตู้เคอหลิน ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เขาแทบอยากจะหั่นเย่เทียนเป็นชิ้นๆ!
“พวกนายมัวยืนอึ้งอะไรอยู่? ยังไม่รีบลุยเข้าไปอีก! ถ้าวันนี้ไม่สั่งสอนเจ้านี่ให้เข็ด ฉันจะเขียนแซ่ตัวเองแบบตีลังกา!”
ทั้งสองได้ฟังก็มองหน้ากัน ก่อนจะเหลือบมองตู้เคอหลิน พวกเขาไม่กล้าที่จะลังเล พุ่งเข้าไปหาเย่เทียนอย่างไม่คิดชีวิต
เย่เทียนกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน ส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจ ได้แต่เข้าต่อสู้
เช่นเดียวกัน เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที ทั้งสองคนไม่แม้แต่จะได้แตะชายเสื้อเย่เทียน ก็ลงไปร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดบนพื้นแล้ว
เย่เทียนปรบมือด้วยสีหน้าสบายๆ ทอดสายตาไปมองพี่หวัง พูดด้วยรอยยิ้มจางๆ “แหมๆ เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ จะสั่งสอนฉันใช่มั้ย?”
“แก!”
พี่หวังกวาดสายตามองเพื่อนสามคนที่นอนโหยหวนอยู่บนพื้น นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวอย่างควบคุมไม่ได้ แต่เมื่อนึกถึงหมัดเมื่อกี้ หน้าตาก็เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง “ฉันจะฆ่าแก!”
วินาทีต่อมา พี่หวังคำราม ราวกับจะเติมขวัญกำลังให้ตัวเอง ก่อนจะถีบเย่เทียน
เย่เทียนส่ายหัวอย่างดูแคลน เขาหมุนเอวขวับ หลบการโจมตีของพี่หวังได้สบายๆ และตอบโต้ด้วยฝ่ามือที่ฟันเข้าไปอย่างแรง
ตู้ม!
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น พี่หวังรู้สึกเจ็บที่ไหล่อย่างมหาศาล ไม่รอให้เขาได้โหยหวน ก็โดนเย่เทียนเตะเข้าที่เข่าอีกครั้ง จนขาอ่อนอย่างควบคุมไม่ได้และคุกเข่าต่อหน้าเย่เทียน
พี่หวังรู้สึกอัปยศ คิดจะโต้ตอบ ทว่ามือของเย่เทียนบีบมาที่ไหล่ของเขาแล้ว
“เจ็บมากๆ! แกปล่อยฉันนะ…..”
สีหน้าพี่หวังแดงก่ำอย่างกับตับหมู และร้องโวยวายเสียงดัง
“ทำไม? ตอนนี้ไม่อยากสั่งสอนฉันแล้วเหรอ”
เย่เทียนกระตุกยิ้มเย้ยหยันที่มุมปาก และมองพี่หวังอย่างผู้เหนือกว่า
“พี่ พี่ใหญ่ เราต่างเป็นคนศิวิไลซ์ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน….”
พี่หวังอยากจะร้องไห้ จนกระทั่งบัดนี้เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าเจอกับคนระดับไหน จดกระทั่งบัดนี้เขาเพิ่งเข้าใจว่าทำไมตู้เคอหลินถึงก่นด่าเสียงดังก่อนหน้านี้
แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขารู้ตัวช้าเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย
“มีอะไรค่อยพูดค่อยจา?”
เย่เทียนขำ ก่อนจะเบ้ปาก “เมื่อกี้ทำไมนายไม่พูดถึงความศิวิไลซ์ล่ะ? ถ้าไม่ใช่ว่าฉันมีความสามารถอยู่บ้าง คงนอนหมอบอยู่ตรงนี้แล้วสินะ”
“ฉัน…..”
พี่หวังขมขื่นไปหมด เขากลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
“ถึงแม้ฉันไม่ค่อยชอบสิ่งที่นายทำเมื่อกี้ แต่ฉันเป็นคนมีเมตตา”
เย่เทียนกวาดตามองตู้เคอหลินที่หน้าตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ฉายรอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปาก เขาคลายไหล่ของพี่หวังที่ตัวเองบีบเอาไว้ “เอาอย่างนี้ อย่าหาว่าฉันไม่ให้โอกาสแล้วกัน ขอแค่นายหักขาอีกข้างขอคุณชายตู้ ฉันจะพิจารณาปล่อยนายไป”
ไม่รอให้พี่หวังตอบ เย่เทียนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป เขาแค่นยิ้มพร้อมเอ่ย “ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันเชื่อว่านายจะไม่ดีไปกว่าคุณชายตู้เท่าไหร่ ชีวิตหลังจากนี้ต้องรอให้คนอื่นมาช่วยดูแลอย่างเดียว!”